วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565

"ดร.มหานิยม" รับเรื่องจี้ "บิ๊กตู่" ทบทวนรับรอง ร่างพ.ร.บ.ธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย



เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่อาคารรัฐสภา นายนิยม เวชกามา  ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย  รับยื่นหนังสือจาก ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร  ประธานเครือข่ายชมรมรวมใจภักดิ์  เรื่องขอให้ซี้แจงให้นายกรัฐมนตรีทบทวน รับรอง พ.ร.บ.ธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย   ด้วยเครือข่ายฯ ได้มีมติร่วมกันเรื่องว่าด้วยความเท่าเทียมตามรัฐธรรมนูญและการแก้ไขปัญหาพุทธศาสนาอย่างยั่งยืนด้วยหลักความเสมอภาคภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยหลัก "ความเสมอภาค" หลักการนี้ได้รับ การบัญญัติได้อย่างชัดแจ้งในมาตรา 3 คือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน มาตรา 27 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและ เสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน 

แต่นายกรัฐมนตรีมีบัญชาไม่รับรองพระราชบัญญัติ ธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย"  เพราะเป็นกฎหมายทางการเงินซึ่งทางชมรมได้นำเรื่องนี้เข้าหารือกันแล้ว เห็นควรว่าควร นำความเข้ามาหารือเพื่อทบทวน ซึ่งในความจำเป็นในการผลักดัน พ.ร.บ.ธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย แม้ว่าจะเป็นพ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน แต่ก็ใช้จำนวนเงินไม่มาก จากหลักเกณฑ์ความเสมอภาค ในบางศาสนา ได้มี พ.ร.บ.ธนาคารจากศาสนาอื่นในประเทศไทยบ้างแล้ว สำหรับประชาชนปวงชนชาวไทย หมู่มากที่นับถือพระพุทธศาสนากว่าร้อยละ  95 จึงขอให้คณะ กมธ.นำเรื่องดังกล่าวนี้ให้นายกรัฐมนตรี ทบทวนอนุมัติรับรองอีกครั้ง เพื่อความเท่าเทียมและสร้างประโยชน์สุขแก่มวลประชาชนสืบไป

นายนิยม เวชการมา กล่าวภายหลังรับยื่นหนังสือ ว่า จะนำเรื่องดังกล่าว เรียนประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม  เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหา เรื่องดังกล่าวต่อไป

พร้อมกันนี้หม่อมราชวงศ์จิราคม กิติยากร ประธานเครือข่ายชมรมรวมใจภักดิ์ พร้อมด้วยหม่อมหลวงสัญชัย ทองแถม และหม่อมหลวงกานตพงศ์ วรวุฒิ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมสภาผู้แทนราษฎร ในการนี้หม่อมราชวงศ์จิราคม กล่าวว่า จากที่ตนได้เคยยื่นหนังสือเพื่อเสนอ พ.ร.บ. ต่อคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ เมื่อ 20 ก.พ. 2563 จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 

1.) ร่างพ.ร.บ.การบริหารองค์กรพุทธศาสนา 2.) ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย 3.) ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการสังเวชนียสถาน ซึ่งทราบข้อมูลล่าสุดว่าได้พิจารณายกร่างเป็นที่สำเร็จ และมี ส.ส. ในรัฐสภาที่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ. ดังกล่าว ได้เข้าชื่อจำนวน ส.ส. มากกว่า 20 คนต่อรัฐสภา ซึ่งได้ผ่านขั้นตอนการรับแสดงความคิดเห็นตาม ม.77 มาแล้ว และได้มีการสอบถามความคิดเห็นจากรัฐสภาถึงสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ นายกรัฐมนตรีลงนาม ด้วยเป็น พระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเงิน แต่เป็นที่น่าตกใจว่า หนังสือด่วนที่สุด ที่ นร.0404/6950 ลงวันที่ 23 พ.ค. 2565 เป็นหนังสือจากเลขานุการนายกรัฐมนตรี ถึง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 

โดยมีสาระสำคัญในจดหมายระบุว่านายกรัฐมนตรี “มีบัญชาไม่รับรองพระราชบัญญัติ ธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย” ตนจึงได้ทำหนังสือทักท้วงเพื่อขอให้นำไปพิจารณาอีกครั้ง ด้วยเป็นส่ิงที่สำคัญต่อประชาชนคนไทย ที่จะแสดงถึงความเสมอภาคตาม มาตรา 30 คือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน อีกทั้งยังเป็นการให้เกียรติชาวไทยพุทธที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ทำให้ชาติไทยเป็นไทยจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่รู้จักในนามประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ตนจึงขอให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ทบทวน พ.ร.บ.ธนาคารพุทธศาสนา อีกครั้งด้วยเพราะต่างศาสนาก็มี พ.ร.บ.ธนาคาร ศาสนาของเขาแล้ว ชาวไทยพุทธก็ควรมี พ.ร.บ.พุทธศาสนา อันเป็นความเสมอภาคตามกรอบรัฐธรรมนูญ โดยนายชวน หลีกภัย หลังจากรับหนังสือแล้ว ก็จะนำไปเสนอตามขั้นตอนและกล่าวทิ้งท้ายว่า “เราก็เด็กวัดเหมือนกัน”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น