วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พิสูจน์ทฤษฎี 4 ก. ใครมีครบชนะ ชิงนายกฯอบจ.นครฯ



ยกสี่การหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เหลือเวลาไม่ถึง 20 วันก็จะเป็นวันชี้ชะตาอนาคตการเมืองท้องถิ่นอย่าง อบจ.นครศรีธรรมราช แล้ว

24 พฤศจิกายน จะเป็นวันพิพากษาโดยประชาชน มีผู้ลงสมัครชิง4 คน คือ เบอร์ 1 “เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช จากกลุ่มพลังเมืองนคร อดีตนายกฯอบจฯ เบอร์ 2 น้ำ-วาริน ชิณวงค์ กลุ่มนครเข้มแข็ง อดีตประธานหอการค้านครศรีธรรมราช  และอดีตกรรมการหอการค้าไทย

แม้ในช่วงแรกๆของการสมัคร ต้องยอมรับความจริงว่า เจ้ต้อย-กนกพร เป็นต่ออยู่หลายขุมในฐานะแชมป์เก่า คนรู้จัก ทีผลงานสัมผัสได้ ในขณะน้ำจนยังถามว่า เบอร์ 2 คือใคร มาจากไหน แต่เมื่อการหาเสียงผ่านยก 1 ยก 2 ไป เสียงถามว่า เบอร์ 2 คือใคร เริ่มหายไปจากสงน้ำชา อันเกิดจากการเดินสายพบปะแนะนำตัวต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ประกอบกับการใช้สื่อที่ผ่านการวางแผนมาอย่างดี เป็นขั้นเป็นตอน มีการลำดับเรื่องในการนำเสนอ ที่เริ่มต้นจากการแนะนำตัว ประกาศเจตนารมย์ ตามมาด้วยการนำเสนอนโยบายที่ประสงค์จะทำให้เมืองนคร เปลี่ยนเมืองนครอย่างไร และเปิดเวทีปราศรัยที่ปากพนังบ้านเกิดเป็นเวทีแรก เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีคนฟังประมาณ 1500-2000 คน

จากนั้นมีนโยบายว่าจะเปิดเวทีปราศรัยทุกอำเภอ ที่อาจจะมีฝนเป็นอุปสรรคอยู่บ้าง และน้ำได้โพสต์ข้อความทำนอนว่า ”เก็บเสื้อผ้ายัดใส่ท้ายรถ ค่ำไหนนอนนั้น ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

ในขณะที่เจ้ต้อย-กนกพร เดินสายเปิดเวทีย่อยทุกวันมาตั้งแต่ยก 1 แล้ว วันละ 3-4 เวที 30-40 คน ก็ปราศรัย เพื่อหลีกหนีหน้าฝน แต่เป็นการเดินสายเก็บคะแนนเป็นกอบเป็นกรรม กับการแจกแจงผลงานในรอบ 4 ปี และนโยบายที่จะทำต่อไปในเทอม 2 นี้ ได้เห็นนโนบายหลายๆเรื่องของเจ้ต้อย ก็น่าสนใจ เพียงแต่อาจจะมีคำถามว่า แล้ว 4 ปีที่ผ่านมาทำไมไม่ทำ ตามมาด้วยคำถาม ลาออกก่อนหมดวาระแล้วมาสมัครใหม่ทำไม ซึ่งจริงฯการลาออกเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่สามารถทำได้ กฎหมายกำหนดไว้ชัดว่าพ้นจากตำแหน่งเมื่อหมดวาระ ลาออก และตาย และมีนายกฯอบจ.ลาออกก่อนหมดวาระมากถึง 20 จังหวัด การไปร้องกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)จึงไม่น่าจะมีผลอะไร

ประเด็นคำถามคือ กระแสของน้ำดีขึ้น อันนี้เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ แต่จะดีขึ้นตลอด และประคองไปจนถึงวันลงคะแนนหรือไม่ เป็นประเด็นน่าสนใจ น่าสนใจกับคำประกาศเจตนารมย์ของน้ำ “ไม่ซื้อเสียง -ไม่มีหัวคะแนน” คำประกาศเจตนารมย์นี้ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่สะท้อนสภาพการเมืองการเลือกตั้งในปัจจุบัน การเมืองที่มีคนบอกว่า “เงินไม่มาหาไม่เป็น” และเงินมาก็ต้องผ่านโครงข่ายหัวคะแนน แต่ถือเป็นความกล้าหาญกับคำประกาศเจตนารมย์ที่สวนกระแสการเมืองในปัจจุบัน

ถ้าเลือกตั้งวันนี้ หรือพรุ่งนี้ ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆนานา เชื่อว่า “เจ้ต้อย” ยังเดินเข้าวินอยู่ ชาวบ้านร้านน้ำชา เขาบอกว่าเจ้ต้อยอ้อร้อดี ใกล้ชิดชาวบ้าน  ไปทุกงาน บ้านๆดี โอกาสเข้าวินสูง "เสียงจากร้านน้ำชานะ แต่ถ้ากระแสโซเชี่ยลน้ำกระแสดี" กระแสดีจะทำอย่างไรให้เป็นคะแนน ไม่ใช่ดีอยู่ในโซเชี่ยล งานนี้คงต้องฝากไปยังทีมยุทธศาสตร์ที่ต้องคิดกันให้จงหนัก

งานนี้ใครจะแพ้จะชนะวัดกันด้วยกระสุนดินดำและทีมยุทธศาสตร์แล้วแหละ...ชัยชนะจะต้องมาจาก 4 ก.คือ กล้า กระสัน กระแส และกระสุน 

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ทฤษฎี "4 ก." ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่ใช้วัดปัจจัยความสำเร็จในทางการเมือง โดยจะนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (อบจ.นครฯ) ซึ่งใกล้จะถึงกำหนดการลงคะแนนในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 พบว่า 

ทฤษฎี 4 ก.: ความหมายและการประยุกต์ใช้

ทฤษฎี "4 ก." ประกอบด้วย กล้า กระสัน กระแส และกระสุน ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีความสำคัญในบริบทการเลือกตั้งและการเมืองในระดับท้องถิ่นของไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้:

กล้า - ความกล้าหาญในการตัดสินใจและแสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ทักษะนี้สำคัญมากสำหรับผู้นำที่ต้องการความไว้วางใจจากประชาชน

กระสัน - แรงผลักดันและความกระตือรือร้นในการทำงาน คำว่ากระสันนี้สะท้อนถึงการมีเป้าหมายที่ชัดเจนและมุ่งมั่น

กระแส - การสร้างกระแสการสนับสนุนจากประชาชนและการจัดการภาพลักษณ์เชิงบวก การมีฐานเสียงที่แข็งแกร่งและสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นองค์ประกอบสำคัญ

กระสุน - ทุนทรัพย์หรือทรัพยากรที่ใช้สนับสนุนแคมเปญเลือกตั้ง ในการเมืองไทย กระสุนมักเกี่ยวข้องกับการมีแหล่งทุนที่พอเพียงในการจัดกิจกรรมหาเสียง

วิเคราะห์การประยุกต์ใช้ 4 ก. ในการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช

ปัจจุบันมีผู้ลงสมัครนายก อบจ. นครศรีธรรมราชที่โดดเด่น 2 คน ได้แก่ "เจ้ต้อย-กนกพร" ซึ่งเป็นแชมป์เก่าที่มีความใกล้ชิดกับชาวบ้าน และ "น้ำ-วาริน" ที่เน้นความโปร่งใสไม่ซื้อเสียง

เจ้ต้อย-กนกพร มีประสบการณ์ทางการเมืองและฐานเสียงที่มั่นคงจากการทำงานในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เจ้ต้อยได้เปรียบในแง่ของการสร้างกระแสและความไว้วางใจจากประชาชนในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันเจ้ต้อยยังใช้กลยุทธ์การหาเสียงแบบลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความใกล้ชิดกับชาวบ้าน แต่ปัญหาที่เจ้ต้อยต้องเผชิญคือข้อสงสัยจากผู้ลงคะแนนในเรื่องของการลาออกก่อนหมดวาระ

น้ำ-วาริน แม้จะเริ่มต้นด้วยการไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่หลังจากยกแรกผ่านไป น้ำสามารถสร้างกระแสได้อย่างรวดเร็วผ่านการใช้สื่อออนไลน์และการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง น้ำมีเจตนารมย์ที่ชัดเจนว่าจะไม่ซื้อเสียงและไม่มีหัวคะแนน ซึ่งเป็นแนวคิดที่สะท้อนความกล้าหาญในการแสดงจุดยืนที่แตกต่างจากแนวปฏิบัติทั่วไป แม้ว่าการประกาศเจตนารมย์นี้จะเป็นที่ชื่นชมในทางอุดมคติ แต่ความท้าทายที่น้ำต้องเผชิญคือการแปลงกระแสสนับสนุนจากโลกออนไลน์ให้กลายเป็นคะแนนเสียงในวันเลือกตั้งจริง

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการเมืองไทย

ส่งเสริมความโปร่งใสในการหาเสียง - ควรมีการพัฒนานโยบายและมาตรการที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้สมัครทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากรการหาเสียงที่เท่าเทียมกัน โดยมุ่งเน้นการใช้ทุนที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้

ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน - กระตุ้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามนโยบายและวิสัยทัศน์ของผู้สมัครในระหว่างการหาเสียงมากขึ้น ผ่านการจัดเวทีเสวนาและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพ

ปรับปรุงการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์และสื่อสารสาธารณะ - เน้นให้ผู้สมัครใช้สื่อออนไลน์ในการสร้างกระแสที่มีความรับผิดชอบ สื่อสารนโยบายและเจตนารมย์ให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน

พัฒนามาตรการส่งเสริมประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่น - ควรส่งเสริมให้ผู้สมัครระดับท้องถิ่นสามารถมีส่วนร่วมและแสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนโดยไม่ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากเครือข่ายทางการเมืองมากเกินไป นโยบายควรคุ้มครองสิทธิ์ในการเลือกตั้งที่โปร่งใสและยุติธรรม

ดังนั้น การวิเคราะห์ทฤษฎี 4 ก. ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยความสำเร็จในการเมืองไทยมีหลายมิติ ตั้งแต่ความกล้าหาญในวิสัยทัศน์และจุดยืน ความกระตือรือร้น ความสามารถในการสร้างกระแส รวมถึงการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราชนี้อาจเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของการเมืองท้องถิ่นไทยในอนาคต


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิเคราะห์เอกกนิบาตในพระไตรปิฎกเล่มที่ 26 (ขุททกนิกาย เถรีคาถา)

  วิเคราะห์เอกกนิบาตในพระไตรปิฎกเล่มที่ 26 (ขุททกนิกาย เถรีคาถา) บทนำ เอกกนิบาตในพระไตรปิฎกเล่มที่ 26 (พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 18 ขุททกนิกาย...