พุทธปรัชญาแห่งศาสตร์การจัดการเชิงพุทธมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคมไทย โดยนำหลักการที่เน้นความยั่งยืน ความสมดุล และการพัฒนาอย่างมีความรับผิดชอบมาใช้ในการบริหารจัดการทั้งในระดับชาติและชุมชน การประยุกต์ใช้พุทธปรัชญาในแผนยุทธศาสตร์และโครงการต่างๆ สามารถช่วยเสริมสร้างสังคมที่มีความเสมอภาคและยั่งยืน และเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับความต้องการของสังคมในปัจจุบัน
1. บทนำ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การจัดการในทุกระดับได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หนึ่งในศาสตร์ที่ได้รับความสนใจคือ "ศาสตร์จัดการเชิงพุทธ" ซึ่งเป็นการนำหลักธรรมและพุทธปรัชญามาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในมิติที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของสังคมไทย การศึกษาพุทธปรัชญาแห่งศาสตร์จัดการเชิงพุทธจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะทำความเข้าใจถึงหลักการ อุดมการณ์ วิธีการ และการประยุกต์ใช้ในแผนยุทธศาสตร์และโครงการต่างๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน
2. หลักการและอุดมการณ์ของศาสตร์จัดการเชิงพุทธ พุทธปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์จัดการเชิงพุทธนั้นมีพื้นฐานจากหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ซึ่งเน้นการพัฒนาและการบริหารจัดการที่มุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย โดยมีหลักการสำคัญดังนี้:
ความพอเพียง (Sufficiency Economy): หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ เป็นหลักการสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่โดยไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่สามารถทำให้ชีวิตและสังคมดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
วิถีแห่งกลาง (Middle Way): การเลือกทางที่ไม่ถึงขั้นสุดโต่งและไม่ให้เกิดความเสี่ยงจากการกระทำที่เกินไป มุ่งสู่การใช้ชีวิตอย่างพอดีและสมดุล
การไม่ยึดติด (Non-attachment): การบริหารจัดการที่มุ่งเน้นการให้บริการแก่ผู้อื่นมากกว่าการยึดมั่นในผลประโยชน์ส่วนตัว
3. วิธีการและวิสัยทัศน์ในศาสตร์จัดการเชิงพุทธ วิธีการที่นำมาใช้ในศาสตร์จัดการเชิงพุทธนั้นจะเน้นที่การใช้ความรู้และปัญญาในการแก้ไขปัญหา โดยยึดหลักการสำคัญในพระพุทธศาสนา เช่น การวิจัยและการวิเคราะห์ที่ต้องใช้สติปัญญาในการทำความเข้าใจในสิ่งต่างๆ การใช้สมาธิในการพิจารณาผลกระทบ และการเรียนรู้จากประสบการณ์เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
วิสัยทัศน์ในการจัดการเชิงพุทธมักจะมุ่งเน้นที่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีการสร้างสมดุลและความเป็นธรรมในทุกระดับของการดำเนินงาน
4. แผนยุทธศาสตร์และโครงการที่นำหลักพุทธปรัชญามาใช้ การนำพุทธปรัชญามาประยุกต์ใช้ในแผนยุทธศาสตร์และโครงการนั้นมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยคำนึงถึงการบูรณาการระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการรักษาความสมดุลของสังคมและสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างเช่น โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ที่เน้นการพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่นและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน โดยการใช้หลักการของความพอเพียงและการไม่ยึดติด
5. อิทธิพลของพุทธปรัชญาต่อสังคมไทย พุทธปรัชญามีอิทธิพลต่อการพัฒนาและการบริหารจัดการในสังคมไทยอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากมีการนำหลักการเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการจัดการในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารภาครัฐหรือภาคธุรกิจ รวมถึงการจัดการในระดับชุมชน โดยการนำหลักพุทธปรัชญาไปสู่การปฏิบัติได้จริงนั้นมักจะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในเรื่องความยุติธรรม การพัฒนาที่ไม่กระทบต่อธรรมชาติ และการสร้างสังคมที่มีความเสมอภาค
6. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
การส่งเสริมการศึกษาและการเผยแพร่หลักพุทธปรัชญา: การเสริมสร้างการเรียนรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับหลักพุทธปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการในทุกระดับของสังคม โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาและภาครัฐ
การสร้างแผนยุทธศาสตร์ที่เน้นความยั่งยืน: การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติที่มีหลักการพุทธปรัชญาเป็นแนวทาง โดยคำนึงถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงในระดับชุมชน: ส่งเสริมโครงการและนโยบายที่ช่วยให้ชุมชนมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การใช้พุทธปรัชญาในบริหารจัดการธุรกิจ: การนำหลักการพุทธปรัชญามาใช้ในการพัฒนาธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยไม่เน้นผลกำไรเพียงอย่างเดียว
(หมายเหตุ: การเรียนการสอนปริญญาเอกสาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธโดย ศ.ดร.บุญทัน ดอกไธสง รายวิชา พุทธปรัชญาแห่งศาสตร์การจัดการเชิงพุทธ หลักสูตรบัณฑิตศึกษา ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ 14 พฤศจิกายน 2567)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น