การยกระดับการศึกษาคณะสงฆ์ไทยในยุค AI จำเป็นต้องใช้เครือข่าย ไอที และการวิจัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา แม้ว่าจะมีความท้าทาย แต่การวางแผนและดำเนินการอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การศึกษาพระพุทธศาสนายังคงมีคุณภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของสังคม และสืบทอดคุณค่าของพระพุทธศาสนาในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตามที่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 เวลา 15.00 ที่ ห้องประชุมสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม แม่กองธรรมสนามหลวง เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยมีดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
ดร.นิยม เวชกามา เปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า การประชุมในคราวนี้ได้รับมอบหมายจากรองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้มาร่วมประชุม ซึ่งการประชุมในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 สาระกันประชุมในวันนี้มีหลายประเด็นด้วยกัน ทั้งเรื่องที่ดำเนินการมาแล้วแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ และนโยบายที่จะขับเคลื่อนต่อ เรื่องที่ดำเนินการแล้ว เช่น การประชุมสัมมนาเพื่อขับเคลื่อนระบบประกันคุณภาพการศึกษา จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 เป็นการยกระดับการศึกษาของคณะสงฆ์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น เพื่อให้การศึกษาพระปริยัติธรรมสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล การอบรมครูสอนพระปริยัติธรรม เพื่อให้ครูสามารถนำไปใช้ในการสอนจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประชุมร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
“ที่ประชุมได้มีการยกประเด็นการสร้างเครือข่ายการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยการเชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การใช้เทคโนโลยีในการศึกษา ซึ่งในยุคปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีในการศึกษาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และทำให้การศึกษาเข้าถึงได้ง่ายขึ้น การสร้างสื่อการสอนออนไลน์ การจัดการเรียนการสอนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา และรวมทั้งคณะสงฆ์ควรจะต้องส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา ในด้านการศึกษาพระปริยัติธรรมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษา การสนับสนุนให้มีการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอน การพัฒนาหลักสูตร และการประเมินผลการเรียนรู้ จะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่มีคุณภาพและตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนและสังคมต่อไปด้วย..”นั้น
จึงได้วิเคราะห์การยกระดับการศึกษาคณะสงฆ์ไทยยุคเอไอในกรณีการนำเครือข่าย ไอที การวิจัย มาเป็นตัวช่วยดังนี้
การศึกษาคณะสงฆ์ไทยเป็นระบบการศึกษาที่มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาโดยตรง มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความรู้และปัญญาในหมู่พระสงฆ์และฆราวาส โดยครอบคลุมการศึกษานักธรรม บาลี ปริยัติสามัญ และมหาวิทยาลัยสงฆ์ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงอุดมศึกษา มีเป้าหมายเพื่อธำรงรักษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมถึงการสร้างบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการทำหน้าที่เป็นผู้นำทางศาสนาและสังคม ในยุคปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีผลกระทบต่อการจัดการศึกษานี้อย่างมาก บทความนี้วิเคราะห์แนวทางการยกระดับการศึกษาคณะสงฆ์ไทยในยุค AI โดยเน้นการใช้เครือข่าย ไอที และการวิจัย
การศึกษาคณะสงฆ์ไทย: ความสำคัญและโครงสร้าง
การศึกษาคณะสงฆ์ไทยมีโครงสร้างที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ทั้งด้านปริยัติธรรม (การศึกษาเนื้อหาคำสอน) และปฏิบัติธรรม (การฝึกปฏิบัติ) โดยแบ่งออกเป็นระดับนักธรรมตรี โท เอก รวมถึงการศึกษาบาลี และปริยัติสามัญ การศึกษาเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในชีวิตประจำวัน และเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทของเทคโนโลยีในยุค AI
การสร้างเครือข่ายการศึกษา
การเชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรที่เกี่ยวข้องผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการพัฒนาหลักสูตรร่วมกัน ซึ่งช่วยให้เกิดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของสังคม
การใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน
การใช้ AI ในการพัฒนาเนื้อหาสื่อการสอน เช่น วิดีโอออนไลน์ แอปพลิเคชันการเรียนรู้ และระบบการสอบออนไลน์ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงการศึกษาได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีนี้ยังช่วยลดต้นทุนและเวลาในการจัดการศึกษา เช่น การเปลี่ยนไปใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์แทนการพิมพ์หนังสือ
การวิจัยเพื่อพัฒนา
การสนับสนุนให้มีการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอนและพัฒนาหลักสูตรช่วยเพิ่มคุณภาพการศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูลโดย AI ช่วยให้คณะสงฆ์สามารถปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนได้อย่างตรงจุดและตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนได้ดีขึ้น
ข้อดีของการใช้ AI
การเข้าถึงการศึกษาได้กว้างขวาง: การจัดการเรียนการสอนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา
การประเมินผลที่แม่นยำ: AI ช่วยวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และให้คำแนะนำในการปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้
การลดต้นทุน: การใช้ระบบดิจิทัลช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการพิมพ์เอกสาร
ความท้าทายในการนำ AI มาใช้
การขาดการปฏิบัติจริง: การเรียนผ่านระบบออนไลน์อาจลดโอกาสในการฝึกปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการศึกษาพระพุทธศาสนา
ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยี: ผู้เรียนในพื้นที่ชนบทอาจขาดโอกาสในการเข้าถึงอุปกรณ์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับหลักศาสนา: การใช้เทคโนโลยีต้องคำนึงถึงการรักษาคุณค่าและจิตวิญญาณของพระพุทธศาสนา
แนวทางการยกระดับการศึกษาในยุค AI
การพัฒนาครูผู้สอน: การอบรมครูสอนพระปริยัติธรรมให้สามารถใช้เทคโนโลยีในการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: การจัดหาอุปกรณ์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม
การสร้างสมดุลในการเรียนการสอน: การผสมผสานระหว่างการเรียนออนไลน์และการฝึกปฏิบัติจริงเพื่อรักษาคุณค่าของการศึกษาพระพุทธศาสนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น