วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2567

"ชูศักดิ์" เปิดงานหยุดการโกง -แนะแนวแก้ตามบริบทพุทธสันติวิธี


“ชูศักดิ์”  ประกาศเจตนารมณ์งานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) “FIGHT AGAINST CORRUPTION สู้ให้สุด หยุดการโกง” มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง พร้อมแสดงจุดยืนไม่ทำ ไม่ทน และไม่เฉยต่อการทุจริต

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567   เวลา 10.00 น.   ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) “FIGHT AGAINST CORRUPTION สู้ให้สุด หยุดการโกง” โดยนายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้เป็นประธานเปิดงานครั้งนี้ เพราะถือเป็นวันสำคัญในการสร้างการตระหนักรู้ถึงภัยร้ายแรงของการทุจริต และประกาศเจตนารมย์ร่วมกันเพื่อต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจัง ซึ่งปัญหาการทุจริตในประเทศไทย เป็นปัญหาเรื้อรังสั่งสมมานาน ส่งผลเสียหายทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง นำไปสู่ปัญหาการขาดความเชื่อมั่นของนานาชาติ

ทั้งนี้ จากการศึกษาขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติในปีที่ผ่านมา สะท้อนว่าจุดอ่อนที่สำคัญของประเทศไทย คือการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง การทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน การใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกัน รวมถึงความไม่โปร่งใสในงบประมาณ ส่งผลให้ดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย อยู่ในระดับคงที่ 35-36 คะแนน จาก 100 คะแนน แสดงให้เห็นถึงปัญหาการทุจริต ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยประกาศว่าจะยึดมั่นในหลักนิติธรรม สร้างความโปร่งใส และความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพ ซึ่งรัฐบาลมีความมุ่งมั่นทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดประโยชน์ของประชาชนทุกภาคส่วนเป็นที่ตั้ง และผลักดันการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างต่อเนื่อง โดยแก้ปัญหาที่ระบบ และบูรณาการกับทุกภาคส่วน

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ผลักดันให้แนวทางการแก้ไขการทุจริต บรรจุเป็นแผนแม่บทในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และขับเคลื่อนพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน เพื่อสร้างความโปร่งใสในการอนุมัติและการอนุญาต ลดปัญหาการทุจริตและการเรียกรับสินบน ลดระยะเวลาในการติดต่อขอรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงให้มีการเปิดเผยข้อมูลเข้าสู่ระบบดิจิทัล

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลยังเสริมสร้างให้กระบวนการยุติธรรมมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซง สร้างความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสในศาลยุติธรรม รวมทั้งส่งเสริมระบบคุณธรรม ในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินคดีทุจริต ที่มีผลกระทบในวงกว้าง

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า การปราบทุจริตจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจังของภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประขาชน และการสื่อสารอย่างจริงจัง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติ เกิดความเชื่อมั่นและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และจะส่งผลให้การจ้างงานเติบโตได้มากขึ้น

การวิเคราะห์การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นตามบริบทพุทธสันติวิธี

ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทยมีมานานและเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการพัฒนาในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แม้รัฐบาลจะมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แต่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย สำหรับการแก้ไขปัญหานี้ บทเรียนจากพุทธสันติวิธี ซึ่งเน้นหลักการความเป็นธรรม ความโปร่งใส และการสร้างสังคมที่ยั่งยืน อาจเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเสริมสร้างมาตรการที่มีประสิทธิภาพ

หลักการและอุดมการณ์ของพุทธสันติวิธีในการแก้ไขการทุจริต

พุทธสันติวิธีเน้นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและสังคมผ่านการใช้หลักการสามัญธรรมและการส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยหลักการสำคัญของพุทธศาสนาที่สามารถนำมาใช้ในกระบวนการแก้ไขปัญหาการทุจริต ได้แก่:

อริยมรรค 8 (Eightfold Path) - การดำเนินชีวิตที่เป็นธรรม โดยการปฏิบัติตามหลักศีลธรรม เช่น การพูดความจริง และการหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดศีลธรรม ซึ่งช่วยเสริมสร้างความซื่อสัตย์ในการทำงานของบุคลากรภาครัฐและเอกชน

การพัฒนาสติปัญญา (Prajna) - การใช้การวิเคราะห์และการตัดสินใจที่มีพื้นฐานจากปัญญาเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของการดำเนินการในทุกขั้นตอน

การปฏิบัติด้วยเมตตาและกรุณา - การส่งเสริมให้ผู้มีส่วนร่วมในระบบการบริหารมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

วิธีการและวิสัยทัศน์ในการปราบปรามการทุจริต

การใช้พุทธสันติวิธีเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบที่โปร่งใส และมีการตรวจสอบได้ง่าย โดยวิธีการที่สามารถใช้ได้แก่:

การสร้างระบบตรวจสอบภายในที่เข้มแข็ง - โดยการตั้งคณะกรรมการที่มีอิสระในการตรวจสอบการใช้จ่ายและการดำเนินการต่างๆ

การอบรมและการสร้างจิตสำนึกที่ดี - การเสริมสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมแก่บุคลากรภาครัฐและประชาชน

การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน - การให้ประชาชนมีบทบาทในการตรวจสอบและเผยแพร่ข้อมูลในกรณีที่พบการทุจริต

แผนงานและโครงการที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหา

การใช้แนวทางพุทธสันติวิธีควรบูรณาการในแผนงานและโครงการต่างๆ ของรัฐ เช่น:

โครงการส่งเสริมการป้องกันการทุจริตในภาครัฐ: การพัฒนาหลักสูตรการอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐเพื่อสร้างจิตสำนึกในการทำงานอย่างโปร่งใส

โครงการประชาสัมพันธ์และการศึกษา: การใช้สื่อมวลชนเพื่อเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการทุจริตและผลกระทบต่อสังคม

โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีการตรวจสอบและติดตาม: การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อให้โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ง่าย

อิทธิพลต่อสังคมไทย

การนำพุทธสันติวิธีมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตสามารถเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบการบริหารของประเทศ และเป็นการฟื้นฟูศีลธรรมในสังคมอย่างยั่งยืน การดำเนินการตามหลักการนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

ส่งเสริมการศึกษาหลักการพุทธสันติวิธีในโรงเรียนและสถาบันการศึกษา เพื่อปลูกฝังคุณธรรมให้แก่คนรุ่นใหม่

จัดตั้งหน่วยงานอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต เพื่อให้การดำเนินการในทุกภาคส่วนมีความโปร่งใส

สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการทุจริต เช่น ระบบการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการติดตามข้อมูลการใช้จ่ายแบบเรียลไทม์

สรุป

การแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทยต้องการการบูรณาการที่ครอบคลุมทั้งในด้านการปฏิรูประบบการบริหาร การสร้างความโปร่งใส และการพัฒนาความตระหนักรู้ในเรื่องจริยธรรม โดยการใช้หลักการและอุดมการณ์จากพุทธสันติวิธีเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินการ นอกจากนี้ ควรเสริมสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างสังคมที่ปราศจากการทุจริตอย่างยั่งยืน.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ชูศักดิ์" จี้ "พศ." ออกมาตรการและกลไกป้องกันไม่ให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา

  เมื่อวันที่  11 ธันวาคม 2567  ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานก...