วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

"บิ๊กตู่"ยิ้ม! โพลให้คะแนนรัฐบาลทำงานหนักมือสะอาด




เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 ที่อากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะออกเดินทางไปยังฐานทัพอากาศกิมแฮ (Gimhae Air Base) นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ (ASEAN - Republic of Korea Commemorative Summit) ครั้งที่ 3 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - สาธารณรัฐเกาหลี (Mekong-Republic of Korea Summit) ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 24 - 27 พฤศจิกายน 2562
          
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึง โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงแต่ยิ้มและพยักหน้า เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจซูเปอร์โพลในหัวข้อเรื่อง “ภาพลักษณ์ ครม.ในใจประชาชน” ที่ระบุว่ารัฐบาลมีภาพลักษณ์ทำงานหนัก กล้าคิด กล้าทำ, คณะรัฐมนตรี (ครม.) มือสะอาด ไม่ด่างพร้อย และครม. มีบารมีคุมผู้มีอิทธิพลได้
          
อย่างไรก็ตาม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า "นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณ ถือเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยรัฐบาลจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงประชาชนต่อไป" 

"ซูเปอร์โพล"เปิดเสียงปชช.โลกดั้งเดิม-โซเชียลพบช่องทางก้าวข้าม"ทักษิณ"

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ทำอย่างไรเราจึงก้าวข้ามทักษิณได้” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 1,850 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,189 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-23 พฤศจิกายน 2562
          
เมื่อถามถึง นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อธุรกิจของครอบครัวตัวเอง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 46.0 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาคือ ร้อยละ 29.9 ระบุ อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร , ร้อยละ 13.9 ระบุ นายชวน หลีกภัย , ร้อยละ 5.2 ระบุ นายบรรหาร ศิลปอาชา และร้อยละ 5.0 ระบุคนอื่น ๆ เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ นายควง อภัยวงศ์ เป็นต้น
          
ที่น่าสนใจคือ ผลเปรียบเทียบภาพลักษณ์ที่ประชาชนจำได้ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร พบหลายประเด็นที่น่าพิจารณา คือ ด้านความเรียบง่าย เป็นกันเอง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 60.3 ในขณะที่ ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 52.8 , ด้านการเปิดงาน พิธีต่าง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 77.2 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 50.8 , ด้านยิ้มเก่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 38.0 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 47.4 , ด้านมีคนรัก ขอถ่ายรูปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 28.9 ดร.ทักษิณฯ ได้ร้อยละ 36.9 , ด้านลงพื้นที่ช่วยคนเดือดร้อน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 36.7 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 55.2
          
นอกจากนี้ ด้านมีผลงานยั่งยืน ผลสำรวจพบว่า สูสีกันมาก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 50.5 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 48.1 , ด้านคดีความต่าง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 21.2 ในขณะที่ ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 40.9
          
ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเข้าถึงคนทั้งหมดประมาณ 27,477,598 คน หรือยี่สิบเจ็ดล้านคนเศษ ซึ่งมากกว่าจำนวนคนที่ ดร.ทักษิณ กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลจำนวน 7,843,158 คน หรือ เจ็ดล้านกว่าคน
          
อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ คนในโลกโซเชียลจากหลากหลายประเทศกำลังให้ความสำคัญกับบุคคลทั้งสอง แต่ยังคงพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนวนคนจากประเทศต่างๆ ที่กำลังเกาะติด พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า ดร.ทักษิณ แต่มีคำพูดที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของบุคคลทั้งสองแตกต่างกัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีคนพูดถึงตำแหน่ง อำนาจบริหาร เอาเรื่องเอาราว ลงโทษเอาผิดคนอื่น เปิดงาน ร่วมพิธีการต่างๆมากกว่า แต่ถ้าเป็นคำพูดที่พูดแล้วดูดี มีผลทางจิตใจให้เกิดความรัก ความศรัทธาของคนในโลกโซเชียลเพราะช่วยเหลือคน จะพบว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณฯ จะถูกพูดถึงมากกว่า
          
"ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นช่องทางอะไรบางอย่างว่ามีความเป็นไปได้ที่จะก้าวผ่านอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตรไปได้อย่างดีถ้าทุกฝ่ายช่วยกันบริหารจัดการอารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชน โดยข้อมูลชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่กับเรื่องของตำแหน่ง อำนาจ การเปิดงานและพิธีการต่างๆ ที่เรื่องเหล่านี้ต้องทำให้เป็นช่องทางเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงมากกว่าเป็นเพียงพิธีกรรมที่ "วันเปิดคือวันปิด"  และประชาชนจะไม่ได้อะไร ควรเกาะติดการพูดคุยของคนในโลกโซเชียลให้เป็นระบบเพื่องานความมั่นคงเพราะอาจเป็นหัวเชื้อจุดไฟลามไปถึงคนนอกโลกโซเชียลคล้ายๆกับทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ กับ คนต่างจังหวัด แต่จะเป็นคนในโลกโซเชียลกับคนในโลกดั้งเดิม จึงต้องป้องกันปัญหาดีกว่าตามแก้ปัญหา จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันทั้งประเทศ"  ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง

วันที่ 24 เมษายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม  เวชยชัย ในฐานะอนุกรรมมา...