เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 การพิธีอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานชั่วคราวในประเทศไทย โดยถือเป็นวาระพิเศษเนื่องในโอกาส ครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นับเป็นโอกาสสำคัญที่พุทธศาสนิกชนไทยจะได้สักการะพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วโลกนั้น
พระพรหมบัณฑิต ในฐานะหัวหน้าคณะสงฆ์ไทยที่ร่วมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ได้กล่าวว่า พระเขี้ยวแก้วจากวัดหลิงกวงนี้เป็น 1 ใน 2 พระบรมสารีริกธาตุที่มีอยู่บนโลกมนุษย์ตามตำนาน และการสักการะพระบรมสารีริกธาตุเสมือนการได้กราบพระพุทธองค์โดยตรง ซึ่งเป็นอานิสงส์อันยิ่งใหญ่
สำหรับการอัญเชิญในครั้งนี้ มีคณะผู้แทนรัฐบาลไทย นำโดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมตัวแทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพระเถรานุเถระจากประเทศไทยจำนวน 10 รูป โดยจะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างไทย-จีนในวันที่ 3 ธันวาคม และการเจริญพระพุทธมนต์ร่วมกันในวันที่ 4 ธันวาคม ก่อนอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมายังประเทศไทยและประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
ภายในงานยังจัดนิทรรศการแบ่งเป็น 5 โซน ได้แก่ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาและพุทธประวัติ ประวัติและความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุ ความสำคัญของพระเขี้ยวแก้ว นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ความสัมพันธ์ไทย-จีน ประชาชนที่มาร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุสามารถเยี่ยมชมความรู้และประวัติศาสตร์ในนิทรรศการนี้ได้เช่นกัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น