วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ศาลฎีกายกฟ้อง! เจ้าคุณเทอด -เจ้าคุณสังคม “ไม่มีความผิด” คดีเงินทอนวัด



การดำเนินคดีกับพระสงฆ์ในกระบวนการยุติธรรมไทยต้องมีความละเอียดอ่อนและโปร่งใส โดยสอดคล้องกับหลักพุทธสันติวิธีและบริบทของสังคมไทย การทำเช่นนี้ไม่เพียงช่วยสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่ยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐและพุทธศาสนาในประเทศไทย

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567  เวลา 09.30 น. ที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีของ อดีตพระเมธีสุทธิกร(เจ้าคุณสังคม)และ อดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เจ้าคุณเทอด) ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ยกฟ้อง  พร้อมระบุว่า ไม่เคยเป็นคดีความมาตั้งแต่ต้น

จึงได้วิเคราะห์ทางวิชาการเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับพระสงฆ์ของกระบวนการยุติธรรมไทยในปริบทพุทธสันติวิธี: หลักการ อุดมการณ์ วิธีการ วิสัยทัศน์ แผนงาน โครงการ และอิทธิพลต่อสังคมไทย" ความว่า 

 การดำเนินคดีกับพระสงฆ์ในประเทศไทยมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน เนื่องจากต้องคำนึงถึงบริบททางศาสนา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีเงินทอนวัดของอดีตพระเมธีสุทธิกร (เจ้าคุณสังคม) และอดีตพระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เจ้าคุณเทอด) โดยศาลระบุว่าไม่มีความผิดและไม่เคยมีคดีมาตั้งแต่ต้น การพิจารณาคดีนี้สะท้อนถึงความพยายามของกระบวนการยุติธรรมไทยในการรักษาความยุติธรรมอย่างเป็นธรรมในบริบทที่สอดคล้องกับหลักการทางพุทธสันติวิธี

หลักการและอุดมการณ์

กระบวนการยุติธรรมไทยที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับพระสงฆ์ต้องตั้งอยู่บนหลักการความยุติธรรมที่ชัดเจน อุดมการณ์ของกระบวนการยุติธรรมดังกล่าวควรคำนึงถึงศาสนาและวัฒนธรรมพุทธ ซึ่งเน้นการเคารพในศีลธรรม จริยธรรม และความโปร่งใส โดยเน้นการประนีประนอมก่อนการลงโทษอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการพิจารณาคดีเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ที่มีบทบาทสำคัญในสังคมไทย

วิธีการดำเนินการ

การดำเนินคดีกับพระสงฆ์ในกระบวนการยุติธรรมไทยควรเป็นไปตามวิธีการที่มีความละเอียดอ่อนและยึดหลักความเป็นธรรม เช่น การแยกแยะระหว่างการพิจารณาความผิดทางโลกและทางธรรม การใช้มาตรการที่เคารพต่อพุทธศาสนา การดำเนินคดีอย่างโปร่งใสและเปิดเผย รวมถึงการรักษาสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถูกกล่าวหาในกระบวนการยุติธรรม

วิสัยทัศน์และแผนงาน

วิสัยทัศน์ของกระบวนการยุติธรรมในการดำเนินคดีกับพระสงฆ์ควรมุ่งเน้นที่การสร้างความโปร่งใสและยุติธรรมโดยไม่ละเลยความสำคัญของพุทธสันติวิธี แผนงานที่ควรดำเนินการได้แก่การสร้างความร่วมมือระหว่างกระบวนการยุติธรรมกับคณะสงฆ์ การให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับบทบาทของพระสงฆ์ในกระบวนการยุติธรรม การจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ รวมถึงการส่งเสริมโครงการที่ใช้หลักพุทธสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาและความขัดแย้งในชุมชน

โครงการและผลกระทบต่อสังคมไทย

การดำเนินคดีกับพระสงฆ์ในกรณีสำคัญ เช่น คดีเงินทอนวัด มีผลกระทบต่อสังคมในหลายมิติ หากกระบวนการยุติธรรมสามารถทำให้เกิดความยุติธรรมอย่างแท้จริง จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในสังคมและปกป้องศักดิ์ศรีของพระสงฆ์ ในทางกลับกัน หากกระบวนการยุติธรรมไม่ดำเนินการอย่างรอบคอบ อาจก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจและความขัดแย้งในชุมชนได้

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะทาง: เพื่อดูแลการดำเนินคดีเกี่ยวกับพระสงฆ์ในลักษณะที่เหมาะสมกับบริบทพุทธศาสนา

การส่งเสริมหลักพุทธสันติวิธี: ในการดำเนินกระบวนการยุติธรรม เพื่อเน้นการประนีประนอมและป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น

การพัฒนาความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์และรัฐ: เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับบทบาทของพระสงฆ์ในสังคมและกระบวนการยุติธรรม

การสร้างความโปร่งใสในการดำเนินคดี: โดยการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องและจัดการข้อกล่าวหาอย่างโปร่งใส

การสร้างความรู้และความตระหนักรู้แก่สาธารณชน: เกี่ยวกับบทบาทและการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรมในคดีที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพลง: ฮักทักษิณ

  ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌ ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  คลิกฟังเพลงที่นี่   (Verse 1)   เสียงแตรดังลั่นทุ่ง  วันพี่น้องคืนมา จากดอนเมือง สู่ถิ่นอีสา...