มาตรการในการป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนาภายใต้รัฐธรรมนูญไทยฉบับ 2560 เป็นแนวทางสำคัญในการเสริมสร้างศีลธรรม ความมั่นคง และความศรัทธาของสังคมไทยต่อพระพุทธศาสนา การดำเนินงานอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกมิติจะช่วยให้พระพุทธศาสนาอยู่คู่สังคมไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.05 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ชาวพุทธเป็นห่วงและอยากให้มีการตรวจสอบกรณีพระที่ออกมาเรี่ยไรเงินทำบุญกับประชาชน แม้ว่าจะจับสึกแล้วก็ยังกลับมาทำต่อว่า ต้องคุยกันหลายเรื่อง ส่วนการประพฤติผิดของพระ เราต้องรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดไปให้คณะสงฆ์ที่เป็นผู้แก้และไปดูปัญหาเหล่านี้ ว่ามีความผิดอย่างไร จะต้องเคร่งครัดอย่างไร ซึ่งตนได้ให้นโยบายกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าหากดูรัฐธรรมนูญให้ดีจะเห็นว่าฉบับนี้เขียนแปลกกว่าฉบับอื่นคือ ให้มีมาตรการในการป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนา ซึ่งสำนักพุทธฯก็ต้องดูว่าจะมีมาตรการอย่างไร เพราะการเขียนแบบนี้แปลว่า มีพฤติกรรมโดยรวมอะไรที่ไม่ถูกต้องตามหลักศาสนา ก็ต้องถือว่าเป็นการทำลายศาสนา ทั้งหมดนี้ต้องรวบรวมข้อเท็จจริง จะออกเป็นกฎระเบียบอย่างไร เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ที่ต้องไปพิจารณานนั้น
จึงได้วิเคราะห์มาตรการในการป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนาในรัฐธรรมนูญไทยฉบับ 2560พบว่า พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมไทยและวิถีชีวิตของประชาชนชาวไทย การธำรงรักษาพระพุทธศาสนามีความสำคัญต่อการพัฒนาศีลธรรม คุณธรรม และความมั่นคงของสังคม ในรัฐธรรมนูญไทยฉบับ 2560 มีมาตรการเฉพาะในการป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนา ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามในการปกป้องและเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่สถาบันทางศาสนา ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างยั่งยืน
หลักการและอุดมการณ์
รัฐธรรมนูญไทยฉบับ 2560 ได้กำหนดให้มีมาตรการเพื่อป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนา โดยเน้นการปกป้องศาสนสถาน พระสงฆ์ และหลักปฏิบัติที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย อุดมการณ์หลักของการบัญญัตินี้คือการรักษาศีลธรรมในสังคมไทย และการเสริมสร้างศรัทธาที่มั่นคงในพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่กับสังคมไทย
วิธีการ
ในการดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันการทำลายพระพุทธศาสนา วิธีการสำคัญประกอบด้วย:
การสร้างกฎระเบียบที่ชัดเจน: รัฐธรรมนูญได้ให้ความสำคัญกับการจัดทำกฎระเบียบและมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจากพระสงฆ์ เช่น การเรี่ยไรเงินที่ผิดหลักศาสนา
การเฝ้าระวังและตรวจสอบ: การรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์เพื่อนำไปสู่การพิจารณาและดำเนินการโดยคณะสงฆ์และสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ
การเผยแพร่ความรู้และศีลธรรม: ส่งเสริมการศึกษาและเผยแพร่หลักธรรมะเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง ลดการหลงผิดและการกระทำที่ทำลายศาสนา
การเคร่งครัดต่อพฤติกรรมของพระสงฆ์: การเคร่งครัดในธรรมวินัยและการพิจารณาโทษของผู้ประพฤติผิดเป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยคุ้มครองพระพุทธศาสนา
วิสัยทัศน์
วิสัยทัศน์ของมาตรการดังกล่าวคือการสร้างสังคมที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีความเป็นปึกแผ่นทางศีลธรรม และมุ่งมั่นที่จะรักษาศีลธรรมของชุมชนผ่านการดำเนินงานของคณะสงฆ์ และความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยเน้นความเป็นธรรมและความโปร่งใสในการปฏิบัติ
แผนงานและโครงการ
แผนงานและโครงการที่ควรดำเนินการเพื่อสนับสนุนมาตรการดังกล่าว ได้แก่:
โครงการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระธรรมวินัย: เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในหมู่ประชาชนและพระสงฆ์
การตรวจสอบและเฝ้าระวังพระสงฆ์ที่ประพฤติผิด: การจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อทำการตรวจสอบและติดตามพระสงฆ์ที่ประพฤติผิด และการลงโทษที่เป็นธรรม
การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนและคณะสงฆ์: เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและเสริมสร้างศีลธรรมในสังคม
โครงการพัฒนาศีลธรรมและคุณธรรม: เพื่อเผยแพร่หลักธรรมะที่ส่งเสริมศีลธรรมในสังคม
อิทธิพลต่อสังคมไทย
มาตรการดังกล่าวส่งผลให้เกิดความมั่นคงในพระพุทธศาสนา ลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาในหมู่ประชาชน การส่งเสริมความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักธรรมะจะช่วยสร้างความเป็นปึกแผ่นในสังคมไทยและส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งและมีศีลธรรมอย่างยั่งยืน
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ส่งเสริมการศึกษาและเผยแพร่ธรรมะอย่างต่อเนื่อง: การสนับสนุนการเผยแผ่พระธรรมวินัยและการพัฒนาศีลธรรมในชุมชน
จัดตั้งหน่วยงานเฝ้าระวังพฤติกรรมของพระสงฆ์: เพื่อป้องกันพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพ
การกำหนดมาตรการทางกฎหมายที่ชัดเจน: เพื่อควบคุมการเรี่ยไรและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระสงฆ์
การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์และภาครัฐ: เพื่อให้การดำเนินงานในด้านนี้เป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น