วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แนวทางการป้องกันทุจริตในวงการคณะสงฆ์ไทย



การป้องกันการทุจริตในวงการคณะสงฆ์จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนทัศนคติของสังคม การกระจายอำนาจ การขจัดเงื่อนไขที่เอื้อให้มีการทุจริต การเพิ่มความโปร่งใส และการปรับระบบโครงสร้างการกำกับดูแล การเสริมสร้างจิตสำนึกทางพุทธศาสนาในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต การให้ความรู้เรื่องการทุจริต และการส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความโปร่งใสในวงการสงฆ์และสังคมในวงกว้างจะเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการทุจริตอย่างยั่งยืน  

ความเป็นมาและสภาพปัญหา

การทุจริตในวงการคณะสงฆ์กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากสังคมไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หนึ่งในกรณีที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางคือ “เงินทอนวัด” ซึ่งมีการเรียกคืนเงินบริจาคที่ส่งให้วัดกลับไปสู่เจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทุจริตในระบบสงฆ์ที่ทำให้สังคมเสียศรัทธาต่อองค์กรทางศาสนา  สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับแรงกดดันจากประชาชนในการเร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาดังกล่าว คณะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งเป็นองค์กรปกครองสงฆ์ระดับสูง ก็มีบทบาทสำคัญในการกำหนดหลักการและนโยบายเพื่อป้องกันการทุจริต อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาในระดับรากฐานต้องอาศัยการปฏิบัติจริงจากทั้งระดับคณะสงฆ์และภาครัฐในลักษณะที่เป็นระบบ

หลักการและอุดมการณ์ในการป้องกันการทุจริต

ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส: การบริหารกิจการคณะสงฆ์ควรเป็นไปด้วยหลักธรรมาภิบาลที่โปร่งใส เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชนและศาสนิกชน การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินและทรัพย์สินของวัดจะช่วยลดโอกาสในการเกิดการทุจริต 

การสร้างสำนึกด้านศีลธรรม: คณะสงฆ์ควรเป็นผู้นำในการปลูกฝังจริยธรรมและคุณธรรมแก่ตนเองและศาสนิกชน ป้องกันมิให้เกิดการทุจริตที่ต้นเหตุ โดยยึดหลักพุทธธรรม เช่น ความซื่อสัตย์ สุจริต และความเมตตากรุณา

การยึดหลักการของพุทธสันติวิธี (Peaceful Means): การป้องกันและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคณะสงฆ์โดยไม่ใช้ความรุนแรง ย่อมต้องอาศัยความเข้าใจและการเจรจาอย่างสงบ

วิธีการและแผนยุทธศาสตร์การป้องกันการทุจริตในคณะสงฆ์

การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านธรรมาภิบาล: จัดการฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมาภิบาลแก่พระสงฆ์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกิจการวัด

กระจายอำนาจการบริหาร: ลดการรวมศูนย์อำนาจในการบริหารกิจการวัด โดยให้มีการจัดการในลักษณะของการแบ่งหน้าที่และการตรวจสอบระหว่างกัน

ความร่วมมือกับภาครัฐและภาคประชาสังคม: เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด และหน่วยงานภาคประชาสังคม เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างทั่วถึงและยุติธรรม

โครงการและกิจกรรมเพื่อป้องกันการทุจริต

โครงการตรวจสอบบัญชีวัดโดยองค์กรอิสระ: ให้มีการตรวจสอบบัญชีการใช้จ่ายของวัดโดยองค์กรภายนอกที่มีความเป็นกลาง เพื่อลดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน

โครงการเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรม: ส่งเสริมการจัดกิจกรรมที่เน้นสร้างจิตสำนึกด้านคุณธรรม เช่น การประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นให้คนในสังคมตระหนักถึงความเสียหายจากการทุจริต

อิทธิพลต่อสังคมไทย

การป้องกันการทุจริตในวงการคณะสงฆ์จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาในระยะยาว และเป็นแรงบันดาลใจให้ภาคส่วนอื่นๆ ในสังคมปฏิบัติหน้าที่อย่างมีคุณธรรม ความโปร่งใสของการบริหารกิจการสงฆ์ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นในภาครัฐและเอกชน สร้างความยุติธรรมและความเสมอภาคในสังคม

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การปรับปรุงระเบียบข้อบังคับ: ควรปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารการเงินของวัดให้ชัดเจนและเป็นระบบ เพื่อป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น

สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน: เปิดโอกาสให้ชุมชนและผู้ศรัทธามีส่วนร่วมในการตรวจสอบกิจการวัด เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นแก่ศาสนิกชน

การลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง: การปฏิบัติการลงโทษผู้ที่กระทำการทุจริตในวงการสงฆ์ควรเป็นไปอย่างเคร่งครัดและโปร่งใส เพื่อป้องปรามและสร้างบรรทัดฐานที่ชัดเจนในสังคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์

  วิเคราะห์ปัญจาลวรรคในพระไตรปิฎกเล่มที่ 23: พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 15 อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ปัณณาสก์ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พระไตรปิฎกเล...