เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 การบูรณะฐานองค์พระประธานพุทธมณฑลถือเป็นภารกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และรักษาศาสนวัตถุที่มีคุณค่าและความหมายเชิงศาสนาในประเทศไทย การดำเนินการบูรณะวัตถุศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการดูแลสถานที่ทางศาสนา แต่ยังเป็นการสืบทอดความศรัทธาของประชาชนและความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างพุทธศาสนาและสังคมไทย การดำเนินงานบูรณะให้มีประสิทธิภาพนั้นมีบทบาทสำคัญในการจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และตอบสนองต่อนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ในการประชุมที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นไปที่การบูรณะฐานองค์พระประธานพุทธมณฑล พร้อมแนะนำว่าควรมีงบประมาณที่เพียงพอและการจัดทำแผนการบูรณะที่มีความชัดเจน บทความนี้จะวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี วิสัยทัศน์ แผนงาน และโครงการในการบูรณะฐานองค์พระประธานพุทธมณฑลเพื่อส่งเสริมความศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน
วันนี้(13 พฤศจิกายน) เวลา 15.30 น. ณ พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจสอบ “พระศรีศากยะทศพลญาณประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์” เพื่อเตรียมความพร้อมในการที่จะซ่อมแซมฐานองค์พระและปรับปรุงรอบบริเวณองค์พระประธานประจำพุทธมณฑล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ตามนโยบายของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมี นางสาวชุติญา แก้วมณี รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายเสน่ห์ สิงห์นุ้ย ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธมณฑล และคณะ ร่วมต้อนรับ
ดร.นิยม เปิดเผยว่า วันนี้มาสำรวจองค์พระประธานประจำพุทธมณฑลและรอบ ๆ บริเวณองค์พระ ซึ่งก็ดีใจเห็นประชาชนเข้ามาพักผ่อนและออกกำลังใจกันเป็นจำนวนมาก เห็นเจ้าหน้าที่เล่าว่าหากเป็นวันเสาร์ อาทิตย์จำนวนมากกว่านี้ ซึ่งเรื่องนี้ขอฝากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย สถานที่จอดรถ ห้องสุขาให้ดี ส่วนการบูรณะองค์พระประธานและปรับปรุงรอบภูมิทัศน์องค์ประธานพระศรีศากยะทศพลญาณ ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรี เท่าที่ฟังการรายงานจากรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธมณฑลแห่งชาติ แจ้งว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เคยให้กรมศิลป์มาสำรวจองค์พระรอบหนึ่งแล้วเมื่อปี2563 เรื่องรอยร้าวรอยแตกไม่มี จะมีรอยแตกหรือร้าว เฉพาะอาสนะหรือฐานพระ พื้นรอบ ๆ บริเวณ แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ได้แจ้งให้รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เชิญกรมศิลปากร และกรมโยธาธิการ ให้มาสำรวจอีกรอบ พร้อมให้คำนวณราคาการซ่อมแซมและปรับปรุงภูมิทัศน์อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าภายในเดือนนี้จะเรียบร้อย
“รัฐบาลภายใต้การนำของคุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูเรื่องพระพุทธศาสนา มีความตั้งใจมากที่จะบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์พระประธานประจำพุทธมณฑล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งวันนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธแห่งชาติ ไปดูว่าต้องทำอะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายเท่าไร จะได้รายการให้กับอาจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล ทราบต่อไป ส่วนมหาเถรสมาคมหลังจากมีเอกสารเรียบร้อยแล้วก็จะเข้าไปชี้แจงและรายการกับท่านว่า รัฐบาลจะทำอะไร คณะสงฆ์และประชาชนทั่วไปจะมีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้าง..ซึ่งเรื่องพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่ประชาชนคนไทยนับถือมากที่สุด เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลชุดนี้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก..”
วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ในการบูรณะฐานองค์พระประธานพุทธมณฑล
วิสัยทัศน์: การบูรณะฐานองค์พระประธานพุทธมณฑลจะต้องสะท้อนถึงการอนุรักษ์ศาสนสถานที่มีคุณค่าทางจิตใจและวัฒนธรรมของคนไทย และการผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เช่น AI จะช่วยให้การบูรณะสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา และโปร่งใส การบูรณะจะช่วยส่งเสริมความศรัทธาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังในการรักษามรดกทางพุทธศาสนา
ยุทธศาสตร์: การบูรณะฐานองค์พระประธานพุทธมณฑลควรใช้เทคโนโลยี AI ในการจัดการและวางแผนการบูรณะ ตั้งแต่การตรวจสอบสภาพโครงสร้าง ไปจนถึงการออกแบบและจัดหาวัสดุที่เหมาะสม รวมถึงการวางแผนจัดการงบประมาณให้ครอบคลุมและโปร่งใสเพื่อการบูรณะที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ยุทธวิธีในการบูรณะฐานองค์พระประธานพุทธมณฑล
เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว จำเป็นต้องมียุทธวิธีที่ครอบคลุมและละเอียดถี่ถ้วนในการบูรณะ ดังนี้:
การใช้ AI ในการตรวจสอบสภาพโครงสร้าง: ใช้เทคโนโลยี AI และเครื่องมือสแกนที่สามารถวิเคราะห์สภาพพื้นฐานของฐานองค์พระ เพื่อประเมินความเสี่ยงและทราบถึงความจำเป็นในการซ่อมแซมในจุดที่มีปัญหาหรือเสี่ยงต่อความเสียหาย เพื่อให้การบูรณะดำเนินไปอย่างราบรื่น
การจัดการงบประมาณที่โปร่งใสและเพียงพอ: วางแผนการจัดการงบประมาณอย่างเป็นระบบ โดยระบุรายการวัสดุ ค่าใช้จ่ายในการบูรณะ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ควรใช้งบประมาณในแบบที่สามารถตรวจสอบได้เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชน
การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพและเหมาะสม: คัดเลือกวัสดุที่มีความคงทนและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและโครงสร้างเดิมขององค์พระประธาน เพื่อให้การบูรณะมีคุณภาพและยืนยาว นอกจากนี้ยังควรมีการพิจารณาถึงความเข้ากันได้ของวัสดุใหม่กับโครงสร้างเก่า
แผนงานและโครงการเพื่อการบูรณะ
แผนงาน 1: โครงการตรวจสอบและประเมินสภาพฐานองค์พระประธานด้วยเทคโนโลยี AI
วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินสภาพของฐานองค์พระประธาน และระบุจุดที่ต้องการการบูรณะอย่างแม่นยำ
กิจกรรม: ใช้เครื่องสแกน AI และระบบวิเคราะห์ภาพในการตรวจสอบสภาพพื้นฐานองค์พระ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนในการวางแผนการบูรณะและซ่อมแซม
แผนงาน 2: โครงการจัดการงบประมาณและการควบคุมการใช้งบอย่างโปร่งใส
วัตถุประสงค์: จัดสรรงบประมาณในการบูรณะฐานองค์พระให้เพียงพอและโปร่งใส
กิจกรรม: วางแผนและเผยแพร่การใช้งบประมาณที่โปร่งใส พร้อมกับมีการตรวจสอบจากหน่วยงานภายในและภายนอกเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้งบประมาณ
แผนงาน 3: โครงการบูรณะฐานองค์พระด้วยวัสดุคุณภาพสูงและเหมาะสมกับโครงสร้าง
วัตถุประสงค์: เพื่อให้การบูรณะฐานองค์พระประธานมีคุณภาพและคงทน
กิจกรรม: คัดเลือกและจัดหาวัสดุที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับโครงสร้าง โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการคำนวณความเข้ากันได้ระหว่างวัสดุใหม่และวัสดุเดิมของฐานองค์พระ
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
จากการวิเคราะห์นี้ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสมมีดังนี้:
สนับสนุนงบประมาณและการมีส่วนร่วมของประชาชน: ควรจัดสรรงบประมาณเพียงพอในการบูรณะ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการเพื่อลดปัญหาการจัดการงบประมาณที่ไม่โปร่งใส
จัดตั้งระบบการตรวจสอบด้วย AI และเปิดเผยข้อมูลการบูรณะ: ควรมีการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อตรวจสอบและจัดเก็บข้อมูลของสภาพฐานองค์พระประธานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การบูรณะเป็นไปตามมาตรฐาน และเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้
วางแผนการบูรณะอย่างยั่งยืน: การบูรณะควรมีแผนการที่ชัดเจนและปฏิบัติได้จริง รวมถึงการใช้วัสดุที่มีความคงทนและสอดคล้องกับโครงสร้างดั้งเดิมของฐานองค์พระ
ดังนั้น การบูรณะฐานองค์พระประธานพุทธมณฑลเป็นการอนุรักษ์ศาสนวัตถุที่มีความหมายต่อคนไทย และส่งเสริมความศรัทธาของประชาชนในพุทธศาสนา การใช้เทคโนโลยี AI ในการตรวจสอบและวางแผนบูรณะสามารถเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพของการดำเนินงานได้ นอกจากนี้ การจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอและโปร่งใสจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะทำให้การบูรณะเป็นไปอย่างยั่งยืนและเป็นแบบอย่างที่ดีในการดูแลศาสนสถาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น