วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แนวทางการป้องกันภัยจากภายในที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา ภายใต้นโยบายรัฐบาลไทยต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI): ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี วิสัยทัศน์ แผนงาน และโครงการ


บทนำ

ในปัจจุบัน การคุกคามต่อพระพุทธศาสนาไม่เพียงแต่เกิดจากปัจจัยภายนอกเท่านั้น แต่ยังมาจากปัจจัยภายใน อันเกิดจากการบริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ และความโปร่งใสในระดับต่าง ๆ ภายในองค์กรสงฆ์ ในการประชุมที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นการป้องกันภัยจากภายในที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการเสริมสร้างความโปร่งใสในกระบวนการบริหารจัดการภายในคณะสงฆ์เพื่อป้องกันการละเมิดพระธรรมวินัยและปัญหาการใช้อำนาจในทางที่ผิด

บทความนี้จะวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี วิสัยทัศน์ แผนงาน และโครงการที่จำเป็นในการป้องกันภัยภายในที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เป็นกลไกสนับสนุนการทำงานในยุคปัจจุบัน

1. วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ในการป้องกันภัยจากภายในที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา

วิสัยทัศน์: การบริหารจัดการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ระบบที่ใช้เทคโนโลยี AI จะมีบทบาทในการจัดการและตรวจสอบกระบวนการภายในที่อาจเกิดปัญหา ทั้งในระดับบุคคลและองค์กรเพื่อรักษาความสมบูรณ์และความมั่นคงของสถาบันสงฆ์

ยุทธศาสตร์: การพัฒนากลไกที่เน้นการตรวจสอบและป้องกันปัญหาภายในองค์กร ควรใช้เทคโนโลยีและ AI ในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติของคณะสงฆ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามและประเมินประสิทธิภาพการบริหารและการดำเนินงาน รวมถึงเสริมสร้างแนวทางการปฏิบัติที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้

2. ยุทธวิธีในการป้องกันภัยจากภายในที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา

เพื่อให้เกิดการป้องกันที่ครอบคลุม ควรมีการดำเนินการตามยุทธวิธีที่เหมาะสม ดังนี้:

  • การสร้างกลไกการตรวจสอบภายในที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ: การใช้ AI ช่วยในการตรวจสอบพฤติกรรมและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในคณะสงฆ์จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการละเมิดพระธรรมวินัยและการทุจริต ควรมีระบบแจ้งเตือนเมื่อมีการกระทำที่อาจละเมิดหลักการที่เหมาะสม
  • การเสริมสร้างความเข้าใจและการสื่อสารภายในคณะสงฆ์: ควรมีการอบรมและการเสริมสร้างความรู้ในเรื่องธรรมวินัย ความรับผิดชอบต่อสังคม และการใช้งานเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมให้มีการสื่อสารภายในที่เข้มแข็งจะช่วยลดความขัดแย้งและการกระทำที่เสี่ยงต่อปัญหาภายใน
  • การป้องกันการละเมิดพระธรรมวินัยอย่างเป็นระบบ: การป้องกันการละเมิดพระธรรมวินัยจะต้องมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและการใช้เทคโนโลยีในการเฝ้าระวัง เช่น การใช้ AI ตรวจจับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในสถานที่ที่มีการจัดกิจกรรมทางพุทธศาสนา เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น

3. แผนงานและโครงการเพื่อการป้องกันภัยจากภายในที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา

แผนงาน 1: โครงการพัฒนาระบบการตรวจสอบภายในด้วย AI

  • วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาระบบการตรวจสอบภายในที่สามารถตรวจจับและติดตามพฤติกรรมที่อาจเป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพ
  • กิจกรรม: การพัฒนาโปรแกรม AI ที่สามารถประมวลผลข้อมูลและแจ้งเตือนในกรณีที่พบพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการละเมิดพระธรรมวินัย หรือการทุจริต รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการบริหาร

แผนงาน 2: โครงการเสริมสร้างความเข้าใจในพระธรรมวินัยและการสื่อสารภายในคณะสงฆ์

  • วัตถุประสงค์: เพื่อส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย และเสริมสร้างความเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของคณะสงฆ์
  • กิจกรรม: การอบรมพระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ในเรื่องพระธรรมวินัย กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเทคโนโลยีที่สนับสนุนการบริหารงาน รวมถึงการจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความร่วมมือภายในองค์กร

แผนงาน 3: โครงการพัฒนากฎระเบียบและแนวทางในการป้องกันการละเมิดพระธรรมวินัย

  • วัตถุประสงค์: เพื่อกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะสงฆ์และป้องกันการละเมิดพระธรรมวินัยอย่างเป็นระบบ
  • กิจกรรม: การจัดทำกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดในการควบคุมและติดตามการปฏิบัติของพระสงฆ์ โดยใช้เทคโนโลยีช่วยเฝ้าระวังการละเมิด และเปิดช่องทางให้มีการรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างปลอดภัย

4. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

เพื่อให้การป้องกันภัยภายในเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายมีดังนี้:

  • การสนับสนุนงบประมาณสำหรับการพัฒนาและใช้เทคโนโลยี AI ในการเฝ้าระวังและตรวจสอบภายใน: ควรจัดสรรงบประมาณเพื่อนำ AI และระบบไอทีมาใช้ในกระบวนการตรวจสอบและป้องกันการกระทำที่เสี่ยงต่อการละเมิดพระธรรมวินัย
  • ส่งเสริมการเรียนรู้และฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่และพระสงฆ์: จัดอบรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในงานพุทธศาสนา เพื่อให้สามารถปรับใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบและป้องกันปัญหาภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบจากสาธารณชนและสื่อมวลชน: ควรสนับสนุนให้มีช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน

สรุป

การป้องกันภัยจากภายในที่กระทบต่อพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความศรัทธาของประชาชน การใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและป้องกันการละเมิดพระธรรมวินัย รวมถึงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องพระธรรมวินัยและการสื่อสารภายใน จะช่วยให้คณะสงฆ์และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติสามารถดำเนินการป้องกันปัญหาภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การเปลี่ยนแปลงบทบาทของพระสงฆ์และคฤหัสถ์ในพุทธศาสนา : ความท้าทายและการปรับตัวในสังคมไทยยุคใหม่ โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ณกมล ปุญชเขตต์ทิกุล

ในยุคสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านสังคม เทคโนโลยี และค่านิยม พระพุทธศาสนาก็เช่นกัน ที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้...