วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เพลง: หลงเหยื่อ


                   ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

(Verse 1)

ดั่งนกหลงฟ้าพาใจร่วงลง

ดั่งลมหลงทางที่ไม่อาจคืน

เฝ้ามองเงามืดกลางทางเลือนราง

ชีวิตที่หลงอยู่ในความลวง

(Pre-Chorus)

มิจฉาชีพพรางทางเอาไว้

ทำให้ใจหลงไปผิดทาง

เหมือนลอยในทะเลหลอกล่อไปไกล

แสงที่ปลายทางกลับจางหายไป

(Chorus)

หลงไปในความมืด มิจฉาหลอกหลอน

ดั่งเหยื่อติดเบ็ดที่เรายังไม่รู้ตัว

จงอย่าปล่อยใจไหวหลงลืมความดี

ทางแห่งมิจฉานั้นปลายทางมีเพียงทุกข์

(Verse 2)

ดั่งเมฆหมอกคลุมในจิตใจคน

ดั่งแสงอันหม่นที่ไม่ส่องทาง

ชีวิตที่หวังเพียงลาภยศทรัพย์สิน

แต่ลืมความจริงว่าทุกข์นั้นรออยู่

(Pre-Chorus)

มิจฉาชีพพรางทางเอาไว้

ทำให้ใจหลงไปผิดทาง

เหมือนลอยในทะเลหลอกล่อไปไกล

แสงที่ปลายทางกลับจางหายไป

(Chorus)

หลงไปในความมืด มิจฉาหลอกหลอน

ดั่งเหยื่อติดเบ็ดที่เรายังไม่รู้ตัว

จงอย่าปล่อยใจไหวหลงลืมความดี

ทางแห่งมิจฉานั้นปลายทางมีเพียงทุกข์

(Bridge)

อย่าให้ใจหลงในภาพมายา

จงใช้ปัญญานำพาชีวิต

หากใจรู้ทันไม่หวั่นต่อภัยใด

จะพบทางใหม่ที่สว่างงาม

(Chorus)

หลงไปในความมืด มิจฉาหลอกหลอน

ดั่งเหยื่อติดเบ็ดที่เรายังไม่รู้ตัว

จงอย่าปล่อยใจไหวหลงลืมความดี

ทางแห่งมิจฉานั้นปลายทางมีเพียงทุกข์

(Outro)

เมื่อเราตาสว่างในทางที่ควรเดิน

จิตใจจะพ้นจากทางมืดมน

มิจฉาจะหมดไป เหลือเพียงทางแห่งธรรม

ที่ให้ชีวิตได้พบแสงแห่งสุขแท้จริง


เพลง: สัตตนาคธรรม


ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

(Verse 1)

พญาสัทโทนาคราชเป็นประธาน

สถิตศรัทธาในใจไม่สิ้น

นำทางชีวิตในหนทางแห่งแสง

ให้เราเชื่อมั่นในคุณความดี

(Chorus)

ศรัทธานำพา สู่หนทางแห่งธรรม

ศีลห้าประจำ ให้เราดำเนินไป

หิริปกป้อง โอตตัปปะคอยระวัง

สัจจะคือความจริงแท้ ไม่หวั่นไหวในจิตใจ

(Verse 2)

พญาศีลวุฒินาโค ศีลธรรมประจำจิต

พญาหิริวุฒนาโค ละอายต่อบาปได้ดี

พญาโอตตัปปะ คอยกลัวบาปที่อาจเกิด

ให้เรามีสติในทุกทางดำเนิน

(Chorus)

ศรัทธานำพา สู่หนทางแห่งธรรม

ศีลห้าประจำ ให้เราดำเนินไป

หิริปกป้อง โอตตัปปะคอยระวัง

สัจจะคือความจริงแท้ ไม่หวั่นไหวในจิตใจ

(Bridge)

พญาสัจจะวุฒินาโค สัจจะในทุกคำพูด

พญาจาคะวุฒนาโค การให้ไม่หวังผลใด

พญาปัญญาเตชะวุฒนาโค ปัญญาเป็นแสงแห่งชีวิต

ให้เราประยุกต์ใช้ในทุกวันทุกทาง

(Chorus)

ศรัทธานำพา สู่หนทางแห่งธรรม

ศีลห้าประจำ ให้เราดำเนินไป

หิริปกป้อง โอตตัปปะคอยระวัง

สัจจะคือความจริงแท้ ไม่หวั่นไหวในจิตใจ

(Outro)

ชีวิตประจำวัน ใช้หลักธรรมทั้งเจ็ด

นาคราชเจ้าเฝ้ามอง ด้วยใจที่มั่นคง

ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ

สัจจะ จาคะ และปัญญา คือหนทางแห่งแสง


เพลง: สัตตนาคารำลึก

 
ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่
(Verse 1)

ในคืนเดือน 11 ที่เรารอคอย

พญานาคทั้งเจ็ด มาปกปักษ์องค์พระ

เวลา 2 โมงคืน เล่าขานในดวงใจ

จากทิศเหนือ ทอแสงเจ็ดสีไป

(Chorus)

สัตตนาคารำลึก รำลึกถึงความศรัทธา

ร่วมบวงสรวงอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมใจให้ความมั่นคง

ลูกหลานพญานาค นำพาความเจริญรุ่งเรือง

มาที่พระธาตุพนม เพื่อสร้างสรรค์ศิลป์ใหม่

(Verse 2)

ปีที่ 67 บวงสรวงด้วยใจจริง

ลูกหลานทุกแห่ง ต่างมารวมตัว

ตั้งโต๊ะหมู่บูชา ภายใต้ร่มพระ

เสียงสวดมนต์ดังทั่ว เป็นสิริมงคลใหญ่

(Chorus)

สัตตนาคารำลึก รำลึกถึงความศรัทธา

ร่วมบวงสรวงอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมใจให้ความมั่นคง

ลูกหลานพญานาค นำพาความเจริญรุ่งเรือง

มาที่พระธาตุพนม เพื่อสร้างสรรค์ศิลป์ใหม่

(Bridge)

จากดินแดนหิมาลัย พญานาคมาปกป้อง

อริยทรัพย์อันประเสริฐ ความเชื่อยังยืนยง

ศิลปินเก่าและใหม่ ร่วมรำถวายเพลง

เสียงอีสานลำเพลิน ดังก้องไปทั่วแดน

(Chorus)

สัตตนาคารำลึก รำลึกถึงความศรัทธา

ร่วมบวงสรวงอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมใจให้ความมั่นคง

ลูกหลานพญานาค นำพาความเจริญรุ่งเรือง

มาที่พระธาตุพนม เพื่อสร้างสรรค์ศิลป์ใหม่

(Outro)

ให้ประเพณีและวัฒนธรรม ยังคงอยู่ไม่จางหาย

สัตตนาคารำลึก ทุกหัวใจยังร่วมใจ

ให้พระธาตุพนม เป็นศูนย์รวมแห่งสันติ

มาร่วมกันสร้างความดี ให้ยืนยงนิรันดร์

เพลง: โหวดร้อยใจร้อยเอ็ด

 ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

(Verse 1)

ร้อยเอ็ดที่งามเลิศ มีหอคอยเด่นอยู่

โหวดร้อยเอ็ดร่วมใจคนในเมือง

บึงพลาญชัยประจักษ์สายตา

สานสัมพันธ์ไม่ขาดสาย สร้างมั่นคงไว้

(Chorus)

โหวตตระหง่าน ยืนเด่นในใจเรา

สูงหนึ่งร้อยยี่สิบสามเมตร ร่วมท่องเที่ยวไปทั่ว

สามเหลี่ยมการท่องเที่ยว เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่ง

มองไปยังขอบฟ้า ชีวิตใหม่ที่สดใส

(Verse 2)

สวนสมเด็จเจ้าเป็นแหล่งรวมใจ

มีดอกอินทนิลสวยงามเป็นพิเศษ

คนเดินทางหลั่งไหลเข้ามา

มาชมความงามดั่งใจ แห่งร้อยเอ็ดนี้

(Chorus)

โหวตตระหง่าน ยืนเด่นในใจเรา

สูงร้อยยี่สิบสามเมตร ร่วมท่องเที่ยวไปทั่ว

สามเหลี่ยมการท่องเที่ยว เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่ง

มองไปยังขอบฟ้า ชีวิตใหม่ที่สดใส

(Bridge)

เส้นทางการพัฒนาสู่เมืองร้อยเอ็ด

สร้างสรรค์อนาคต ไม่หยุดยั้งด้วยใจ

ทุกคนร่วมมือกัน สร้างฝันให้เป็นจริง

หอโหวดร้อยเอ็ดนี้ จะนำทางพวกเรา

(Chorus)

โหวตตระหง่าน ยืนเด่นในใจเรา

สูงร้อยยี่สิบสามเมตรเมตร ร่วมท่องเที่ยวไปทั่ว

สามเหลี่ยมการท่องเที่ยว เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่ง

มองไปยังขอบฟ้า ชีวิตใหม่ที่สดใส

(Outro)

โหวตตระหง่าน จะคงอยู่ในใจ

นำพาความสุขมาสู่ร้อยเอ็ดนี้

สามัคคีร่วมกัน ชีวิตที่สดใส

ดั่งโหวดในมือ ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย


วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เพลง: โลกแห่งพยัญชนะบาลี

 ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

(Verse 1)

เสียงสอดแทรกจากดินแดนแห่งบาลี

พยัญชนะ 33 ตัว พาเราไป

กะขะ คะ ฆะ งะ เรียกว่ากะวรรค

มาฝึกฝนกันเถอะ จะเริ่มที่นี่

(Pre-Chorus)

ด้วยเสียงที่ดังใส บอกเล่าเรื่องราว

จะ ฉะ ชะ ฌะ ญะ มาเรียนรู้กัน

เสน่ห์แห่งตัวอักษร ที่สร้างสรรค์

มีความหมายอยู่ในทุกประโยค

(Chorus)

พยัญชนะบาลี 33 ตัว

เล่าเรื่องราวให้เราเข้าใจ

จากกะวรรคถึงอะวรรค ช่วยเราได้

เสริมสร้างคำพูดในหัวใจ

(Verse 2)

ที่มาแห่งเสียง ฏะ ฐะ ฑะ ฒะ ณะ

เรียนรู้ให้ชัดเจน เรียนรู้ให้ดี

ตะ ถะ ทะ ธะนะ เรียกว่าตะวรรค

พลังแห่งคำพูด มันอยู่ในมือ

(Pre-Chorus)

ด้วยเสียงที่ดังใส บอกเล่าเรื่องราว

ปะ ผะ พะ ภะ มะ เรียกว่าปะวรรค

สร้างความรู้ให้เกิดขึ้นในใจ

พยัญชนะเรานี้ ช่วยสื่อสารได้

(Chorus)

พยัญชนะบาลี 33 ตัว

เล่าเรื่องราวให้เราเข้าใจ

จากกะวรรคถึงอะวรรค ช่วยเราได้

เสริมสร้างคำพูดในหัวใจ

(Bridge)

เสียงที่เรียนรู้ มันมีความหมาย

แล ยะ ระ ละ วะ สะ หะ ฬะ อัง

เมื่อรวมกันเป็นคำ สื่อสารให้ชัด

สร้างโลกแห่งบาลี ที่มีความรัก

(Chorus)

พยัญชนะบาลี 33 ตัว

เล่าเรื่องราวให้เราเข้าใจ

จากกะวรรคถึงอะวรรค ช่วยเราได้

เสริมสร้างคำพูดในหัวใจ

(Outro)

มาร่วมกันเรียนรู้ ในโลกแห่งบาลี

พยัญชนะ 33 ตัว เป็นพลัง

สระ 8 ตัว ก็สำคัญไม่แพ้กัน

ด้วยเสียงที่สดใส สร้างสัมพันธ์ในใจ


เพลง: อักษรไทยใจดี

ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌
ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno

(Verse 1)

กอไก่ เริ่มต้นนำทาง

ขอไข่ เคียงข้างเรียงราย

คอควาย ยืนตระหง่านท้าทาย

งองูเลื้อยไปตามทางเรื่อยมา

(Pre-Chorus)

จอจาน เคียงข้างฉัน

ชอช้าง ก้าวเดินไม่ถอยหลัง

ซอโซ่ สานสายสัมพันธ์

เฝ้าทำหน้าที่ด้วยความตั้งใจ

(Chorus)

พยัญชนะไทย สี่สิบสี่ตัวนี้

เป็นมรดกที่ล้ำค่าของเรา

ทุกเสียงที่เปล่งออกมาเต็มเปี่ยมด้วยใจ

เป็นสิ่งที่สืบทอดไว้จากอดีตถึงปัจจุบัน

(Verse 2)

ดอเด็ก ขยันทำงาน

ตอเต่า เดินตามไม่ถอยไปไหน

ถอถุง ถือของด้วยใจใฝ่ดี

ทอทหาร ยืนสู้เต็มที่ด้วยกำลัง

(Pre-Chorus)

บอใบไม้ พลิ้วไปในสายลม

ปอปลา ว่ายวนในธารา

ผอผึ้ง ทำงานให้ผลิดอกผล

ฝึกฝนให้เราเรียนรู้ทุกวัน

(Chorus)

พยัญชนะไทย สี่สิบสี่ตัวนี้

เป็นมรดกที่ล้ำค่าของเรา

ทุกเสียงที่เปล่งออกมาเต็มเปี่ยมด้วยใจ

เป็นสิ่งที่สืบทอดไว้จากอดีตถึงปัจจุบัน

(Bridge)

ยอยักษ์ คอยปกป้องดินแดน

รอเรือ แล่นไปไม่หยุดนิ่ง

ลอลิง ปีนป่ายตามฝัน

อักษรไทยนี้ไม่มีวันลบเลือน

(Chorus)

พยัญชนะไทย สี่สิบสี่ตัวนี้

เป็นมรดกที่ล้ำค่าของเรา

ทุกเสียงที่เปล่งออกมาเต็มเปี่ยมด้วยใจ

เป็นสิ่งที่สืบทอดไว้จากอดีตถึงปัจจุบัน

(Outro)

สี่สิบสี่ตัวนี้ จะอยู่คู่ใจ

พยัญชนะไทย ไม่มีวันหายไป

เราจะภักดีและรักษาเอาไว้

อักษรไทยจะคงอยู่ตลอดไป

เพลง: ไอเอพลังแห่งอนาคต

 
ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

(Verse 1)

ไทยเราจะก้าวไกลในภูมิภาค

นำทางเศรษฐกิจไปด้วยเทคโนโลยี

เอไอคือพลังที่ร่วมสร้างวิถี

เพื่อเกษตรกรรมและชีวิตที่มั่นคง

(Pre-Chorus)

เมื่อเศรษฐกิจไทยคือคลังแห่งอาหาร

การส่งออกไปในดินแดนไกล

ด้วยเอไอ ที่คอยตรวจสอบและดูแล

เราจะสร้างมาตรฐานสู่โลกใหญ่

(Chorus)

ฟู้ด ซีเคียวริตี้ คือเป้าหมายที่สำคัญ

ไทยจะเป็นศูนย์กลางให้ภูมิภาค

ทุกความร่วมมือ ทุกแผนการที่ร่วมกัน

จะพาประเทศก้าวไปสู่วันใหม่

(Verse 2)

ยกระดับการขนส่งเชื่อมต่อกัน

จากจีนสู่ลาว กัมพูชา เวียดนาม

ไทยจะสร้างเส้นทางด้วยความมุ่งมั่น

เพื่อการส่งออกที่เร็วและง่ายดาย

(Pre-Chorus)

อนาคตนี้คือทางสู่ความเจริญ

เมื่อทุกประเทศร่วมลงทุนในไทย

รถอีวี โซล่าร์เซลล์ ดาต้าเซ็นเตอร์

คือจุดเริ่มต้นของความรุ่งเรือง

(Chorus)

ฟู้ด ซีเคียวริตี้ คือเป้าหมายที่สำคัญ

ไทยจะเป็นศูนย์กลางให้ภูมิภาค

ทุกความร่วมมือ ทุกแผนการที่ร่วมกัน

จะพาประเทศก้าวไปสู่วันใหม่

(Bridge)

สิ่งแวดล้อมที่เราต้องรับมือ

ภาวะโลกร้อนเป็นโจทย์สำคัญ

เราจะสร้างเขื่อนหรือเปลี่ยนทางพลังงาน

เพื่ออนาคตที่สดใสยั่งยืน

(Chorus)

ฟู้ด ซีเคียวริตี้ คือเป้าหมายที่สำคัญ

ไทยจะเป็นศูนย์กลางให้ภูมิภาค

ทุกความร่วมมือ ทุกแผนการที่ร่วมกัน

จะพาประเทศก้าวไปสู่วันใหม่

(Outro)

พลังแห่งอนาคตนั้นคือไทย

ด้วยเอไอที่ขับเคลื่อนด้วยศรัทธา

เราจะสร้างคลังอาหารที่มั่นคง

เพื่อให้ภูมิภาคนี้เป็นศูนย์กลางที่ยิ่งใหญ่



เพลง: ธรรมสภา


ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

(Verse 1)

ธมฺมสภายํ จิตฺตํ สนฺติ สมุปฺปนํ

ธมฺมสฺส สทฺโท วิย ปญฺญายนฺติ สุนฺทโร

พหุ ชน ปติฏฺฐํ ปญฺญาย ทิพฺพสุทฺธี

พุทฺธสฺส ปทํ อนุสฺสรึ เมตฺตาย อธิคมํ

(Pre-Chorus)

ปญฺญา อโลเกน ทุกฺขํ ตรามิ

ธมฺมสฺส สุวณฺณ วิย อาลงฺการํ

วาตา ยถา ธมฺมสุญฺญา สนฺติ

สติยา ปตฺถิย มคฺเค สุวณฺณย

(Chorus)

ธมฺมสภายํ อโลกํ ปเทสติ

สุขํ สมาธิํ สุปฺปนํ วิชฺชติ

ธมฺโม ปฏิสรณํ ทุกฺขสฺมึ สทา

ทุกฺขํ ปฏิหนามิ จิตฺเต วิมุตฺติยา

(Verse 2)

ธมฺมสภายํ วจนํ สุจิ สุทฺธํ

ธมฺมํ ปตฺติ วิสุทฺธํ สุทฺธํ ปริสุณฺณํ

ทานํ สีลํ ภาวนํ จ สมุทฺธํ

พุทฺธสฺส ธมฺโม อณุโมติ นิสฺสรณํ

(Pre-Chorus)

ปญฺญา อโลเกน ทุกฺขํ ตรามิ

ธมฺมสฺส สุวณฺณ วิย อาลงฺการํ

วาตา ยถา ธมฺมสุญฺญา สนฺติ

สติยา ปตฺถิย มคฺเค สุวณฺณย

(Chorus)

ธมฺมสภายํ อโลกํ ปเทสติ

สุขํ สมาธิํ สุปฺปนํ วิชฺชติ

ธมฺโม ปฏิสรณํ ทุกฺขสฺมึ สทา

ทุกฺขํ ปฏิหนามิ จิตฺเต วิมุตฺติยา

(Bridge)

ธมฺมวาจานิ ทุกฺขํ ปฏิหนํติ

วิมุตฺติยา จิตฺเต วิสุทฺธา โหติ

อโลโก ปภา วิย ทุกฺขสฺส นาสํ

ธมฺมสภายํ ทุกฺขานํ วิวชฺชนา

(Chorus)

ธมฺมสภายํ อโลกํ ปเทสติ

สุขํ สมาธิํ สุปฺปนํ วิชฺชติ

ธมฺโม ปฏิสรณํ ทุกฺขสฺมึ สทา

ทุกฺขํ ปฏิหนามิ จิตฺเต วิมุตฺติยา

(Outro)

ธมฺมสภายํ สนฺติมยํ สุขํ

ปฏิสรณํ จิตฺตสฺส นิรตฺถํ น ภวติ

(Verse 1)

ในธรรมสภา ใจเราสงบเย็น

เสียงธรรมะเป็น คำสอนจากผู้รู้

รวมคนผู้ศรัทธาในหนทาง

ก้าวตามรอยเท้า พระพุทธองค์ผู้เมตตา

(Pre-Chorus)

แสงแห่งปัญญา นำเราพ้นจากทุกข์

ธรรมะเป็นดั่งเพชร ที่ประดับทางใจ

สายลมพัดผ่าน เหมือนเสียงแห่งธรรมชาติ

เตือนใจเราต้องก้าว อย่างสติ

(Chorus)

ธรรมสภา ที่นำแสงสว่าง

สร้างความสุข สงบให้ทุกชีวี

ธรรมะเป็นที่พึ่งในทุกยาม

ให้ทุกข์มลายหายไปจากหัวใจ

(Verse 2)

ในธรรมสภา คำสอนดั่งน้ำใส

ซึมซาบเข้าใจ ชำระใจให้ผ่องแผ้ว

ทาน ศีล ภาวนา นำพาชีวิตใหม่

ธรรมะแห่งพุทธองค์เป็นทางเดียว

(Pre-Chorus)

แสงแห่งปัญญา นำเราพ้นจากทุกข์

ธรรมะเป็นดั่งเพชร ที่ประดับทางใจ

สายลมพัดผ่าน เหมือนเสียงแห่งธรรมชาติ

เตือนใจเราต้องก้าว อย่างสติ

(Chorus)

ธรรมสภา ที่นำแสงสว่าง

สร้างความสุข สงบให้ทุกชีวี

ธรรมะเป็นที่พึ่งในทุกยาม

ให้ทุกข์มลายหายไปจากหัวใจ

(Bridge)

ทุกคำสอนแห่งธรรมะ

นำพาเราสู่ความวิมุตติ

ขจัดมลทินใจ ให้สว่างดังแสง

ธรรมสภา เป็นที่แห่งการพ้นทุกข์

(Chorus)

ธรรมสภา ที่นำแสงสว่าง

สร้างความสุข สงบให้ทุกชีวี

ธรรมะเป็นที่พึ่งในทุกยาม

ให้ทุกข์มลายหายไปจากหัวใจ

(Outro)

ธรรมสภา แห่งความสงบสุข

เป็นที่พึ่งของใจ ไม่หวั่นไหว

เพลง: โธ่ คนจน


ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

(Verse 1)

ทุกทิวาวารํ ตวํ ปสฺสามิ

อยุญฺชิ ตฺวํ มํ น มนฺตริสิ

จิตฺตํ มยฺหํ ทลิทฺทานํ ทุกฺขี ภวติ

มยฺหํ ปิยํ ตวํ นุ เธ สนฺติ น ทสฺเสสิ

(Pre-Chorus)

รูปํ โสภนํ น ปริยตฺตํ

ยทิ ธนํ นตฺถิ ปิยํ ภเวยฺย

สเรน วิย วชฺชนํ ปิยารกฺขา

กตรํ สุกฺกํ ยาว มม อนุสงฺคติ

(Chorus)

โธ ทลิทฺโท น สกฺกา กญฺจิ ปริปูเรตุํ

มโนหรํ มหตํ ทํสํ น สมฺปูรติ

ปพฺพชฺชามิ อนุจฺฉวิปฺปยตฺติ

อนนฺตรํ ปิยํ น สกฺกา สตฺถุ สงฺคโม

(Verse 2)

ตวํ ปิยํ วรํ ลภติ

โย ธนํ ลภติ โภคญฺจ

ทลิทฺทานํ วิย มหารตฺตํ

ยาวาหํ อตฺตวา มโน นาสฺสติ

(Pre-Chorus)

รูปํ โสภนํ น ปริยตฺตํ

สจฺจํ กฏุกํ ชานาติ

มโนหรํ ทลิทฺทานํ นาม นํ

หิตฺวา กาตฺวา ทุกฺขํ นิสฺสาย

(Chorus)

โธ ทลิทฺโท น สกฺกา กญฺจิ ปริปูเรตุํ

มโนหรํ มหตํ ทํสํ น สมฺปูรติ

ปพฺพชฺชามิ อนุจฺฉวิปฺปยตฺติ

อนนฺตรํ ปิยํ น สกฺกา สตฺถุ สงฺคโม

(Bridge)

วสติ วตฺถํ วิหงฺคมํ ปิยํ

ชีวตฺตนํ ทลิทฺทานํ นาม อนญฺชิตํ

อุจฺจติ ปิยานิ อมฺหากํ มโน

ปหินํ ปิยํ น นุ มหตํ

(Chorus)

โธ ทลิทฺโท น สกฺกา กญฺจิ ปริปูเรตุํ

มโนหรํ มหตํ ทํสํ น สมฺปูรติ

ปพฺพชฺชามิ อนุจฺฉวิปฺปยตฺติ

อนนฺตรํ ปิยํ น สกฺกา สตฺถุ สงฺคโม

(Outro)

ปพฺพชฺชา ปิยํ วิสฺสฏฺฐา

มโนหรํ ทลิทฺโท น ลภติ...


(Verse 1)

เดินผ่านเธอในทุกวัน

แต่เธอไม่เคยสนใจฉันเลย

หัวใจคนจนมันช้ำจนเคย

แม้ว่าใจฉันรัก แต่เธอไม่เคยจะแล

(Pre-Chorus)

รูปหล่อแค่ไหน ก็ไม่พอ

ถ้าไม่มีเงินทองจะขอ

ความรักมันหนีไกลลับตา

ไม่ว่าทำดีแค่ไหน มันก็ไร้ค่า

(Chorus)

โธ่ คนจน ไม่มีใครสนใจ

รักที่ใจยิ่งใหญ่ ไม่พอจะเอาชนะ

ต้องไปบวชล่ะ คงพอจะตัดใจ

รักที่ไม่สมหวัง คงต้องลาล่ะ...สายตาเธอ

(Verse 2)

เธอเลือกใครที่ดีกว่า

เขามีเงินทองและหน้าตา

ชีวิตคนจนเหมือนฟ้าลงทัณฑ์

แม้จะหล่อยังไงก็ไม่พอทำให้รักกัน

(Pre-Chorus)

รูปหล่อแค่ไหน ก็ไม่พอ

ความจริงมันโหดร้ายเหลือทน

ความรักของคนจนมันเลือนลาง

แม้หัวใจรัก แต่ต้องปล่อยไปอย่างปวดร้าว

(Chorus)

โธ่ คนจน ไม่มีใครสนใจ

รักที่ใจยิ่งใหญ่ ไม่พอจะเอาชนะ

ต้องไปบวชล่ะ คงพอจะตัดใจ

รักที่ไม่สมหวัง คงต้องลาล่ะ...สายตาเธอ

(Bridge)

ในวัดคงพอจะเยียวยา

ชีวิตที่รักไม่มีค่า

สวดมนต์ขอเพียงให้ใจ

ได้ปล่อยวางรักที่ไม่เคยเป็นของเรา

(Chorus)

โธ่ คนจน ไม่มีใครสนใจ

รักที่ใจยิ่งใหญ่ ไม่พอจะเอาชนะ

ต้องไปบวชล่ะ คงพอจะตัดใจ

รักที่ไม่สมหวัง คงต้องลาล่ะ...สายตาเธอ

(Outro)

บวชแล้วจะลืมรัก...ลืมเธอสักที

คนจนอย่างฉัน ไม่มีทางจะรักกัน...


เพลง: มนต์ลวง

 

ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

(Verse 1)

สายตาคู่นั้น ชวนฉันเดินเข้าไป

หลงในแสงไฟ ราวกับฝันใฝ่

เธอเป็นดังมนต์ ลวงใจให้เผลอไหว

แต่ฉันไม่รู้เลย ว่ารักนี้มีราคา

(Pre-Chorus)

ในแสงอันสวยงาม แท้จริงซ่อนอะไร

หัวใจถูกหลอกให้ ร่วงหลงจนไม่ทันตั้งตัว

(Chorus)

มนต์ลวงที่เธอเสกมา

ทำให้ฉันลืมตัว หลงทางในนิทาน

ทุกคำหวานที่ฝากไว้

เพียงแค่ลมพัดไป กลายเป็นเงาที่หายลับ

(Verse 2)

รอยยิ้มของเธอ คือน้ำผึ้งที่หอมหวาน

ทำให้ฉันคิดไปไกล ว่าเธอคือคำตอบ

แต่ยิ่งเดินเข้าใกล้ ก็ยิ่งเห็นความจริง

ว่ารักที่เห็น เพียงภาพมายา

(Pre-Chorus)

ในแสงอันสวยงาม แท้จริงซ่อนอะไร

หัวใจถูกหลอกให้ ร่วงหลงจนไม่ทันตั้งตัว

(Chorus)

มนต์ลวงที่เธอเสกมา

ทำให้ฉันลืมตัว หลงทางในนิทาน

ทุกคำหวานที่ฝากไว้

เพียงแค่ลมพัดไป กลายเป็นเงาที่หายลับ

(Bridge)

ฉันต้องลืมตา เพื่อหนีจากภาพลวง

ให้หัวใจล้างมนต์นี้ออกไป

แม้เจ็บปวดเท่าไร ก็ต้องตื่นจากฝันร้าย

หยุดหลงในมนต์ลวงที่เคยล่อใจ

(Chorus)

มนต์ลวงที่เธอเสกมา

ทำให้ฉันลืมตัว หลงทางในนิทาน

ทุกคำหวานที่ฝากไว้

เพียงแค่ลมพัดไป กลายเป็นเงาที่หายลับ

(Outro)

มนต์ลวงที่เธอเสกไว้

จะไม่มีวันจับใจฉันอีกต่อไป

มายาวฺลฺลกํ คีตํ 

 (Verse 1)

ตว ปสฺสิตํ มมํ ปฏิปฺปตฺติํ กาเรสิ

อลนฺโต อลงฺกรณํ สงฺกปฺเปสุ

สา ปิ ตาว มายาว ธมฺมนฺตเร ลภติ

มยฺหํ น ชานามิ ปิยํ เอสา คติ

(Pre-Chorus)

อลนฺการสฺมึ สนฺติโย กึ ปริหรติ

มม จิตฺตํ ปริกปฺปํ องฺคสมุทฺธํ โหติ

(Chorus)

มายา ยํ ตวา สํจิณฺณา

มมฺหํ มุฬฺหํ กาเรสิ นิทฺทาสุปฺปนํ

มิตฺถํ วจนํ ตยาสฺสิตํ

วาตา อนฺเวติ ฉายํ สพฺพํ นาสยนฺติ

(Verse 2)

ตว สมฺภาสา สุจิมธุรํ ปตฺติ

มยฺหํ ตวา วาทํ โหติ จ

ยทิ กาสํ ตว ปริปูเรยฺย

อาทาสํ มายาว ปสฺสิตํ อุทฺทิสฺส

(Pre-Chorus)

อลนฺการสฺมึ สนฺติโย กึ ปริหรติ

มม จิตฺตํ ปริกปฺปํ องฺคสมุทฺธํ โหติ

(Chorus)

มายา ยํ ตวา สํจิณฺณา

มมฺหํ มุฬฺหํ กาเรสิ นิทฺทาสุปฺปนํ

มิตฺถํ วจนํ ตยาสฺสิตํ

วาตา อนฺเวติ ฉายํ สพฺพํ นาสยนฺติ

(Bridge)

มยฺหํ อุทฺธเรยฺย จิตฺตํ ปสฺสิตุมฺหา

มายายตฺถํ สุทฺธี กตฺวา วิมุจฺจ

ยาว ทุกฺขํ สพฺพํ ปิยํ อุปฺปลมฺพติ

มยฺหํ มิตฺถํ มายาย นูปคญฺฉติ

(Chorus)

มายา ยํ ตวา สํจิณฺณา

มมฺหํ มุฬฺหํ กาเรสิ นิทฺทาสุปฺปนํ

มิตฺถํ วจนํ ตยาสฺสิตํ

วาตา อนฺเวติ ฉายํ สพฺพํ นาสยนฺติ

(Outro)

มายา ยํ ตวา สํจิณฺณา

น มม จิตฺตํ อทฺทาหิ ปุน วิชฺชติ

เพลง: คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่นเชิงพุทธ

 
ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

คลิกฟังเพลงที่นี่

(ท่อน 1)

เริ่มมองดูตัวเรา สะท้อนปัญหาที่เจอ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากใจที่เผลอ

ตัดสินใจในชีวิต ไม่ว่าสุขหรือทุกข์แท้

จงยอมรับและแก้ไข เริ่มต้นใหม่เมื่อเจอแสง

(ท่อน 2)

ควบคุมเพียงสิ่งที่เรา มีอำนาจในมือไว้

อย่าเผลอปล่อยหัวใจ ให้ไหลตามสิ่งไม่ใช่

หากมองหาจุดเริ่มต้น จะพบว่ามีหนทาง

แก้ไขด้วยปัญญา ก้าวต่อไปด้วยใจวาง

(ท่อนฮุก)

ปล่อยวางสิ่งควบคุมไม่ได้

โฟกัสเพียงที่ใจควบคุม

ยืดหยัดด้วยความอดทน

เดินตามทางปัญญาที่ตน

หวังนั้นจะเกิดจากการลงมือ

ก้าวทีละน้อย ด้วยใจหนักแน่น

ทางที่เราสร้างด้วยมือ

คือทางสว่างด้วยปัญญา

(ท่อน 3)

วันหยุดคือเวลา ควรให้ใจได้พักผ่อน

เพราะชีวิตไม่ใช่เพียง แค่ทำงานต้องเดินต่อ

ครอบครัวคือสิ่งล้ำค่า อย่าลืมให้เวลากัน

แบ่งปันช่วงเวลา กับคนที่รักและสำคัญ

(ท่อนฮุก)

ปล่อยวางสิ่งควบคุมไม่ได้

โฟกัสเพียงที่ใจควบคุม

ยืดหยัดด้วยความอดทน

เดินตามทางปัญญาที่ตน

หวังนั้นจะเกิดจากการลงมือ

ก้าวทีละน้อย ด้วยใจหนักแน่น

ทางที่เราสร้างด้วยมือ

คือทางสว่างด้วยปัญญา

(ท่อนจบ)

ใช้เวลาคิดในความเงียบ

ปล่อยใจให้พักให้สงบ

ปัญญาจะเติบโตด้วยการรอ

เส้นทางชีวิตที่ดี ต้องมีหัวใจที่พอ


รุป 20 บทเรียนชีวิตจากหนังสือ คิดแบบเยอรมัน ลงมือทำแบบญี่ปุ่น

มองหาต้นเหตุของปัญหา ทุกปัญหามีต้นเหตุจากการตัดสินใจ ควรยอมรับและรับผิดชอบในการแก้ไข

โฟกัสเฉพาะสิ่งที่ควบคุมได้ อย่าหงุดหงิดกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่ควรพัฒนาสิ่งที่เราควบคุมได้

มีความหวังและใช้เวลา การเปลี่ยนแปลงบางอย่างต้องใช้เวลา ความหวังจะเกิดขึ้นเมื่อเริ่มลงมือทำ

พักผ่อนในวันหยุด วันหยุดคือเวลาพักผ่อน หลีกเลี่ยงการทำงานในวันหยุด

ขยันแต่ไม่ฝืนกำลัง ทำงานให้สำเร็จโดยไม่เกินกำลังของตนเอง

ฝึกตั้งข้อสงสัย การคิดและตั้งคำถามเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยพัฒนา

ยืดหยุ่นกับวิธีการทำงาน วิธีการไม่สำคัญเท่ากับผลลัพธ์ที่ได้

ให้ความสำคัญกับครอบครัว ความสัมพันธ์ในครอบครัวสำคัญกว่างาน

หัวหน้าปล่อยให้ลูกทีมคิดเอง หัวหน้าควรให้ลูกทีมมีอิสระในการตัดสินใจ

การเปลี่ยนงานเป็นเรื่องปกติ เปลี่ยนงานเพื่อเลื่อนตำแหน่งและพัฒนาตนเอง

เลือกเส้นทางชีวิตตั้งแต่เด็ก การเลือกชีวิตเองตั้งแต่เด็กช่วยลดปัญหาในอนาคต

ซื้อของคุณภาพดี ยอมจ่ายเพื่อสิ่งที่มีคุณภาพ

สร้างระบบที่มีประสิทธิภาพ ยอมลงทุนเวลาและเงินในการสร้างระบบที่ดี

ใช้คำชัดเจน บอกวันกำหนดเสร็จแทนการใช้คำคลุมเครืออย่าง "ด่วนที่สุด"

ขอบคุณเมื่อพบปัญหา ยอมรับปัญหา คิดหาทางแก้ไข

ฟังอย่างไม่ขัดจังหวะ ปล่อยให้อีกฝ่ายพูดจนจบก่อนจะตอบสนอง

จัดการเวลาให้ดี บริหารเวลาให้เหมาะสมกับงานและหน้าที่

ทำงาน 6 ชั่วโมงเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาทำงานทำให้เครียดน้อยลงและประสิทธิภาพสูงขึ้น

พักผ่อนอย่างมีประโยชน์ ใช้เวลาพักระหว่างงานให้เกิดประโยชน์

หาเวลาอยู่กับตัวเอง ให้เวลากับความเงียบเพื่อทบทวนตัวเอง

เปรียบเทียบกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา

อริยสัจ 4 (ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค) การหาต้นเหตุของปัญหาและรับผิดชอบต่อตัวเองคล้ายกับการวิเคราะห์ สมุทัย (ต้นเหตุแห่งทุกข์) เพื่อแก้ไขและดับทุกข์

อนัตตา  ควบคุมเฉพาะสิ่งที่ควบคุมได้และปล่อยวางสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง คล้ายกับหลักการ อนัตตา (ไม่มีตัวตนที่ควบคุมได้ทั้งหมด)

ขันติและวิริยะ ความหวังและความอดทนเพื่อรอผลการกระทำที่ดี เป็นการฝึก ขันติ (ความอดทน) และ วิริยะ (ความเพียร)

สัมมาวาจา การสื่อสารอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาคือการปฏิบัติ สัมมาวาจา (พูดอย่างถูกต้อง)

สมาธิและสติ การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและหาเวลาอยู่กับความเงียบคล้ายกับการฝึก สมาธิ และ สติ เพื่อทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและชัดเจนในความคิด

หลักธรรมที่สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

อริยสัจ 4 สอนให้เรารู้จักค้นหาต้นเหตุแห่งปัญหา แก้ไขที่สาเหตุ

อนัตตา ช่วยให้เราปล่อยวางสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ มุ่งโฟกัสที่สิ่งที่เราทำได้

สัมมาวาจา ให้เราใช้คำพูดที่ชัดเจน สื่อสารตรงไปตรงมา

สมาธิและสติ ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเครียด

มนต์เพลงพุทโธจีพีที - วิตตสูตร: ทรัพย์แห่งใจ


ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 คลิกฟังเพลงที่นี่

(Verse 1)

สทฺธา ปน ธนํ มหนฺตํ

อนนฺตํ หิ โหติ สุขสฺส

ธมฺโม สุจริตํ สุขํ สุทฺธํ

ทุกฺขํ ตรมาโน โมกฺขํ อธิคจฺฉติ

(Chorus)

สจฺจํ มธุรํ รสํ ปรมํ

โลกสฺมึ นตฺถิ รโส สทิสํ

ชีวิตํ ปณฺฑิตา ปูชนียํ

ปญฺญาย สมนฺนาคตํ ติ

(Verse 2)

มา อาลยํ วิหาเรติ อนิจฺจํ

สุจริตํ ปตฺถยติ ปวตฺตนํ

ธมฺโม สุสุขํ ทิยติ นิจฺจํ

อุจฺจงฺคํ มคฺคํ ปวิสติ อธิคมํ

(Chorus)

สจฺจํ มธุรํ รสํ ปรมํ

โลกสฺมึ นตฺถิ รโส สทิสํ

ชีวิตํ ปณฺฑิตา ปูชนียํ

ปญฺญาย สมนฺนาคตํ ติ

(Outro)

ธนํ ปรํ น ติสฺสติ พาหิเร

อตฺถิ จิตฺตสฺมึ สทฺธาย สมนฺนาคเต

ยทา สจฺเจ ปติฏฺฐติ กุสเลสุ

ชีวิตํ ปริมุตฺตํ อโหสิ ปรมํ

 (Verse 1) 

ศรัทธาคือทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่

เป็นเครื่องปลื้มใจที่ใครก็ควรมี

ธรรมที่ประพฤติดี คือความสุขแท้

นำเราผ่านทุกข์และพบทางสู่เสรี

(Chorus)

ความจริงคือรสหวานที่ประเสริฐ

ดียิ่งกว่ารสใดในโลกนี้

ชีวิตที่นักปราชญ์ยกย่องว่าสูงส่ง

คือชีวิตที่ดำเนินไปด้วยปัญญา

(Verse 2)  

อย่าไขว่คว้าหาสิ่งที่ไม่ยั่งยืน

จงเชื่อมั่นในความดีที่เราเดิน

ธรรมที่ทำให้เราสุขใจยืนยง

คือทางที่เราจะก้าวเดินไป

(Chorus) 

ความจริงคือรสหวานที่ประเสริฐ

ดียิ่งกว่ารสใดในโลกนี้

ชีวิตที่นักปราชญ์ยกย่องว่าสูงส่ง

คือชีวิตที่ดำเนินไปด้วยปัญญา

(Outro)

ทรัพย์ที่แท้ไม่ได้อยู่ที่ข้างนอก

แต่อยู่ที่ใจที่มีศรัทธา

เมื่อเราเชื่อในความจริงและทำดี

ชีวิตจะมีคุณค่าเหนือสิ่งใด


 วิตตสูตรที่ ๓

             [๒๐๒] เทวดาทูลถามว่า

                          อะไรหนอเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างประเสริฐของคนใน

                          โลกนี้ อะไรหนอที่บุคคลประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้

                          อะไรหนอเป็นรสดีกว่าบรรดารสทั้งหลาย คนมีชีวิตเป็นอยู่

                          อย่างไร นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่ามีชีวิตประเสริฐ ฯ

             [๒๐๓] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

                          ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างประเสริฐของคนในโลกนี้

                          ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้ ความจริง

                          เท่านั้นเป็นรสที่ดียิ่งกว่ารสทั้งหลาย คนที่เป็นอยู่ด้วยปัญญา

                          นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่ามีชีวิตประเสริฐ ฯ

สรุปสาระสำคัญของ วิตตสูตร

ใน วิตตสูตร เป็นการสนทนาระหว่าง เทวดา กับ พระพุทธเจ้า เทวดาทูลถามถึงสิ่งที่เป็นเครื่องปลื้มใจ ความสุขที่ได้จากการประพฤติดี รสที่ดีที่สุดในโลก และวิถีชีวิตที่ปราชญ์ทั้งหลายถือว่าเป็นชีวิตที่ประเสริฐ พระพุทธเจ้าตรัสตอบคำถามเหล่านี้ว่า:

ศรัทธา เป็นทรัพย์อันประเสริฐที่ทำให้ปลื้มใจ

ธรรมที่บุคคลประพฤติดี นำมาซึ่งความสุข

ความจริง เป็นรสที่ดียิ่งกว่ารสทั้งปวง

คนที่ดำเนินชีวิตด้วย ปัญญา เป็นผู้มีชีวิตที่ประเสริฐ

หลักธรรมใน วิตตสูตร

วิตตสูตรเน้นถึงคุณค่าของ ศรัทธา ธรรม ความจริง และปัญญา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตของคนมีความหมายและประเสริฐ ศรัทธาเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจสงบและพึงพอใจ ธรรมที่ประพฤติดีช่วยนำความสุขมาให้ และความจริงเป็นสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจโลกอย่างถูกต้อง ปัญญานั้นเป็นสิ่งที่ช่วยนำทางเราให้ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่า

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

การมีศรัทธา: เป็นการเชื่อมั่นในความดี ความถูกต้อง และคุณธรรม ซึ่งช่วยให้เรามีกำลังใจในการดำเนินชีวิต

การประพฤติธรรม: การทำความดีไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่ ย่อมนำมาซึ่งความสุขทั้งแก่ตัวเองและผู้อื่น

การยึดมั่นในความจริง: การพูดความจริงและปฏิบัติตามความจริง ทำให้เราอยู่ในสังคมด้วยความน่าเชื่อถือ

การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา: การใช้ปัญญาในการคิดและตัดสินใจ ช่วยให้เรามองเห็นหนทางที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต


มนต์เพลงพุทโธจีพีที - รถสูตร: ธงแห่งใจ (ยังไม่สมบูรณ์)

ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 รถสูตร: ธงแห่งใจ 


เนื้อเพลง:


(ท่อนที่ 1)

ธงปลิวไสวอยู่บนรถนั้น

เป็นสง่าให้คนมองเห็น

ควันลอยขึ้นจากกองไฟที่เผา

แสดงถึงความร้อนแรงที่มี

(ท่อนฮุก)

พระราชาคือผู้ยิ่งใหญ่

นำแว่นแคว้นสู่หนทางแห่งชัย

สามีที่สตรีเฝ้าคอย

คือความสง่าที่ใจเธอให้

(ท่อนที่ 2)

แต่ละคนมีบทบาทในโลกนี้

หน้าที่และเกียรติต่างกันไป

ธงที่ปลิวให้เห็นบนฟากฟ้า

เป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจ

(ท่อนฮุก)

พระราชาคือผู้ยิ่งใหญ่

นำแว่นแคว้นสู่หนทางแห่งชัย

สามีที่สตรีเฝ้าคอย

คือความสง่าที่ใจเธอให้

(ท่อนจบ)

หากเราเห็นคุณค่าในสิ่งที่มี

เคารพทุกบทบาทและหน้าที่

โลกนี้จะสงบสุขและสดใส

ทุกคนจะมีที่ยืนในใจเสมอไป


 รถสูตรที่ ๒

             [๒๐๐] เทวดาทูลถามว่า

                          อะไรหนอเป็นสง่าของรถ อะไรหนอเป็นเครื่องปรากฏของไฟ

                          อะไรหนอเป็นสง่าของแว่นแคว้น อะไรหนอเป็นสง่าของ

                          สตรี ฯ

             [๒๐๑] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

                          ธงเป็นสง่าของรถ ควันเป็นเครื่องปรากฏของไฟ พระราชา

                          เป็นสง่าของแว่นแคว้น ภัศดาเป็นสง่าของสตรี ฯ

สรุปสาระสำคัญของ รถสูตร

ใน รถสูตร เป็นการสนทนาระหว่าง เทวดา กับ พระพุทธเจ้า เทวดาทูลถามเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นสง่าของแต่ละสิ่งในโลก โดยคำถามมีดังนี้:

อะไรเป็นสง่าของรถ?

อะไรเป็นเครื่องปรากฏของไฟ?

อะไรเป็นสง่าของแว่นแคว้น?

อะไรเป็นสง่าของสตรี?

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า:

ธง เป็นสง่าของรถ

ควัน เป็นเครื่องปรากฏของไฟ

พระราชา เป็นสง่าของแว่นแคว้น

ภัศดา (สามี) เป็นสง่าของสตรี

หลักธรรมใน รถสูตร

หลักธรรมที่สะท้อนใน รถสูตร คือ การรู้จักคุณค่าและบทบาทของสิ่งต่าง ๆ ในโลก ซึ่งชี้ให้เห็นถึงธรรมชาติของสิ่งที่เป็นสง่าและเครื่องแสดงออกถึงความมีเกียรติ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับบทบาทที่เหมาะสมของคนในสังคม เช่น พระราชาที่เป็นศูนย์กลางของแว่นแคว้น หรือสามีที่เป็นคู่ครองที่สตรีให้ความเคารพในบางสังคมสมัยนั้น

ในชีวิตประจำวัน หลักธรรมนี้สามารถนำมาปรับใช้ในการ รู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง และการ เคารพสิ่งที่ควรเคารพ โดยการเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เช่น การเคารพผู้นำของสังคม การเคารพคนในครอบครัว และการรู้จักยกย่องสิ่งที่เป็นประโยชน์

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เคารพบทบาทหน้าที่: การรู้จักบทบาทของตนเอง เช่น การเป็นผู้ปกครอง เป็นผู้นำ หรือเป็นคู่ครอง และทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด

การเคารพผู้นำ: สังคมที่มีระเบียบจะดำเนินไปด้วยความสงบสุข หากทุกคนรู้จักเคารพและทำหน้าที่ตามบทบาทของตน

รู้จักยกย่องสิ่งดีในสังคม: การเห็นคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้สังคมเจริญ เช่น การเคารพธรรมเนียมปฏิบัติ การเคารพผู้นำที่ปกครองด้วยความยุติธรรม


มนต์เพลงพุทโธจีพีที - ฆัตวาสูตร: ฆ่าความโกรธเพื่อความสุข (ยังไม่สมบูรณ์)

ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 ฆัตวาสูตร:   ฆ่าความโกรธเพื่อความสุข 

เนื้อเพลง:

(ท่อนที่ 1)

อะไรหนอที่เราควรฆ่า

เพื่อความสุขในชีวิตนี้

สิ่งใดหนอที่ทำให้ใจเศร้าหมอง

ทำให้ใจต้องเจ็บช้ำทุกที

(ท่อนฮุก)

ฆ่าความโกรธสิ ฆ่ามันไป

ฆ่าให้ใจได้ปลอดโปร่ง

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน

ความโกรธเป็นพิษ แต่เราตัดได้ด้วยใจ

(ท่อนที่ 2)

เมื่อใดที่เราปล่อยวางโทสะ

จะพบความสุขที่แท้จริง

เมตตาและขันติจะนำทางเรา

ข้ามผ่านความทุกข์และโศกเศร้าไป

(ท่อนฮุก)

ฆ่าความโกรธสิ ฆ่ามันไป

ฆ่าให้ใจได้ปลอดโปร่ง

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจน

ความโกรธเป็นพิษ แต่เราตัดได้ด้วยใจ

(ท่อนจบ)

มองเห็นความโกรธที่เคยหนักแน่น

ตอนนี้มันเป็นเพียงเงาที่จางหาย

เมื่อเราฆ่าความโกรธด้วยสติและปัญญา

จะพบความสุขที่ยั่งยืนในหัวใจ 


 ฆัตวาสูตรที่ ๑

             [๑๙๘] เทวดานั้น ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระ-

*ผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า

                          ฆ่าอะไรหนอจึงอยู่เป็นสุข ฆ่าอะไรหนอจึงไม่เศร้าโศก

                          ข้าแต่พระโคดม พระองค์ชอบฆ่าอะไรซึ่งเป็นธรรมอันเดียว ฯ

             [๑๙๙] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

                          ฆ่าความโกรธเสียได้จึงอยู่เป็นสุข ฆ่าความโกรธเสียจึงไม่

                          เศร้าโศก แน่ะ เทวดา พระอริยเจ้าทั้งหลาย สรรเสริญ

                          การฆ่าความโกรธ ซึ่งมีรากเป็นพิษ มียอดหวาน เพราะฆ่า

                          ความโกรธนั้นเสียแล้วย่อมไม่เศร้าโศก ฯ


 สรุปสาระสำคัญของ ฆัตวาสูตร (ที่ 1)

ฆัตวาสูตรเป็นการสนทนาระหว่าง เทวดา และ พระพุทธเจ้า เทวดาได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า "ฆ่าอะไรจึงจะอยู่เป็นสุข ไม่เศร้าโศก และอะไรที่พระองค์แนะนำให้ฆ่า"

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า การฆ่าความโกรธคือสิ่งที่ทำให้เราอยู่เป็นสุข เมื่อฆ่าความโกรธแล้ว เราจะไม่เศร้าโศก พระอริยเจ้าสรรเสริญการฆ่าความโกรธ เพราะความโกรธนั้นมีรากเป็นพิษ แต่มียอดหวาน เมื่อใดที่ฆ่าความโกรธได้แล้ว เราจะไม่รู้สึกทุกข์หรือเศร้าโศกอีกต่อไป

หลักธรรมใน ฆัตวาสูตร

หลักธรรมสำคัญในสูตรนี้คือ การละความโกรธ (อักโกธะ) ความโกรธเป็นอารมณ์ที่บั่นทอนจิตใจและทำให้เกิดความทุกข์ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมเพื่อกำจัดความโกรธจะนำพาเราไปสู่ความสุขและความสงบ การละทิ้งความโกรธนี้ต้องอาศัย เมตตา และ ขันติ เพื่อความอดทนต่อความยั่วยุ และปล่อยวางสิ่งที่ทำให้จิตใจไม่สงบ

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

ฝึกละความโกรธ: ในชีวิตประจำวัน เรามักเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความโกรธ การฝึกสติและสมาธิจะช่วยให้เรารู้ทันความโกรธและปล่อยวางได้เร็วขึ้น

การปลูกฝังเมตตา: ใช้เมตตาแทนความโกรธ เมื่อรู้สึกว่ามีใครทำให้เราโกรธ พยายามเปลี่ยนความรู้สึกเป็นความเข้าใจและให้อภัย

ฝึกขันติ (ความอดทน): เมื่อเราอดทนต่อความยั่วยุหรือสิ่งที่มากระทบจิตใจ เราจะสามารถควบคุมความโกรธได้ดียิ่งขึ้น


มนต์เพลงพุทโธจีพีที - ฆฏิกรสูตร: ปลดปล่อยใจข้ามบ่วงมาร (ยังไม่สมบูรณ์)

ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 ฆฏิกรสูตร:   ปลดปล่อยใจข้ามบ่วงมาร 

(ท่อนที่ 1)

ในโลกที่เต็มไปด้วยกิเลส

เราเกาะติดกับความอยากได้ไว้ไม่ปล่อย

มีราคะ โทสะ บดบังใจเรา

ยังไม่พ้นบ่วงมารที่ขวางทางไว้

(ท่อนฮุก)

ปลดปล่อยใจ ข้ามบ่วงมาร

ลืมราคะและโทสะ ปล่อยวาง

เดินทางตามทางของพระพุทธ

บรรลุธรรมแห่งความสงบ สุขนิรันดร์

(ท่อนที่ 2)

ในอดีตเราเคยหลงทางผิด

ยึดติดกับโลกนี้อย่างลุ่มหลง

แต่เมื่อพบธรรมคำสอนแห่งพระพุทธ

กายและใจจึงพบทางแห่งความสงบ

(ท่อนฮุก)

ปลดปล่อยใจ ข้ามบ่วงมาร

ลืมราคะและโทสะ ปล่อยวาง

เดินทางตามทางของพระพุทธ

บรรลุธรรมแห่งความสงบ สุขนิรันดร์

(ท่อนจบ)

เราจะพบความหลุดพ้นได้แน่

หากเราปฏิบัติตามคำสอนที่แท้จริง

ข้ามผ่านบ่วงมารและทุกข์ทน

สู่เส้นทางแห่งนิพพานที่สว่างไสว

 ฆฏิกรสูตรที่ ๑๐

             [๑๕๒] ฆฏิกรพรหมกราบทูลว่า

                          ภิกษุ ๗ รูปผู้เข้าถึงพรหมโลกชื่อว่าอวิหา เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว

                          มีราคะ โทสะสิ้นแล้ว ข้ามเครื่องเกาะเกี่ยวในโลกได้แล้ว ฯ

             พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า

                          ก็ภิกษุเหล่านั้นคือผู้ใดบ้าง ผู้ข้ามเครื่องข้องเป็นบ่วงของมารที่

                          ข้ามได้แสนยาก ละกายของมนุษย์แล้วก้าวล่วงซึ่งทิพย-

                          *โยคะ ฯ

             ฆฏิกรพรหมกราบทูลว่า

                          คือท่านอุปกะ ๑ ท่านผลคัณฑะ ๑ ท่านปุกกุสาติ ๑ รวม

                          เป็น ๓ ท่าน ท่านภัททิยะ ๑ ท่านขัณฑเทวะ ๑ ท่านพหุ-

                          *ทันตี ๑ ท่านสิงคิยะ ๑ (รวมเป็น ๗ ท่าน) ท่านเหล่านั้น

                          ล้วนแต่ละกายของมนุษย์ ก้าวล่วงทิพยโยคะได้แล้ว ฯ

             [๑๕๓] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า

                          ท่านเป็นคนมีความฉลาด กล่าวสรรเสริญภิกษุเหล่านั้น ผู้

                          ละบ่วงมารได้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นตรัสรู้ธรรมของใครเล่า จึง

                          ตัดเครื่องผูกคือภพเสียได้ ฯ

             [๑๕๔] ฆฏิกรพรหมกราบทูลว่า

                          ท่านเหล่านั้น ตรัสรู้ธรรมของผู้ใดจึงตัดเครื่องผูกคือภพเสียได้

                          ผู้นั้นไม่มีอื่นไปจากพระผู้มีพระภาค และธรรมนั้นไม่มีอื่นไป

                          จากคำสั่งสอนของพระองค์ ฯ

                          นามและรูปดับไม่เหลือในธรรมใด ท่านเหล่านั้นได้รู้ธรรมนั้น

                          ในพระศาสนานี้ จึงตัดเครื่องผูกคือภพเสียได้ ฯ

             [๑๕๕] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า

                          ท่านกล่าววาจาลึกรู้ได้ยาก เข้าใจให้ดีได้ยาก ท่านรู้ธรรม

                          ของใคร จึงกล่าววาจาเช่นนี้ได้ ฯ

             [๑๕๖] ฆฏิกรพรหมกราบทูลว่า

                          เมื่อก่อนข้าพระองค์เป็นช่างหม้อ ทำหม้ออยู่ในเวภฬิงคชนบท

                          เป็นผู้เลี้ยงมารดาและบิดา ได้เป็นอุบาสกของพระกัสสป

                          พุทธเจ้า เป็นผู้เว้นจากเมถุนธรรม เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์

                          ไม่เกี่ยวด้วยอามิส ได้เคยเป็นคนร่วมบ้านกับพระองค์ ทั้งได้

                          เคยเป็นสหายของพระองค์ในกาลปางก่อน ข้าพระองค์รู้จัก

                          ภิกษุ ๗ รูปเหล่านี้ ผู้หลุดพ้นแล้ว มีราคะและโทสะสิ้นแล้ว

                          ผู้ข้ามเครื่องข้องในโลกได้แล้ว ฯ

             [๑๕๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

                          แน่ะนายช่างหม้อ ท่านกล่าวเรื่องอย่างใด เรื่องนั้นได้เป็น

                          จริงแล้วอย่างนั้นในกาลนั้น เมื่อก่อนท่านเคยเป็นช่างหม้อ

                          ทำหม้ออยู่ในเวภฬิงคชนบท เป็นผู้เลี้ยงมารดาและบิดา เป็น

                          อุบาสกของพระกัสสปพุทธเจ้า เป็นผู้เว้นจากเมถุนธรรม

                          เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่เกี่ยวด้วยอามิส ได้เป็นคน

                          เคยร่วมบ้านกันกับเรา ทั้งได้เคยเป็นสหายของเราในปาง

                          ก่อน ฯ

             พระสังคีติกาจารย์กล่าวว่า

                          สหายเก่าทั้งสอง ผู้มีตนอันอบรมแล้ว ทรงไว้ซึ่งสรีระมีใน

                          ที่สุด ได้มาพบกันด้วยอาการอย่างนี้ ฯ

สรุปสาระสำคัญของ ฆฏิกรสูตร (ที่ 10)

ในฆฏิกรสูตรนี้ เป็นการสนทนาระหว่าง ฆฏิกรพรหม กับ พระพุทธเจ้า โดยฆฏิกรพรหมกราบทูลเกี่ยวกับภิกษุ 7 รูป ที่เข้าถึงพรหมโลกชื่อว่า "อวิหา" ซึ่งเป็นผู้หลุดพ้นจากราคะและโทสะได้สมบูรณ์แล้ว และข้ามพ้นเครื่องเกาะเกี่ยวแห่งโลกนี้ได้ทั้งหมด

พระพุทธเจ้าทรงถามฆฏิกรพรหมว่าภิกษุเหล่านั้นคือใครบ้าง และฆฏิกรพรหมตอบว่าภิกษุเหล่านั้นมีชื่อดังนี้:

อุปกะ ผลคัณฑะ ปุกกุสาติ ภัททิยะ ขัณฑเทวะ พหุทันตีสิงคิยะ

ทั้งหมดนี้ต่างละกายของมนุษย์และก้าวล่วงทิพยโยคะได้แล้ว เมื่อพระพุทธเจ้าทรงถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับธรรมที่ภิกษุเหล่านั้นตรัสรู้เพื่อหลุดพ้นจากบ่วงของมาร ฆฏิกรพรหมจึงกราบทูลว่าธรรมที่พวกเขาตรัสรู้คือธรรมของพระผู้มีพระภาคและคำสั่งสอนของพระองค์ที่ช่วยให้พวกเขาตัดเครื่องผูกแห่งภพและบรรลุนิพพานได้

ในสูตรนี้ยังเผยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในอดีตของฆฏิกรพรหมและพระพุทธเจ้า ซึ่งฆฏิกรพรหมเคยเป็นช่างหม้อและเป็นสหายร่วมบ้านกับพระพุทธเจ้าในอดีตสมัยพระกัสสปพุทธเจ้า นอกจากนี้ พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่าข้อความที่ฆฏิกรพรหมกล่าวถึงอดีตนั้นเป็นความจริง

หลักธรรมใน ฆฏิกรสูตร

หลักธรรมสำคัญที่ปรากฏในสูตรนี้ คือ ความสำเร็จจากการหลุดพ้น (วิมุตติ) ที่เกิดจากการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และการบรรลุอริยสัจ 4 ซึ่งนำไปสู่การหลุดพ้นจากราคะ โทสะ และโมหะ สูตรนี้ยังแสดงให้เห็นถึง ความสำคัญของการรู้แจ้งในธรรม และการดำรงความศรัทธาต่อพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์อย่างมั่นคง

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

การพิจารณาสิ่งที่ยึดติดในโลก: ชีวิตในโลกนี้เต็มไปด้วยการยึดติดกับกิเลส ความต้องการทางวัตถุ ความโกรธ และความหลง การฝึกฝนตนเองให้ละทิ้งความยึดมั่นเหล่านี้จะช่วยให้เราพบกับความสงบและปัญญาที่แท้จริง

การเจริญสติและสมาธิ: เมื่อเราใช้ชีวิตอย่างมีสติ ควบคุมอารมณ์ และมีสมาธิในการดำเนินชีวิต เราจะสามารถลดทอนความทุกข์และความยึดติดได้ ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างสงบสุข

การแสวงหาความหลุดพ้น: การศึกษาและปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า สามารถช่วยเราในเรื่องการหลุดพ้นจากความทุกข์ในชีวิตประจำวัน

เพลง: หลงเหยื่อ

                   ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌ ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno   (Verse 1) ดั่งนกหลงฟ้าพาใจร่วงลง ดั่งลมหลงทางที่ไม่อาจคืน เฝ้ามองเงามืดกลา...