วันพูธที่ 13 ตุลาคม 2564 ดร. นิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีระบุมหาเถรสมาคม(มส.) เป็นผู้ออกมติปลดเจ้าคณะจังหวัดทั้ง 3 รูปนั้น ไม่จริง เพราะ มส. บอกว่า ไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) พิมพ์ไปให้สมเด็จพระพุทธชินวงศ์พระเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชอ่าน สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ก็ยืนยันเอง แม้สมเด็จพระพุฒาจารย์ก็พูดตรงกัน นายกฯไม่ได้สนใจปัญหาพระศาสนามัวแต่ไปเดินสายหาเสียงเตรียมเลือกตั้ง จึงไม่รู้เรื่อง ทั้งที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนโยนปัญหาไปให้ มส.
"ในฐานะที่ตนเคยผ่านการบวชเรียนมา เห็นนายกฯของประเทศไทยพูดเช่นนี้ ยิ่งเศร้าใจ ห่วงใยพระเณรรุ่นหลังจะอยู่กันอย่างไร ขนาดคนเป็นนายกฯยังไม่เข้าใจกฎหมายพระสงฆ์ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2563) ข้อ 5/1 (2) ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างบรรทัดฐานขึ้นมาใหม่ให้ข้าราชการยืมมือ มส. ปลดพระสังฆาธิการได้ โดยไม่ต้องมีการสอบสวน หากเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นการตีความกฎหมายให้พระเณรอยู่ลำบาก จนถึงพระเณรร้างไปจากประเทศไทย" ดร.นิยม กล่าวและว่า
ตนยืนยันว่า การจะปลดพระจากตำแหน่งหน้าที่นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นเรื่องไปทำให้พระผู้ใหญ่ที่บวชมานานจนแก่เฒ่า มีมลทิน ต้องสอบสวนให้ได้ความจริงชัดเสียก่อนนายกต้องรู้ว่า การปลดพระสังฆาธิการออกจากตำแหน่งจะต้องมีการร้องเรียนความผิด ซึ่งระบุไว้เป็นข้อๆ อยู่แล้วในกฎมหาเถรสมาคม ถ้ามีการร้องเรียนว่า เจ้าคณะจังหวัดทั้ง 3 รูป ท่านหย่อนยานเรื่องใด หรือมีพฤติการณ์ช่วยเหลือพระในปกครองให้พ้นผิดอย่างไร จะปลดเอาเฉยๆ โดยไม่สอบสวน ไม่ได้ มันมีขั้นมีตอนตามกฎหมายระบุเอาไว้
"นายกฯคงไปฟังข้อมูลผิดๆ จากการรายงานของสำนักพุทธว่า "กฎมหาเถรสมาคมที่แก้ไขใหม่ สามารถปลดพระได้โดยไม่ต้องสอบสวน" ตนขออธิบายข้อมูลที่ถูกต้องให้นายกได้เข้าใจว่า "เป็นเพียงการเพิ่มขั้นตอนสุดท้ายเข้ามาเท่านั้น แต่ไม่ได้ยกเลิกขั้นตอนการสอบสวน" ถ้าจะไม่ให้มีการสอบสวนก่อน นายกฯก็ต้องสั่งให้เลิกกฎมหาเถรสมาคมฉบับ 24 เสีย เมื่อกฎหมายยังไม่ยกเลิก ก็ยังต้องมีการสอบสวนตามขั้นตอน แต่เมื่อผู้ปกครองสงฆ์ไม่สอบสวน ถือเอาตามอำนาจที่ไม่ชอบที่ข้าราชการเขียนมาให้ และมีมติสั่งปลดเฉยๆ ผู้ปลดก็ถือว่าเป็นการละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรง เมื่อเจ้าคณะภาค เจ้าคณะหน และกรรมการมหาเถรสมาคมละเมิดจริยาพระสังฆาธิการอย่างร้ายแรงเสียเอง แล้วพระเณรจะไปพึ่งใคร จะไปขอความเป็นธรรมจากใคร แถมถือเป็นความผิดประมวลกฎหมายอาญา ม.157" ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย กล่าวและว่า
มีข่าวออกมาว่า ที่ชาวบ้านลูกศิษย์ลูกหาออกมาเคลื่อนไหวเพราะพระยึดติดตำแหน่ง ไม่ใช่การยึดติดตำแหน่ง แต่ ตำแหน่งทำให้พระท่านมีมลทิน เป็นเรื่องความไม่เป็นธรรมกับพระ เพราะมีกระบวนการนำมลทินไปแปดเปื้อนพระ ดังนั้น เราชาวพุทธต้องมาช่วยกันล้างให้สะอาด ตนมั่นใจว่า ในกรณีปลดโดยไม่มีการสอบนี้ หากลูกศิษย์ลูกหาของพระที่ถูกปลดลุกขึ้นสู้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ชนะ เพราะไม่ได้มีการสอบขึ้นมาก่อน ตนจึงถามย้ำแล้วย้ำอีกว่า เจ้าคณะภาค เจ้าคณะหน อย่าให้ข้าราชหลอกใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายพระกันเอง ท่านได้สอบมาตามขั้นตอนของกฎมหาเถรสมาคมหรือไม่ มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบไหม มีใครบ้างเป็นคณะกรรมการ ผลการสอบเป็นอย่างไร ถ้ามีการสอบมาก่อน ก็ตอบว่า "สอบสวน" ถ้าไม่สอบสวนก็ตอบว่า "ไม่สอบสวน" แต่ทุกฝ่ายก็อ้ำอึ้ง จนชาวบ้านเขาสงสัยในพฤติกรรมของมหาเถรสมาคมและสำนักพุทธ ตอนนี้ลามมาถึงนายกแล้ว เอาให้ชัด เมื่อไม่สอบสวน ก็ผิดขั้นตอนของกฎหมาย เรื่องนี้ตนได้ตั้งกระทู้ถามนายกฯไปแล้ว เปิดสภาเมื่อใดพบกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น