วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โขนพระนารายณ์จักราวตาร สร้างสังคมไทยสันติสุข

 


มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” รอบสื่อมวลชน ขึ้น ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีกำหนดจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” ขึ้น ในระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน - วันที่ 8 ธันวาคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

สำหรับปี 2567 นี้ นับเป็น ปีมหามงคลของปวงชนชาวไทยอีกวาระหนึ่ง เพื่อเฉลิมฉลอง 2 โอกาสมหามงคลของปวงชนชาวไทย ได้แก่ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จึงร่วมเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคลนี้ คัดเลือกตอน “พระจักราวตาร” อันเป็นตอนที่แสดงกฤษฎาภินิหารของพระจักราหรือพระนารายณ์ ที่อวตารลงมาเป็นพระราม โอรสของท้าวทศรถ กษัตริย์แห่งกรุงอโยธยาเพื่อปราบฝ่ายอธรรม เปรียบประดุจพระราชวงศ์จักรีที่ผดุงความสุขความสงบให้กับพสกนิกรชาวไทยตลอดมา 

“พระจักราวตาร” จับตอนตั้งแต่พระอินทร์และเหล่าเทพนิกรพากันไปอัญเชิญพระนารายณ์ ขณะที่ประทับอยู่บนบัลลังก์อนันตนาคราชพร้อมพระลักษมีพระชายา ให้เสด็จลงมาปราบยุคเข็ญ พระนารายณ์จุติลงมาเป็นพระรามและพระลักษมีลงมาเป็นนางสีดา ปฐมเหตุแห่งการต่อสู้ปราบอธรรม คือทศกัณฐ์และพระญาติวงศ์ จากนั้นได้ดำเนินเรื่องเป็นลำดับตั้งแต่ ทศกัณฐ์สั่งให้มารีศแปลงกายเป็นกวางทองเข้าไปล่อลวงพระรามให้ตามกวาง แล้วลักพาตัวนางสีดาขึ้นราชรถเหาะไปยังกรุงลงกา เป็นเหตุให้เกิดสงครามระหว่าง กองทัพพระรามและทศกัณฐ์ เรื่องราวความสนุกจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ติดตามรับชมได้ในการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “พระจักราวตาร” 

นอกจากการแสดงที่วิจิตรงดงามที่แสดงโดยนักแสดงเยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ จนมีฝีมือการร่ายรำอันงดงามถูกต้องตามจารีตแล้ว ผู้ชมจะได้รับฟังการบรรเลงดนตรีและขับร้องเพลงไทยอันไพเราะ รับชมความวิจิตรของเครื่องแต่งกายอันประณีต พบกับความพิเศษของสุดยอดฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ของพระจักราวตาร ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อการแสดงโขนที่ยิ่งใหญ่บนเวที นับเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง ได้จัดการแสดงโขนเพื่อการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ชื่นชมความงดงามของศิลปะดั้งเดิมของไทยหลากหลายแขนงในการแสดงโขน โดยสิ่งที่เป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินงานคือ พระราชดำรัสเกี่ยวกับการอนุรักษ์ศิลปะแขนงนี้ว่า “ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผ่นดิน”นับเป็นความโชคดีของคนไทยและประเทศไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนอย่างเอาพระทัยใส่ทุกมิติ เป็นการธำรงนาฏศิลป์ อันทรงคุณค่าของชาติให้สืบทอดอยู่ อีกนานเท่านาน

ทั้งนี้มหากาพย์รามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” กล่าวถึงการอวตารของพระนารายณ์ในรูปของพระราม โอรสแห่งท้าวทศรถ แห่งกรุงอโยธยา เพื่อปราบปรามฝ่ายอธรรมที่ทารุณต่อเหล่าเทพและสรรพสิ่งในโลก ซึ่งเรื่องราวนี้นำเสนอผ่านการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสันติสุขและความยุติธรรม ในบริบทของพุทธสันติวิธี เหตุการณ์นี้สามารถวิเคราะห์ได้ในแง่ของหลักการและแนวทางสันติวิธีตามคติความเชื่อในพระพุทธศาสนา เพื่อสร้างสันติสุขและความสงบสุขให้แก่สังคม

บทความนี้จะนำเสนอการวิเคราะห์รามเกียรติ์ตอนนี้ในมุมมองของพุทธสันติวิธี โดยจะพิจารณาในด้านหลักการ อุดมการณ์ วิธีการ ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี วิสัยทัศน์ แผนงาน โครงการ และอิทธิพลต่อสังคมไทย

1. หลักการและอุดมการณ์

ในทางพุทธสันติวิธี หลักการที่สำคัญคือ การป้องกันและขจัดความชั่วร้ายโดยใช้ปัญญาและความกรุณา รามเกียรติ์ตอน "พระจักราวตาร" แสดงให้เห็นถึงความอุทิศตนและการเสียสละของพระนารายณ์ (ในรูปพระราม) ซึ่งปรารถนาที่จะฟื้นฟูความเป็นธรรมและความสงบสุขในโลก การอวตารลงมาปราบปรามฝ่ายอธรรมของพระรามสะท้อนถึงอุดมการณ์การปกป้องสันติภาพโดยไม่ละเลยต่อความชั่วร้ายที่เบียดเบียนผู้อื่น

ในบริบทนี้สามารถเปรียบเทียบกับอุดมการณ์ใน อริยสัจ 4 โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง ทุกข์และสมุทัย ซึ่งแสดงถึงความทุกข์ที่เกิดจากการกระทำที่ไม่เป็นธรรม และ นิโรธ ซึ่งเป็นการดับทุกข์ด้วยการกำจัดต้นเหตุของอธรรมให้หมดสิ้นเพื่อสร้างสังคมที่เป็นสุข

2. วิธีการพุทธสันติวิธีในรามเกียรติ์

พุทธสันติวิธีใช้แนวคิด อิทธิบาท 4 เป็นแนวทางในการสร้างความสำเร็จในการสร้างสันติสุข ซึ่งในรามเกียรติ์ตอนนี้ พระรามได้แสดงให้เห็นถึงวิริยะ อันหมายถึงความเพียรและตั้งมั่นในการต่อสู้กับฝ่ายอธรรม โดยมีจิตตะที่มีสมาธิในการแสดงศักดิ์ศรีของตนผ่านคุณธรรมและสติปัญญา ซึ่งพระรามมุ่งเน้นที่จะขจัดอุปสรรคและภัยอันตรายที่ทำให้เกิดความทุกข์และความไม่สงบสุขแก่สังคม

วิธีการของพระรามในการปราบปรามอธรรมและฟื้นฟูความสงบสุขนั้นสะท้อนถึง การกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และ การใช้ปัญญาเป็นอาวุธ ซึ่งคล้ายคลึงกับหลักการพุทธสันติวิธีที่ส่งเสริมการปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของสรรพชีวิต โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจ ความเมตตา และความร่วมมือแทนการใช้ความรุนแรง

3. ยุทธศาสตร์และยุทธวิธี

ยุทธศาสตร์สำคัญที่สามารถดึงมาจากรามเกียรติ์ตอนนี้ คือ สังคหวัตถุ 4 ซึ่งประกอบด้วย:

ทาน: ความเมตตาของพระรามที่แสดงถึงความตั้งใจจะช่วยเหลือเหล่าผู้ที่ถูกเบียดเบียน

ปิยวาจา: พระรามมีคำพูดที่สุภาพและเมตตา แม้ในยามเผชิญกับศัตรู

อัตถจริยา: การช่วยเหลือผู้อื่นและมุ่งมั่นทำความดีเพื่อความเป็นธรรมในสังคม

สมานัตตา: การปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นเทพ มนุษย์ หรือสัตว์ในป่า

ยุทธวิธีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการส่งเสริมความรักและความสามัคคีในชุมชน ซึ่งทำให้สังคมมีความสงบสุขและช่วยลดความขัดแย้ง โดยการดำเนินตามหลักสังคหวัตถุจะช่วยป้องกันความขัดแย้งทางสังคมและส่งเสริมความเข้าใจและความเมตตาซึ่งกันและกัน

4. วิสัยทัศน์และแผนงานในปริบทพุทธสันติวิธี

รามเกียรติ์ตอนนี้มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการสร้างสังคมที่ยุติธรรม โดยใช้หลัก พรหมวิหาร 4 เป็นหลักการในการดำเนินชีวิต ซึ่งประกอบด้วย:

เมตตา: ความเมตตาในการให้โอกาสและช่วยเหลือ

กรุณา: ความปรารถนาดีในการขจัดความทุกข์ของผู้อื่น

มุทิตา: การแสดงความยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น

อุเบกขา: การวางเฉยและมีจิตที่เป็นกลางต่อสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้

การประยุกต์ใช้พรหมวิหาร 4 ในแผนงานการพัฒนาชุมชน สามารถทำให้ชุมชนเกิดความสามัคคีและความสุข ซึ่งการนำหลักการเหล่านี้มาปรับใช้ในโครงการต่างๆ ช่วยให้ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีความเห็นอกเห็นใจกัน

5. อิทธิพลของรามเกียรติ์ในปริบทพุทธสันติวิธีต่อสังคมไทย

รามเกียรติ์ ได้สร้างอิทธิพลสำคัญต่อความเชื่อและการดำรงชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะการนำคุณธรรมของพระรามมาเป็นแบบอย่างของความเสียสละ ความอดทน และความเมตตา ทำให้สังคมไทยมีการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมร่วมกัน นอกจากนี้ การเน้นย้ำถึงการพึ่งพาตนเองและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติยังมีส่วนช่วยในการลดความขัดแย้งในชุมชน โดยคนไทยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพระรามในการดำรงชีวิตด้วยคุณธรรมและความเมตตา

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

สนับสนุนการเรียนรู้และการศึกษาเรื่องรามเกียรติ์ในแง่ของคุณธรรม: สร้างโครงการศึกษาและเผยแพร่เรื่องราวของรามเกียรติ์โดยเน้นคุณธรรมของพระราม เพื่อให้เยาวชนเรียนรู้ความสำคัญของการมีจิตใจเมตตาและความเสียสละ

ส่งเสริมโครงการชุมชนที่ใช้หลักสังคหวัตถุ 4: สนับสนุนให้ชุมชนมีโครงการช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามหลักทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตา เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งและสร้างความสามัคคีในสังคม

พัฒนาแผนงานที่เน้นการสร้างวิสัยทัศน์ตามพรหมวิหาร 4: ส่งเสริมให้มีการนำหลักเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาไปปรับใช้ในสถานศึกษาหรือองค์กรต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความเมตตาในสังคม

ส่งเสริมโครงการฟื้นฟูคุณค่าของความกตัญญูและการเสียสละ: สร้างนโยบายหรือโครงการที่เน้นการปลูกฝังคุณค่าของความกตัญญูและความเสียสละแก่ครอบครัวและชุมชน เพื่อส่งเสริมจิตใจที่เห็นอกเห็นใจกัน

จัดกิจกรรมที่ให้เยาวชนศึกษาเรื่องราวในเชิงสันติวิธีผ่านรามเกียรติ์: การส่งเสริมการจัดกิจกรรมที่ให้เยาวชนได้เรียนรู้สันติวิธีผ่านการศึกษามหากาพย์เรื่องนี้จะช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการนำไปปรับใช้ในการดำรงชีวิต

สรุป

การวิเคราะห์รามเกียรติ์ตอน “พระจักราวตาร” ในปริบทของพุทธสันติวิธีแสดงให้เห็นถึงแนวทางการสร้างความสงบสุขในสังคม โดยอาศัยหลักการพุทธสันติวิธี อุดมการณ์ และยุทธศาสตร์ที่ส่งเสริมคุณธรรมในสังคม นโยบายที่ได้รับการสนับสนุนควรเน้นการศึกษาและการพัฒนาคุณธรรมเพื่อสร้างสังคมที่มีความสมดุลและเป็นสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ชาวพุทธเฮ! ครม.แต่งตั้ง “ดร.มหานิยม” เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีขับเคลื่อนพระพุทธศาสนา -กิจการคณะสงฆ์

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 256 7 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้ง ดร.นิยม เวชกามา (ดร.มหานิยม) อดีต ส.ส.พ...