วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

"ดร.เฉลิมชัย" ดันโครงการธรรมจักรสีเขียว สร้างวัดต้นแบบเพิ่มพื้นที่ป่าทั่วประเทศ "ชูศักดิ์" ดันตั้งคกก.ระดับชาติแก้ปัญหาที่ดินวัดที่ซับซ้อน



เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567  ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้ความสำคัญกับการปลูกต้นไม้ การดูแลรักษาป่าไม้ และทรัพยากร ธรรมชาติโดยเร่งดำเนินการในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เอกชน รัฐ ตลอดจนความร่วมมือจากชุมชน วัด มัสยิด โรงเรียน ให้การสนับสนุน การอนุรักษ์ ป้องกันการบุกรุกทำลายป่า และป้องกันไฟป่า โดยได้มอบหมายให้กรมป่าไม้จัดทำโครงการ “ธรรมจักรสีเขียว” มีวัตถุประสงค์ เพื่อเชิดชู ส่งเสริมสนับสนุน และเป็นตัวอย่างให้แก่วัด ชุมชน ประชาชนในท้องถิ่น รวมทั้งส่งเสริมให้วัดหรือพระสงฆ์ได้ช่วยงานด้านป่าไม้ ในการอนุรักษ์ ปลูกป่า ป้องกันการบุกรุกทำลายป่า และป้องกันไฟป่า และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ พร้อมกับสร้างจิตสำนึก และหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติให้แก่ชุมชน ตลอดจนประชาชน

"ในปีงบประมาณ 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการคัดเลือกวัด หรือศาสนาสถานทั่วประเทศที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้จากกรมป่าไม้ในโครงการ“ธรรมจักรสีเขียว” ที่มีผลงานดีเด่นในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ารับรางวัลในช่วงวันมาฆบูชา" ดร.เฉลิมชัย กล่าว 

ทั้งนี้โครงการธรรมจักรสีเขียวเป็นการตอบสนองต่อความจำเป็นในการอนุรักษ์พื้นที่ป่าของประเทศไทยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการขยายตัวของชุมชน การบุกรุกทำลายป่า และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะปัญหาศาสนสถานในพื้นที่ป่าซึ่งบางครั้งเกิดจากการจัดการที่ไม่เหมาะสม ในขณะเดียวกัน พระพุทธศาสนาและป่าไม้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ซึ่งสามารถนำไปสู่การอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรป่าไม้ในรูปแบบที่เน้นความมีส่วนร่วมของชุมชน

หลักการและอุดมการณ์

โครงการธรรมจักรสีเขียวเน้นการบูรณาการพระพุทธศาสนากับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีหลักการสำคัญคือการสร้างวัดต้นแบบในการเพิ่มพื้นที่ป่า และการเสริมสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ในชุมชนผ่านการดำเนินงานของวัด พระสงฆ์ และชุมชน อุดมการณ์ของโครงการเน้นการมีชีวิตร่วมกับธรรมชาติอย่างสันติ และการดำเนินชีวิตตามหลักพุทธศาสนาเพื่อความยั่งยืน

วิธีการและแผนยุทธศาสตร์

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการธรรมจักรสีเขียว โดยการคัดเลือกวัดและศาสนสถานทั่วประเทศที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อดำเนินกิจกรรมที่เสริมสร้างพื้นที่ป่า เช่น การปลูกป่า การป้องกันไฟป่า และการอนุรักษ์ป่า นอกจากนี้ โครงการยังมุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ

เนื้อหาและโครงการ

เนื้อหาสำคัญของโครงการคือการส่งเสริมให้วัดและพระสงฆ์ช่วยงานด้านป่าไม้ อาทิ การปลูกป่า การอนุรักษ์ป่า และการป้องกันการบุกรุกทำลายป่า พร้อมทั้งเป็นแหล่งศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน รวมถึงการคัดเลือกวัดที่มีผลงานดีเด่นในด้านนี้ให้ได้รับการเชิดชูในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา

อิทธิพลต่อสังคมไทย

โครงการธรรมจักรสีเขียวส่งเสริมความตระหนักรู้ของชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และสร้างพื้นที่สีเขียวที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพระพุทธศาสนาและธรรมชาติ ทำให้เกิดความสามัคคีและการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ โครงการยังสร้างโอกาสในการพัฒนาพื้นที่ป่าให้เป็นแหล่งศึกษาทางธรรมชาติและศาสนา ซึ่งช่วยให้ประชาชนเข้าใจถึงคุณค่าของธรรมชาติและความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ส่งเสริมการวิจัยและการศึกษา เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธศาสนาและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และพัฒนาแนวทางใหม่ๆ ในการสร้างวัดต้นแบบที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการธรรมจักรสีเขียว และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ

สนับสนุนพระสงฆ์และวัดในพื้นที่ป่าไม้ ด้วยการจัดสรรทรัพยากรและการฝึกอบรมด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและการป้องกันไฟป่า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

กำหนดมาตรการและนโยบายที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ ที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนและความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ ผ่านการส่งเสริมกิจกรรมอนุรักษ์ในวัดและศาสนสถาน 

 "ชูศักดิ์" ดันตั้งคกก.ระดับชาติแก้ปัญหาที่ดินวัดที่ซับซ้อนและแนวพัฒนาที่ยั่งยืน

ขณะเดียวกันปัญหาการจัดการที่ดินของวัดในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากที่ดินของวัดบางแห่งเกิดความทับซ้อนกับพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานรัฐ เช่น ที่ดินป่า ที่ดิน สปก. ที่ดินสาธารณะ และที่ดินที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพ ปัญหานี้สร้างความท้าทายทั้งต่อการพัฒนาและการอนุรักษ์พื้นที่ทางพระพุทธศาสนาและต่อความยั่งยืนของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ

พื้นฐานและปัญหาที่เกิดขึ้น

ในการประชุมที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  พร้อมคณะประกอบด้วยดร.นิยม เวชกามา อดีต สส.สกลนคร เขต 2 พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะที่ปรึกษา ได้มอบนโยบายและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการจัดการปัญหาที่ดินวัด โดยกล่าวถึงปัญหาทับซ้อนของที่ดินระหว่างวัดกับพื้นที่รัฐต่างๆ ซึ่งมีความซับซ้อนและยังแก้ไขไม่สำเร็จ รศ.ชูศักดิ์เสนอว่าการแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องมีคณะกรรมการระดับชาติ โดยมีการร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมที่ดิน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น เพื่อทำให้เป็นวาระแห่งชาติและแก้ไขปัญหาที่ดินวัดอย่างเป็นระบบ

แนวทางการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ

การตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อแก้ปัญหาที่ดินวัดสามารถดำเนินการตามแนวทางต่อไปนี้:

การกำหนดโครงสร้างคณะกรรมการ คณะกรรมการควรประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้มีประธานคณะกรรมการที่มีอำนาจในการกำหนดทิศทางและสั่งการเพื่อให้เกิดความชัดเจน

การประสานงานระหว่างหน่วยงาน แต่ละหน่วยงานควรทำหน้าที่ในการกำหนดพื้นที่และสภาพการใช้ที่ดินของวัดให้ชัดเจน เพื่อลดความขัดแย้งและหลีกเลี่ยงปัญหาทับซ้อน

การใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการจัดการ เช่น การใช้เทคโนโลยี GIS และการทำฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ของที่ดินวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้คณะกรรมการสามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

การออกกฎหมายและระเบียบที่ชัดเจน รัฐควรปรับปรุงกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับที่ดินวัด ให้เกิดความยั่งยืนในการจัดการที่ดินและช่วยลดปัญหาทางกฎหมาย

แนวทางการพัฒนาที่ดินวัดสู่ความยั่งยืน

การพัฒนาที่ดินวัดอย่างยั่งยืนควรคำนึงถึงหลักการพุทธอารยะเกษตร และการพัฒนาที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง และการบูรณาการโครงการสำคัญต่าง ๆ เช่น:

โคกหนองนาโมเดล เป็นโมเดลที่ใช้หลักการเกษตรอินทรีย์ผสมผสานในที่ดินของวัด เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่ดิน น้ำ และเป็นแหล่งอาหารให้กับชุมชนในพื้นที่

ธนาคารน้ำและธนาคารที่ดิน การบริหารจัดการน้ำและที่ดินให้เหมาะสมช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและลดผลกระทบจากภัยแล้งหรืออุทกภัย ทำให้วัดและชุมชนมีการบริหารจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืน

การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธ การพัฒนาที่ดินวัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางศาสนา เช่น โครงการอารามภิรมย์ สามารถสร้างรายได้เสริมและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชน

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

จากการวิเคราะห์นี้ เสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังนี้:

สนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติ โดยให้มีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมีการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อให้คณะกรรมการสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การพัฒนาฐานข้อมูลที่ดินวัดแบบรวมศูนย์ เพื่อให้สามารถตรวจสอบและเข้าถึงข้อมูลที่ดินวัดได้อย่างครบถ้วน

การพัฒนาที่ดินวัดตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเน้นโครงการเกษตรอินทรีย์และเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางหลักในการจัดการพื้นที่

การสนับสนุนโครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและการท่องเที่ยวเชิงพุทธ เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจแก่พื้นที่ของวัด

การจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติแก้ปัญหาที่ดินวัดและการพัฒนาที่ดินวัดสู่ความยั่งยืน ถือเป็นแนวทางสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขปัญหาที่ดินวัดที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ การบูรณาการแนวทางดังกล่าวกับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนสามารถช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"สำนักสงฆ์ป่าสิริจันทร์" ยังฝึกกรรมฐานศพ พบเป็นอารมณ์กรรมฐานในพระไตรปิฎก

อารมณ์กรรมฐาน 40 ประการในพระไตรปิฎกมีคุณค่าในการพัฒนาจิตใจและส่งเสริมความสงบสุขในสังคม การประยุกต์ใช้อย่างถูกต้องและรอบคอบจะช่วยให้สังคมไทยม...