วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“รศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ” มอง “ทรัมป์” คัมแบ็ก: ทำโลกเปลี่ยน ผลกระทบต่อไทย และแนะรัฐบาลไทยรับมือ


บทนำ

การกลับมาของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2568 ได้สร้างความเคลื่อนไหวที่สำคัญในวงการเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ อันเป็นผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจมีทั้งด้านบวกและลบในเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศมหาอำนาจ รวมถึงประเทศไทยที่ต้องเตรียมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายและการตัดสินใจทางเศรษฐกิจของทรัมป์ การฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบในลักษณะต่าง ๆ ตามมา

การวิเคราะห์การกลับมาของทรัมป์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

รศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ นักวิชาการอิสระ ได้มองถึงผลกระทบที่เกิดจากการกลับมาของทรัมป์ที่อาจทำให้โลกเปลี่ยนไปในหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านการเงินและการลงทุนหลังจากที่ทรัมป์ได้ประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และมีความชัดเจนว่าเขาจะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2568

จากการที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐได้แข็งค่าขึ้นอย่างรุนแรง และผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น การลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐและนโยบาย Trump Trade ซึ่งเกี่ยวข้องกับการลดภาษีเงินได้และธุรกิจของทรัมป์นั้นได้รับการตอบรับอย่างดุเดือด ในขณะที่หุ้นของจีนและเอเชียกลับดิ่งลงอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์และพลังงานสะอาด การกลับมาของทรัมป์จึงไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนทิศทางการเงินและการลงทุนในสหรัฐเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งอาจเผชิญกับความท้าทายในด้านการค้าและเศรษฐกิจ

ปัญหาของธนาคารกลางและเศรษฐกิจโลก

ในภาวะที่อารยมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ โดยเฉพาะการควบคุมอัตราดอกเบี้ยและการรับมือกับเงินเฟ้อ ทรัมป์ได้เข้ามาก่อให้เกิดความท้าทายในเศรษฐกิจโลกที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของสหรัฐที่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปต้องปรับตัวตามอย่างรวดเร็ว เพื่อควบคุมเงินเฟ้อและรักษาระดับคุณภาพสินเชื่อ

การที่ธนาคารกลางของอังกฤษและสหรัฐได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยตามแผนเดิม และได้ยืนยันว่าไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจทางการเงิน ถือเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน และเป็นบทเรียนที่ประเทศไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรจะนำไปพิจารณา เพื่อรักษาความสง่างามในเชิงนโยบายทางการเงินในระยะยาว

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับรัฐบาลไทย

จากการที่การกลับมาของทรัมป์อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญในเศรษฐกิจโลก รวมถึงตลาดการค้าและการลงทุนในประเทศไทย รัฐบาลไทยควรเตรียมตัวรับมือในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมก้าวหน้าและการขยายตัวของตลาดในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น

  1. การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
    รัฐบาลไทยควรเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมก้าวหน้า เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการแข่งขันในตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

  2. การปฏิรูปการค้าและการลงทุน
    การส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศและการปรับปรุงภาคการค้าไทยให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงจากการค้าโลกได้ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายทางการค้ากับพันธมิตรในภูมิภาค เช่น การพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับกลุ่มประเทศ BRICS และการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับจีน

  3. การปรับตัวของภาครัฐในด้านการเงิน
    ธนาคารแห่งประเทศไทยควรมีการเตรียมความพร้อมในการควบคุมเงินเฟ้อและการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน รวมทั้งการพิจารณามาตรการต่าง ๆ เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลก

  4. การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
    ควรส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้สามารถสร้างความมั่นคงในระบบเศรษฐกิจโดยรวม และเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลก

สรุป

การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2568 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมรับมือทั้งในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมและการเงิน รวมถึงการขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับพันธมิตรในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แนะแนวแก้ "ขัดแย้ง-รุนแรง" ของชาวพุทธ ในปริบทพุทธสันติวิธี

การใช้หลักพุทธสันติวิธีในการแก้ไขความขัดแย้งในวงการพระสงฆ์และสังคมไทยสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดปัญหาความรุนแรงและเสริมสร้าง...