วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2564

บวชทิพย์! "เจ้าคุณว."มองร.ร.ไทยไม่ชอบเด็กถาม ส่งผลย้ายไปอยู่ประเทศที่มีที่ยืนในสังคม



มูลนิธิโพธิปัญญาร่วมกับมูลนิธิพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ มูลนิธิโพลวพลือ (ทางสว่าง) และหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมจัดโครงการบวชทิพย์เพื่อให้ยุวชนวิถีใหม่เรียนรู้ผ่านออนไลน์ "เจ้าคุณว."มองร.ร.ไทยไม่ชอบเด็กถาม เก่งถูกอิจฉาจึงย้ายประเทศที่สามารถพัฒนาตนเองมีที่ยืนในสังคม

วันที่ ๑๔  ตุลาคม ๒๕๖๔  มูลนิธิโพธิปัญญาร่วมกับมูลนิธิพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ มูลนิธิโพลวพลือ (ทางสว่าง) และหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมจัดโครงการบวชทิพย์เพื่อให้ยุวชนวิถีใหม่เรียนรู้ผ่านออนไลน์ ระยะเวลา ๓ วัน ระหว่าง ๑๔ - ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๔  ซึ่งมีวิทยากรทรงภูมิรู้และผู้ใหญ่ใจดีในการพัฒนายุวชนมายาวนาน โดยมีพลังศรัทธายิ่งจากคุณศรัณย์ วิรุตมวงศ์ ประธานมูลนิธิโพธิปัญญา ดร.ธีรศักดิ์ พันธุจริยา รองประธานกรรมการมูลนิธิโพธิปัญญา และคุณภัทราวดี วิรุตมวงศ์ กรรมการมูลนิธิโพธิปัญญา พร้อมคณะ  

ได้รับความเมตตาจากพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ศาสตราจารย์ ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา และ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะประธานเปิดโครงการบวชทิพย์ กล่าวประเด็นสำคัญว่า เป็นความพิเศษเพราะวันนี้เป็นวันพระ จึงมาเรียนรู้ผ่านการบวชทิพย์ บวชแปลว่าเว้นสิ่งที่ไม่ดีไม่งามทั้งปวง ขี้เกียจขี้โมโห ซึ่งมาทางตา หู จมูก ยุวชนแปลว่าผู้มีความอ่อน อ่อนทางวุฒิอารมณ์ อ่อนทางด้านจิตใจ เพราะคุณงามความดีต้องทนกระแส อย่าตามกระแส ผู้อยู่รอดคือผู้ปรับเก่งที่สุด ผู้ที่อ่อนแอเวลาเจอสถานการณ์จึงต้องมีสติดิจิทัลด้วยการรู้เท่าทันต่อโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง เราจึงมีสร้างภูมิคุ้มกันภายในคือ สติออนไลน์ ให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งอนาคตเป็นของยุวชนจะต้องดูแลบ้านเมืองต่อไป จะต้องสมควรรับมรดกจะต้องมั่นในคุณงามความดี ยุวชนคือผู้รับมรดกพัฒนาชุมชน สังคมบ้านเมืองต่อไป 

วัยผู้ใหญ่สร้างบ้านเมืองมาจึงมีการส่งมอบให้คนรุ่นใหม่ ถามว่าคนรุ่นพร้อมหรือยังเพราะโลกปัจจุบันมีความไว เร็ว แรง มีการใช้ความรุนแรง หลวงพ่อพุทธทาสจึงกล่าวว่า “ศีลธรรมของยุวชนคือสันติภาพของโลก” ศีลธรรมดูที่จิตใจตนเอง ด้วยการใส่ไส้กรองคือศีลธรรมของยุวชนวิถีใหม่ ปัจจุบันจึงมีการตรวจสอบเส้นทางชีวิตของแต่ละคนที่จะเข้ามาสมัครงานว่ามีพฤติกรรมอย่างไร สมัยนี้ไม่ต้องการเด็กเก่งแต่ต้องการเด็กที่สามารถพัฒนาได้ หรือเป็นคนดีแต่ดีคนเดียวไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ เราต้องการเด็กกล้าที่เปลี่ยนแปลง “ดีอย่างเดียวสังคมไม่เอา” แต่ต้องการเด็กที่มีจิตอาสาเอาธรรมไปทำ ศีลธรรมไม่ได้อยู่ในห้องแต่ศีลธรรมคือเอาธรรมไปทำผ่านการช่วยเหลือชุมชน สังคม ประเทศชาติ ยุวชนคือผู้ยังอ่อนในมิติต่างๆ แต่อนาคตเราต้องลุกขึ้นมาพัฒนาบ้านเมืองรุ่นต่อไป เราจะต้องสร้างความไว้วางใจ “จงอย่าสงสัยในศักยภาพของตนเอง” ด้วยการตั้งใจเรียนรู้พัฒนาตนเอง ผู้ใหญ่กว่าจะพัฒนามาได้ต้องเรียนรู้ ถึงแม้ปัจจุบันยุวชนต้องอยู่กับความเร็ว ไว แรงในโลกดิจิทัล จึงต้องลึกในสิ่งที่เราทำจะต้อง “ทำในสิ่งที่ใช่” ขอให้ลงลึกการทำเสียงดังกว่าการพูด จงทำสิ่งที่ใช่สิ่งที่ชอบผ่านการลงมือทำ เด็กหลายคนลาออกจากโรงเรียนเด็กบอกว่าสิ่งที่เรียนมันไม่ใช่  เราจะต้องทำในสิ่งที่ตอบโจทย์ตนเองโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาให้ตนเองและชุมชนสังคม แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่เป้าหมายแต่อยู่ที่วิธีการ จงหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุด อย่าหาแต่เป้าหมายแต่จงหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุด ของขวัญของพ่อแม่ที่อยากได้จากเราทุกคนคือเป็นคนดี      

พระเมธีวชิโรดม (พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี) ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ“ธรรมะติดปีกสำหรับยุวชนวิถีใหม่” กล่าวประเด็นสำคัญว่า ด้วยการเล่าเรื่องราวเด็กคนหนึ่งที่มีความเก่งแต่เพื่อนอิจฉาเพราะถามเยอะในชั้นเรียน ซึ่งโรงเรียนไทยอาจจะไม่ชอบให้เด็กถาม เป็นคนเก่งมีคนอิจฉาเป็นคนไม่เก่งก็มีคนดูถูก จงไปอยู่ในที่เหมาะสมกับเรา เด็กคนนั้นจึงย้ายประเทศพัฒนาตนเองมีที่ยืนในสังคมอย่างสง่างามอยู่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลก 

คนที่ประสบความสำเร็จในอนาคตจะต้องมีคุณสมบัติ ประกอบด้วย “กัลยามิตรคือมีเพื่อนดี  มีโยนิมนสิการคือวิธีคิดที่ถูกต้อง กล้าคิดนอกกรอบกล้าคิดต่างสร้างสรรค์มีความพยายามสูงอย่ายอมแพ้” สิ่งสำคัญคือ “จงอยู่ในที่แดดส่องถึง” หมายถึงจงอยู่ในคนเห็นคุณค่าของเรา คนเก่งต้องอยู่ในที่คนเห็นคุณค่าจะมีความสง่างาม ต้องมีใครสักคนที่เห็นคุณค่าเห็นความฝันความสามารถมีความเชื่อมั่นในตัวเรา จะต้องมีวิธีคิดที่ออกจากปัญหาเปลี่ยนวิธีคิดชีวิตเปลี่ยน ตราบใดที่ยังไม่ถูกเป้าหมายอย่าล้มเลิกในความฝันของเรา 

และพระปลัดธีรดนย์ ชยาสุโภ จากไร่เชิญตะวันได้แลกเปลี่ยนสร้างแรงบันดาลใจให้กับยุววิถีใหม่ โดยยกตัวอย่างเด็กเยาวชนที่ประสบการณ์ความสำเร็จพร้อมยกตัวอย่างเด็กมองต่างกัน “น้ำมันพืชเหลือตั้งครึ่งขวด” เด็กมองต่างกันความสุขจึงต่างกัน เด็กจึงต้องฝึกสติปัญญา ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จจะต้องมีฉันทะเป็นฐาน ทำในสิ่งที่เรารักเราชอบ โดยยกนักร้องดัง ลิซ่า ผู้มีอิทธิบาทเป็นฐานจึงมีความประสบสำเร็จ   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ธรรมะกับประชาธิปไตยไยห่วงใยสถาบันศาสนา

การวิเคราะห์ประชาธิปไตยในปริบทพุทธสันติวิธีชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในระบอบประชาธิปไตย เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างควา...