การแยกแยะบุคคลที่ควรคบในวัยสูงอายุเป็นสิ่งสำคัญในบริบทพุทธสันติวิธี เพื่อเสริมสร้างความสงบสุขภายในและการใช้ชีวิตที่สมดุล การปฏิบัติตามหลักธรรมะเพื่อสร้างสัมมาทิฐิและความสัมพันธ์ที่ดีถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินชีวิตของคนไทย
ในสังคมไทยที่มีพื้นฐานความเชื่อและวัฒนธรรมพุทธศาสนา ความสงบสุขและความสัมพันธ์ที่เป็นสุขเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในยามที่บุคคลก้าวสู่วัยสูงอายุ เวลาชีวิตที่เหลืออยู่และพลังงานของพวกเขามีค่าอย่างยิ่ง แต่ยังมีปัญหาจากปฏิสัมพันธ์ที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งอาจบั่นทอนสุขภาพจิตและกาย การแยกแยะบุคคลที่ควรและไม่ควรคบจึงเป็นประเด็นที่ควรได้รับความสนใจในบริบทของพุทธสันติวิธี การจัดการนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสงบภายในและการใช้ชีวิตอย่างสมดุล
หลักการและอุดมการณ์
พุทธสันติวิธีมีรากฐานมาจากหลักการพุทธธรรม เช่น สัมมาทิฐิ (ความเห็นชอบ) และอิทธิบาท 4 (คุณธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จ) โดยเน้นการปฏิบัติตนอย่างมีสติและการหลีกเลี่ยงสิ่งที่บั่นทอนความสงบสุข การเลือกคบหาผู้คนถือเป็นการสร้างสมดุลให้ชีวิต เพื่อป้องกันพฤติกรรมและอารมณ์ที่อาจนำไปสู่ความทุกข์และความรุนแรง บุคคลที่ไม่ควรคบในวัยสูงอายุ ได้แก่ ผู้ที่มองโลกในแง่ร้าย เอาเปรียบ หรือสร้างความรำคาญ ซึ่งพุทธศาสนามองว่าเป็นสิ่งที่ขัดขวางการเจริญทางจิตวิญญาณ
วิธีการและแผนยุทธศาสตร์
การใช้สติสัมปชัญญะในการคัดเลือกบุคคล: การใช้สติปัฏฐาน 4 เพื่อพิจารณาบุคคลที่ทำให้เกิดทุกข์และส่งผลกระทบต่ออารมณ์ เช่น คนมองโลกในแง่ร้ายหรือผู้ที่ชอบดราม่า ด้วยการฝึกสติและพิจารณาถึงผลกระทบต่อสุขภาวะทางจิตใจ
การหลีกเลี่ยงและตั้งขอบเขตที่เหมาะสม: การถอยห่างจากบุคคลที่ทำลายความสงบสุขของตนอย่างเหมาะสม เช่น ไม่รับฟังปัญหาซ้ำซากของผีดูดเลือด (แวมไพร์) และการตั้งขอบเขตเพื่อปกป้องความสงบสุข
การส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี: การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่ให้ความรักและความช่วยเหลือ สนับสนุนการพัฒนาทางปัญญาและอารมณ์ เป็นการเพิ่มพลังชีวิตในช่วงวัยสูงอายุ
การเผยแพร่ความรู้และพัฒนาทักษะในการสื่อสารเชิงบวก: การจัดกิจกรรมและโครงการที่เสริมสร้างทักษะในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการปฏิสัมพันธ์ที่ไม่พึงประสงค์ผ่านการสอนพุทธธรรมและเทคนิคเชิงสันติ
โครงการที่เกี่ยวข้อง
โครงการอบรมจิตใจผู้สูงอายุเพื่อการดำรงชีวิตอย่างสงบสุขโดยใช้หลักพุทธศาสนา เช่น การฝึกสมาธิ การเจริญสติ และการจัดกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นสุข อาจมีการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อแยกแยะบุคคลที่มีผลกระทบต่อสุขภาวะของตน และวิธีการเสริมสร้างพลังใจในการจัดการความสัมพันธ์
อิทธิพลต่อสังคมไทย
การส่งเสริมให้บุคคลสูงวัยแยกแยะบุคคลที่ควรและไม่ควรคบในบริบทพุทธสันติวิธีสามารถส่งผลให้เกิดสังคมที่มีความสงบสุขและมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและชุมชน ส่งเสริมให้บุคคลมีคุณภาพชีวิตที่ดีและเสริมสร้างการพึ่งพาตนเองในด้านจิตใจ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ส่งเสริมการจัดอบรมเพื่อพัฒนาสติและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน: จัดโครงการฝึกสติและการปฏิสัมพันธ์เชิงบวก โดยเน้นการพัฒนาทักษะในด้านการเจริญสัมมาทิฐิและการเลือกคบหาบุคคล
การจัดทำคู่มือเพื่อการใช้ชีวิตสงบสุขในวัยสูงอายุ: เพื่อให้บุคคลสามารถเรียนรู้แนวทางในการแยกแยะบุคคลและสถานการณ์ที่ควรและไม่ควรคบ รวมถึงเทคนิคการจัดการความสัมพันธ์ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิต
การสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนและวัด: ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์เชิงพุทธสันติในชุมชน โดยใช้พระธรรมและหลักธรรมมาเป็นแนวทางในการสร้างความสัมพันธ์และขจัดความขัดแย้ง
(หมายเหตุ - เมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางละมุง จ.ชลบุรี เยี่ยมให้กำลังใจผู้สูงอายุที่ป่วย ณ อาคารสถานชีวาภิบาล และเยี่ยมชมกิจกรรมผู้สูงอายุ “สมองใส สร้างสุข” ณ อาคาร Happy Home อีกทั้งมอบถุงกำลังใจให้ผู้สูงอายุ จำนวน 60 ราย พร้อมตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร ในบริเวณสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น