วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แนะแนวแก้ "ขัดแย้ง-รุนแรง" ของชาวพุทธ ในปริบทพุทธสันติวิธี



การใช้หลักพุทธสันติวิธีในการแก้ไขความขัดแย้งในวงการพระสงฆ์และสังคมไทยสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดปัญหาความรุนแรงและเสริมสร้างสันติภาพในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน.

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหมู่พระสงฆ์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ระหว่างพระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา หรือ "พระธีระ" และลูกศิษย์ของ "หลวงพี่น้ำฝน" ถือเป็นกรณีที่สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงภายในวงการพระสงฆ์ ที่เกิดจากการแสดงความคิดเห็นที่มีความขัดแย้งและการตอบโต้กันในลักษณะที่ไม่เป็นไปตามหลักธรรมของพุทธศาสนา ซึ่งสามารถเป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงปัญหาความขัดแย้งภายในสังคมไทยโดยรวม

กรณีที่พระธีระถูกทำร้ายจากการถีบโดยลูกศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝน นั้นมาจากการที่พระธีระแสดงความคิดเห็นในทางที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับหลวงพี่น้ำฝน สร้างความตึงเครียดในหมู่พระสงฆ์ ส่งผลให้ลูกศิษย์ที่มีความศรัทธาต่อหลวงพี่น้ำฝนเกิดอารมณ์ชั่ววูบและลงมือทำร้ายพระธีระ แม้หลวงพี่น้ำฝนจะไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงก็ตาม แต่การเกิดเหตุการณ์นี้ย่อมทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับบทบาทของพระสงฆ์ในสังคมและการใช้หลักธรรมในชีวิตประจำวัน

หลักการและอุดมการณ์ของพุทธสันติวิธี

พุทธสันติวิธี (Buddhist Peacebuilding) เป็นกระบวนการที่มุ่งหวังให้เกิดการสร้างความสงบและความสมานฉันท์ในสังคมโดยอาศัยหลักธรรมของพระพุทธศาสนา เช่น การอดทนอดกลั้น การทำสมาธิเพื่อการพัฒนาใจและจิตใจ การให้อภัย และการเข้าใจในความต่างที่สามารถนำไปสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข หลักการเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นคำสอนในพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเป็นไปได้ในการนำมาปรับใช้ในสังคมไทยเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

วิธีการและแผนยุทธศาสตร์

ในการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรงในสังคมพุทธศาสนา ควรมีการดำเนินการหลายประการที่สอดคล้องกับหลักพุทธสันติวิธี เช่น:

การอบรมและการศึกษาหลักธรรม: พระสงฆ์ทุกระดับควรได้รับการอบรมเกี่ยวกับการใช้หลักธรรมในการปฏิบัติตน เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้ในลักษณะรุนแรง และสามารถใช้การเจรจาและการไกล่เกลี่ยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ

การจัดตั้งกลไกไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง: การสร้างคณะกรรมการที่ประกอบด้วยพระสงฆ์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เพื่อทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหมู่พระสงฆ์ และช่วยในการลดความตึงเครียด

การส่งเสริมความเข้าใจระหว่างพระสงฆ์และสังคมภายนอก: การเปิดโอกาสให้พระสงฆ์ได้มีส่วนร่วมในการสื่อสารกับสังคมภายนอกเพื่อสร้างความเข้าใจและยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการพูดจากล่าวโทษ

โครงการและอิทธิพลต่อสังคมไทย

โครงการที่สามารถนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการใช้หลักพุทธสันติวิธีในสังคมไทยได้แก่:

โครงการพัฒนาการสื่อสารเชิงสันติ: การจัดการอบรมการสื่อสารในเชิงบวกเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความขัดแย้งจากการสื่อสารที่ไม่เหมาะสม

โครงการสันติภาพในชุมชน: การส่งเสริมความสงบในระดับชุมชนโดยใช้หลักธรรมและวิธีการจากพระพุทธศาสนา เช่น การจัดการประชุมชุมชนที่มีการฟังกันอย่างเปิดเผยและมีการตัดสินใจร่วมกัน

โครงการการยุติความรุนแรงในวัด: การส่งเสริมให้วัดมีบทบาทในการส่งเสริมสันติภาพและการปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่อให้พระสงฆ์เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขและไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา

อิทธิพลของโครงการเหล่านี้สามารถช่วยสร้างความเข้าใจในหลักพุทธศาสนาและการใช้พุทธสันติวิธีในการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวทางการแก้ไขความขัดแย้งในสังคมไทย

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การบูรณาการระหว่างพระสงฆ์และสังคม: ควรส่งเสริมให้พระสงฆ์มีบทบาทในการเป็นผู้นำที่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในสังคมโดยไม่ใช้ความรุนแรง

การพัฒนาระบบการฝึกอบรมพระสงฆ์: ต้องมีการฝึกอบรมพระสงฆ์ในเรื่องการจัดการความขัดแย้งและการใช้พุทธสันติวิธีในการดำเนินชีวิต

การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษในพระพุทธศาสนา: การจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อช่วยในเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างพระสงฆ์ และการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในวงการพระสงฆ์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์

  วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23: พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พระไตรปิฎกเล...