วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เรียนรู้โลกยุค AI ผ่าน 'ไมโครซอฟท์'ที่เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลสำเร็จแล้ว



          ไมโครซอฟท์ ถือว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบของ Digital Disruption ตั้งแต่ในยุคที่ธุรกิจหลักของไมโครซอฟท์คือการจำหน่ายไลเซนส์ของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ และชุดเครื่องมือในการทำงานอย่างไมโครซอฟท์ออฟฟิศ ที่เผชิญปัญหาตลาดพีซีทั่วโลกหดตัวลง
          ในช่วงเวลานั้น หลายๆ คนอาจมองว่าถึงคราวที่จะสิ้นสุดยุคของไมโครซอฟท์แล้ว ทั้งจากคู่แข่งอย่างแอปเปิล และกูเกิล ที่เริ่มนำเสนอเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้ใช้ และกินตลาดไอทีเข้ามาเรื่อยๆ ในสภาพของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก
          แต่ในที่สุด ไมโครซอฟท์ สามารถกลับมาเติบโตได้อย่างสวยงาม จากการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำธุรกิจมุ่งไปสู่การให้บริการคลาวด์ ด้วยการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนช่องทางการหารายได้ในธุรกิจที่ไม่เติบโตอย่างการจำหน่ายลิขสิทธิ์ระบบปฏิบัติการ และโปรแกรมต่างๆ สู่การให้บริการในรูปแบบของจ่ายตามจริง หรือการนำโมเดลแบบบอกรับสมาชิกมาใช้งาน
          จนทำให้เกิดการให้บริการคลาวด์ และการนำ AI มาใช้เพื่อให้บริการโซลูชันต่างๆ แก่ลูกค้า ทั้งในส่วนของการใช้งานทั่วไป และในภาคธุรกิจที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของไมโครซอฟท์ไปเรียบร้อยแล้ว
          หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของไมโครซอฟท์ ในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล คือบุคลากรที่กลายเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งแน่นอนว่าภายในไมโครซอฟท์ ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมในการทำงานให้เข้ากับยุคสมัยเช่นกัน รวมถึงการนำคอนเซ็ปต์ของสำนักงานยุคใหม่มาใช้งาน
          โดยล่าสุดได้ปรับเปลี่ยนสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในสิงคโปร์ ให้เป็นสำนักงานแบบเปิดมากขึ้นเพื่อให้พนักงานได้พูดคุย และทำงานร่วมกัน รวมถึงใช้เพื่อรับรองลูกค้าที่จะกลายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคตด้วย และยังเป็นสถานที่ที่นำเทคโนโลยีต่างๆ ของไมโครซอฟท์ มาใช้งานจริง
          AI เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ไมโครซอฟท์ กลับมาแข็งแกร่ง
          แอนเดรีย เดลลา แมทเทีย ประธานไมโครซอฟท์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า จุดเปลี่ยนสำคัญของไมโครซอฟท์ในช่วงที่ผ่านมาคือการนำ AI เข้ามาเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการพัฒนาไป พร้อมๆกับการเรียนรู้จากลูกค้า และองค์กรที่ใช้งานเพื่อให้เกิดการศึกษา และต่อยอดอย่างต่อเนื่อง
          สิ่งที่ไมโครซอฟท์ได้เรียนรู้จากการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน และทำการสรุปออกมาเป็น 5 ประโยชน์สำคัญคือ ช่วยสร้างรายได้ให้เติบโตขึ้น งานที่ทำมีโปรดักทิวิตี้มากขึ้น สามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ หรือบริการมาช่วยสร้างรายได้ ลดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญที่สุดคือช่วยทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น
          ไมโครซอฟท์ ได้เปรียบหลายๆ ธุรกิจคือมีฐานลูกค้าที่ใช้งานไมโครซอฟท์อยู่ทั่วโลก ทำให้สามารถนำดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อเรียนรู้ข้อมูลในเชิงลึกได้ทันที ซึ่งปัจจุบันกว่า 95% ของ
          บริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 มีการใช้งานคลาวด์ของ
          ไมโครซอฟท์อยู่ด้วย ข้อมูลจาก ไอดีซี ระบุว่า ธุรกิจ
          ในเอเชียแปซิฟิกกว่า 82% ระดับผู้นำมีแผนที่จะ
          ลงทุนพัฒนา AI มาใช้งานภายใน 3 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันจำนวนงานที่เกิดขึ้นจากการทำทรานส ฟอร์เมชันก็จะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว อย่างไรก็ตามกว่า 54% ขององค์กรธุรกิจในเอเชียยังไม่ได้เริ่มลงทุนนำ AI มาใช้งาน
          เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ ที่ต้องการเพิ่มศักยภาพของทั้งบุคคล และองค์กรทั่วโลกให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ จึงเริ่มทยอยนำเคสการประยุกต์ใช้คลาวด์ และ AI ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการทำธุรกิจ เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เพราะทุกคนสามารถเรียนรู้ และต่อยอดแนวทางการนำ AI ไปใช้ให้เหมาะกับธุรกิจได้
          คำถามที่ตามมาเมื่อมีการนำ AI มาใช้งาน คือคนส่วนใหญ่จะตกงาน หรือถูกหุ่นยนต์แย่งอาชีพไปหรือไม่ ทางไมโครซอฟท์กลับให้มุมมองที่น่าสนใจว่า จากการคาดการณ์ของเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัม ระบุว่า ภายในปี 2022 งานกว่า 75 ล้านตำแหน่งจะหายไปจากการแทนที่ของ AI แต่จริงๆแล้วมีตำแหน่งงานใหม่เกิดขึ้นถึง 133 ล้านตำแหน่ง
          แปลว่าจริงๆ แล้ว AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่ แต่ช่วยทำให้เกิดงานตำแหน่งใหม่ๆ ที่มนุษย์สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ถ้ามีการเรียนรู้ และที่สำคัญคือไม่ว่าใครก็สามารถเรียนรู้สกิลของ AI ในงานที่เกี่ยวเนื่องได้ ถือเป็นการอัปสกิลของบุคลากรที่ทำให้สร้างโอกาสทางธุรกิจต่อไปในอนาคต
          โชว์เคสเทคโนโลยี
          ด้วยการที่ไมโครซอฟท์ ใช้สำนักงานแห่งใหม่นี้เป็นทั้ง Experience Center Asia เพื่อให้พันธมิตรทางธุรกิจในเอเชียสามารถเข้ามาเรียนรู้ และศึกษาการนำโซลูชันของ
          ไมโครซอฟท์ไปใช้งาน ทำให้
          มีการแบ่งพื้นที่บางส่วนมา
          จัดแสดงเทคโนโลยีให้แก่
          คู่ค้า โดย Experience
          Center ที่สิงคโปร์
          ถือเป็นแห่งที่ 3 ถัดจากที่สำนักงานใหญ่ในเรดมอนด์ และซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ และถือเป็นแห่งแรกในภูมิภาคนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ของ Microsoft Cybercrime Center ในภูมิภาค
          เอเชียที่ไว้คอยสอดส่องภัยคุกคามทางไซเบอร์
          ภายในภูมิภาคนี้
          สำหรับโชว์เคสที่ไมโครซอฟท์ นำมาจัดแสดงให้ดูจะมีทั้งการนำชุดโปรแกรมไปใช้ในอุตสาหกรรมการเงิน และธนาคาร จากจุดเด่นในเรื่องของความปลอดภัย นำเทคโนโลยี AI ไปช่วยประมวลผลทางการแพทย์ เพื่อจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ของคนไข้ ระบบการควบคุมอากาศยานไร้คนขับเพื่อใช้ในการสำรวจ
          พื้นที่ การนำโซลูชัน AI ไปใช้
          เพื่อควบคุมอาคาร สำนักงาน
          จนถึงโรงงานอุตสาหกรรม
          เพื่อช่วยประหยัดการใช้
          พลังงาน จนถึงเพื่อ
          ความปลอดภัยสาธารณะ
          ในส่วนของค้าปลีกไมโครซอฟท์ ได้มีการพัฒนาโซลูชันสำหรับร้านค้าในอนาคต อย่างป้ายบอกราคาดิจิทัลที่สามารถปรับเปลี่ยนได้จากส่วนกลาง การนำระบบมาช่วยบริหารจัดการคลังสินค้า ร่วมกับกระจกอัจฉริยะในการแสดงข้อมูลสินค้าให้ลูกค้าเลือกซื้อได้ทันที หรือแม้แต่ในโรงงานอุตสาหกรรมที่นำเครื่องจักรมาช่วยในการขนถ่ายสินค้า ซึ่งสามารถนำ AI มาใช้ในการโปรแกรมเส้นทางขนส่ง รวมถึงการป้องกันอันตรายในกรณีที่พบเจอคนเดินผ่านเครื่องจะหยุดทำงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทันที หรือการนำไปใช้ในการเก็บข้อมูลทางเกษตรกรรมต่างๆ ก็สามารถทำได้
          เรียกได้ว่า ถ้าธุรกิจใดที่สนใจนำ AI มาใช้งานแล้วยังไม่เห็นภาพว่าสามารถนำมาใช้อะไรกับธุรกิจได้บ้าง ก็จะช่วยให้ได้เห็นการนำไปใช้งานจริง เพื่อต่อยอดให้เกิดการนำ AI ไปใช้งานในอนาคตได้ทันที

          ที่มา: นสพ.ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 องศา ฉบับวันที่ 21 - 27 ธ.ค. 2562

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รัฐบาลขับเคลื่อนการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเวลเนส ดัน "นวดไทย-อาหารไทย-สมุนไพรไทย" เป็น Soft Power

วันที่ 20 เมษายน 2567 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐม...