วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2567

มนต์เพลงพุทโธจีพีที - อัจจยสูตร : อ้อมกอดของอภัย

  ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌

ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno  

 คลิกฟังเพลงที่นี่

 ท่อนที่ 1

เธอคือเพื่อนที่เคยผ่านพบ

ลืมเลือนอดีตนั้นยังจำ

หากวันนั้นฉันทำเธอเศร้า

แต่ใจเราก็ยังรักแท้เสมอ

ท่อนที่ 2

หากล้มลง รู้ใจยอมรับ

ฝ่าผ่านไปเพื่อให้เธอเห็น

คำว่าผิดของฉันเมื่อวันวาน

ขอเธอยอมรับบ้างในวันนี้

คอรัส

เพราะอภัย คือภูเขาสูงที่เราข้ามได้

ทลายความโกรธที่เผาใจด้วยรัก

ให้กอดเก็บไว้ในวันที่รักพาไป

อ้อมกอดอภัยจะพาเราไกลกว่าเดิม

 บทความทางวิชาการ: การจัดการความโกรธและความรับผิดชอบในอัจจยสูตร

ชื่อบทความ: “การยอมรับและให้อภัย: แนวทางจัดการความโกรธและความรับผิดชอบจากอัจจยสูตร”

บทนำ

อัจจยสูตรเป็นพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก เล่มที่ 15 พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ที่พระพุทธเจ้าแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรู้จักยอมรับความผิดและการให้อภัย ซึ่งถือเป็นคุณธรรมสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างสันติสุขในสังคม โดยเรื่องราวในพระสูตรนี้มีความเกี่ยวข้องกับการโต้เถียงกันของภิกษุสองรูป ซึ่งทำให้เกิดข้อคิดที่สำคัญเกี่ยวกับการควบคุมความโกรธและการปฏิบัติตนอย่างมีสติ

สาระสำคัญของอัจจยสูตร

เนื้อหาในอัจจยสูตรกล่าวถึงภิกษุสองรูปที่โต้เถียงกันจนมีผู้หนึ่งกล่าววาจาล่วงเกิน ซึ่งเมื่อเขาเห็นความผิดพลาดแล้วก็ได้แสดงความขอโทษ แต่ภิกษุอีกรูปหนึ่งไม่ยอมรับคำขอโทษนั้น พระพุทธเจ้าทรงอธิบายถึงการกระทำเช่นนี้ว่าเป็นการกระทำของ "คนพาล" โดยแบ่งคนพาลเป็นสองประเภท ได้แก่

ผู้ที่ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ: คือผู้ที่ไม่เห็นความผิดของตนเองและไม่ยอมรับว่าตนเองผิด

ผู้ที่ไม่ยอมรับความผิดตามสมควรแก่ธรรม: คือผู้ที่ไม่ยอมรับคำขอโทษหรือการแก้ไขของผู้อื่น

ในทางตรงข้าม “บัณฑิต” หมายถึงผู้ที่มีปัญญาและมีความรับผิดชอบ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทเช่นกัน คือ

ผู้ที่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ: ยอมรับความผิดพลาดของตนเองอย่างตรงไปตรงมา

ผู้ที่ยอมรับคำขอโทษตามสมควรแก่ธรรม: พร้อมยอมรับและให้อภัยเมื่อผู้อื่นขอโทษ

หลักธรรมและแนวคิดเชิงปรัชญาในอัจจยสูตร

อัจจยสูตรสะท้อนให้เห็นถึงการจัดการกับความโกรธและความรับผิดชอบ โดยพระพุทธองค์ทรงสอนให้มนุษย์รู้จักควบคุมความโกรธและให้อภัยแก่ผู้อื่น หลักธรรมในพระสูตรนี้สามารถประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความสัมพันธ์ในสังคมได้ดังนี้:

การจัดการความโกรธ: ในพระสูตรกล่าวถึงคำสอนของท้าวสักกะที่ตรัสว่า "ขอความโกรธจงตกอยู่ในอำนาจของท่านทั้งหลาย" ซึ่งหมายความว่าเราควรใช้ปัญญาควบคุมความโกรธ เพราะความโกรธเปรียบเสมือนภูเขาที่สามารถทลายผู้ที่ไม่สามารถควบคุมมันได้

การให้อภัยและรับผิดชอบ: การขอโทษและให้อภัยเป็นการสร้างความสงบสุขในสังคม ซึ่งช่วยลดความขัดแย้งและเสริมสร้างมิตรภาพให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การปฏิบัติตามหลักนี้จะช่วยให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและสังคม

การฝึกตนให้เป็นบัณฑิต: การเป็นบัณฑิตหมายถึงการรู้จักยอมรับความผิดและความผิดพลาดของตนเอง ตลอดจนการยอมรับคำขอโทษของผู้อื่น โดยมุ่งเน้นการมีปัญญาและใจที่เปิดกว้าง

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

เพื่อนำหลักธรรมและแนวคิดจากอัจจยสูตรมาใช้ในการเสริมสร้างสังคมที่สงบสุขและสันติสุข ควรมีนโยบายที่ส่งเสริมการจัดการความขัดแย้ง การให้อภัย และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการยอมรับความผิด ดังนี้:

ส่งเสริมการฝึกอบรมด้านการจัดการความโกรธ: จัดการอบรมเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ การรู้จักให้อภัย และการจัดการความขัดแย้งในที่ทำงาน โรงเรียน และชุมชน

การส่งเสริมวัฒนธรรมการขอโทษและการให้อภัย: รณรงค์ให้บุคคลในสังคมเห็นคุณค่าของการขอโทษเมื่อทำผิดและการให้อภัยเมื่อผู้อื่นสำนึกผิด ซึ่งจะช่วยลดการเกิดความขัดแย้งในสังคม

สนับสนุนการพัฒนาทักษะการสื่อสารเชิงบวก: ส่งเสริมการใช้ภาษาที่สร้างสรรค์ในการสื่อสารเพื่อลดความเข้าใจผิดและขัดแย้ง ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายเข้าใจกันมากขึ้น

การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

อัจจยสูตรสามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้หลายวิธี เช่น

ฝึกความอดทนและความสงบเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้โกรธ

ใช้ปัญญาพิจารณาโทษของการไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองหรือไม่ให้อภัยผู้อื่น

ส่งเสริมการสื่อสารที่สร้างสรรค์และไม่วิพากษ์วิจารณ์โดยไม่จำเป็น

เอกสารอ้างอิง

พระไตรปิฎกเล่มที่ 15 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 7 สังยุตตนิกาย สคาถวรรค     https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=15&A=7732

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ครูติ๋วชูสกลนครเมืองพุทธธรรม เพื่อไทยเปิดตัวส่งชิงนายก อบจ.

บทบาทของครูติ๋วในการสมัครนายก อบจ.สกลนครเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการพัฒนาการเมืองท้องถิ่นที่ยึดหลักการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน การชูเอกลักษณ์ขอ...