วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2567

มนต์เพลงพุทโธจีพีที - มหาศักยมุนีโคตมสูตร : อาหารเลี้ยงใจให้พ้นทุกข์

  ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 คลิกฟังเพลงที่นี่

เพลง: อาหารเลี้ยงใจให้พ้นทุกข์

(Verse 1) 

หยุดเติมตัณหาเมื่อใจเต็มไปด้วยไฟ

กินทุกครั้งที่ขาด จิตพลัดไปกับฝัน

กวฬิงการาหาร หยาบละเอียดนั้น

ผัสสาหารก็แสนหลากหลาย

(Verse 2)

เมื่อใจเริ่มรู้ทัน เห็นเวทนาผ่านไป

ละเว้นมโนสัญเจตนา ดั่งฝุ่นปลิวหาย

อาหารทั้งสี่พัดพา สร้างภพชาติในจิตใจ

ดั่งวัฏสงสารที่หมุนวนไป

(Chorus) 

เพราะอวิชชาดับ ก็พัดทุกข์ไปพ้น

สังขารละไว้ ร่างวิญญาณก็ไกลจากกัน

เลี้ยงใจให้พ้นทุกข์ ในวงเวียนแห่งการดับนั้น

เส้นทางนี้คือหนทางพ้นทุกข์แท้

(Outro)

เลี้ยงใจให้พ้นทุกข์ ด้วยรู้แจ้งเข้าใจ

หากอวิชชาดับ ก็เห็นจบครบทั้งไป

จากอาหารสูตร จิตเราจะสดใส

หลุดพ้นทุกข์ไม่ย้อนคืน


 บทความทางวิชาการ: "หลักการอาหาร 4 ในพุทธปรัชญาและการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อการดับทุกข์"

บทนำ

ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 15 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 7 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค พระพุทธเจ้าทรงแสดง "อาหารสูตร" ซึ่งเป็นหลักธรรมเกี่ยวกับ "อาหาร" ทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ 1) กวฬิงการาหาร, 2) ผัสสาหาร, 3) มโนสัญเจตนาหาร และ 4) วิญญาณาหาร อาหารทั้ง 4 นี้ไม่เพียงหมายถึงสิ่งที่ใช้เลี้ยงร่างกาย แต่ยังรวมถึงสิ่งที่เลี้ยงจิตใจ สติปัญญา และการรับรู้ ทำให้สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการดำรงชีวิตของหมู่สัตว์ทั้งหลาย หลักการนี้จึงมีผลต่อการเกิดขึ้นและดำเนินไปของสังสารวัฏ (วัฏสงสาร) ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยตัณหาและเวทนา นำไปสู่ทุกข์ที่หมุนเวียนตามวงจรของปฏิจจสมุปบาท และแสดงถึงวิธีดับทุกข์ที่เกิดจากอวิชชา

สรุปสาระสำคัญของอาหารสูตร

ตามที่ปรากฏในสูตรนี้ พระพุทธองค์ได้อธิบายถึงอาหารทั้ง 4 ดังนี้:

กวฬิงการาหาร หมายถึงอาหารที่เป็นวัตถุ ซึ่งเลี้ยงร่างกายของสิ่งมีชีวิต มีทั้งที่เป็นอาหารหยาบและละเอียด

ผัสสาหาร หมายถึงการรับรู้ที่เกิดจากการสัมผัส ซึ่งนำไปสู่การเกิดเวทนาหรือความรู้สึกอันเป็นรากฐานของการมีตัณหา

มโนสัญเจตนาหาร หมายถึงเจตนาที่เกิดในใจ เป็นตัวผลักดันให้เกิดการกระทำและการคิดที่ส่งผลต่อความรู้สึกต่อผัสสะต่าง ๆ

วิญญาณาหาร หมายถึงการรับรู้โดยวิญญาณที่เกิดจากการมีความรู้สึกทางกายและจิต

หลักธรรมและแนวคิดเชิงปรัชญาในอาหารสูตร

อาหารทั้ง 4 นี้มี "ตัณหา" หรือความทะยานอยากเป็นปัจจัยให้เกิดขึ้น และนำไปสู่การสร้างกรรมใหม่ ๆ ที่วนเวียนไปในวงจรของความทุกข์ เมื่อเกิดเวทนาเป็นเหตุ จะนำไปสู่ผัสสะ แล้วจึงเกิดสฬายตนะ, นามรูป, วิญญาณ และสังขารที่มีพื้นฐานอยู่ในอวิชชา (ความไม่รู้) ซึ่งเป็นรากฐานของการเกิดทุกข์ทั้งหมด

การเข้าใจถึงอาหารทั้ง 4 นี้เป็นปัจจัยให้สามารถสละละความยึดติดในสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อมีการพัฒนาจิตใจด้วยการสำรอกอวิชชาอย่างสิ้นเชิงและขัดเกลาตัณหา ทุกข์ก็จะดับไป ส่งผลให้เข้าถึงนิพพานซึ่งเป็นการหลุดพ้นอย่างแท้จริง

การประยุกต์ใช้หลักการอาหารสูตรในชีวิตประจำวัน

ในชีวิตประจำวัน หลักอาหารสูตรสามารถใช้ในการควบคุมและลดตัณหาที่เกิดจากสิ่งเร้าต่าง ๆ การสังเกตและการรู้เท่าทันในอาหารที่เรารับเข้ามาทั้งในทางกายและทางใจ จะช่วยให้เราตระหนักถึงผลกระทบของตัณหา ลดความยึดติดในสิ่งต่าง ๆ และนำไปสู่ความสงบสุขภายใน การพิจารณาอาหารทั้ง 4 อย่างรอบคอบนี้จะช่วยให้เราสามารถละตัณหาและลดเวทนาที่ทำให้เกิดความทุกข์ในจิตใจได้

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

นโยบายการส่งเสริมการพัฒนาจิตใจในระบบการศึกษา: ควรส่งเสริมการเรียนรู้หลักธรรมและการพัฒนาจิตใจตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อให้เยาวชนเรียนรู้การควบคุมและเข้าใจความปรารถนาและความต้องการทางจิตใจ ช่วยลดปัญหาทางสังคมและจิตใจ

โครงการสร้างสมดุลในการบริโภคสื่อ: เนื่องจากผัสสาหารมีส่วนสำคัญในการสร้างเวทนาและตัณหา การจำกัดการบริโภคสื่อที่อาจสร้างตัณหาอันเป็นปัจจัยนำไปสู่ทุกข์ จะช่วยให้คนในสังคมมีความสงบสุขและมีความมั่นคงทางจิตใจมากขึ้น

 เอกสารอ้างอิง

พระไตรปิฎกเล่มที่ 15 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 7 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค  https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=16&A=241


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เพลง: ค่าไม้เก่าแห่งชีวิต

                      ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌ ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno    คลิกฟังเพลงที่นี่ (Verse 1)  ไม้เก่าทำเสาเรือนก็คงหัก พอลมพัดที่พักก็ไ...