วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562

นักวิจัยพุทธศาสตร์'มจร'และนักวิทยาศาสตร์ม.แม่ฟ้าหลวงจับมือประเมินคลื่นไฟฟ้าสมอง




วันที่ 31 สิงหาคม 2562  พระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ,ผศ.ดร. หัวหน้าภาควิชาจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว  ร่วมประชุมหารือการพัฒนาเครือข่ายวิจัยและความร่วมมือทางวิชาการและวิจัย ระหว่างภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) กับกลุ่มวิจัยนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมด้านสมอง สำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กรุงเทพมหานคร  โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภัครวรรธน์ สิทธิประภาพร และคณะ เป็นผู้แทน ผลจากการประชุมเบื้องต้นมีความเห็นร่วมกันว่าจะร่วมกันพัฒนาเครือข่ายวิจัยและความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยในระดับส่วนงานย่อย เพื่อสร้างองค์ความรู้และพัฒนานวัตกรรมการดูแลสุขภาวะแบบองค์รวมของคนไทย ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและแผนการศึกษาชาติ
 
พร้อมกันนี้พระปลัดสรวิชญ์ ได้เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาทางวิชาการและการสร้างเครือข่ายทางวิชาการและวิจัย ด้านการประเมินคลื่นไฟฟ้าสมอง สำหรับการปฏิบัติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนามีความรู้ความสามารถและทักษะในการตรวจวัดคลื่นสมองเพื่อปฏิบัติการวิจัยได้อย่างถูกต้อง เป็นการเผยแพร่ความรู้เทคโนโลยีการตรวจวัดคลื่นสมองเพื่อปฏิบัติการวิจัย เพื่อรองรับงานวิจัยในการตรวจวัดคลื่นสมองเพื่อปฏิบัติการวิจัยได้ตามมาตรฐานสร้างเจตคติที่ดีในการตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อปฏิบัติการวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและผู้เข้าร่วมสัมมนาสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และถ่ายทอดให้ผู้เกี่ยวข้องได้ 
"ขณะเดียวกัน การสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้นิสิตระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยได้รับความรู้ ทักษะ และเสริมสร้างประสบการณ์ ความเจริญก้าวหน้าทางด้านการตรวจประเมินคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อการปฏิบัติงานวิจัย ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติการ ขณะเดียวกันผู้เข้าร่วมอบรมยังได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการตรวจประเมินคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อการปฏิบัติงานวิจัย สามารถสร้างเครือข่ายระหว่างบุคคล และองค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาด้านการตรวจประเมินคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อการปฏิบัติงานวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป  พระปลัดสรวิชญ์ กล่าว

'พุทธิพงษ์หารือ CEO LINEตั้งศูนย์ต้าน fake news




วันที่ 31 สิงหาคม 2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้หารือกับ ดร.พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา  CEO Line Thailand เร่งดำเนินงานนโยบายปราบ fake news โดยจะใช้ Line OA ของกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นช่องทางหนึ่งในการรวบรวมและกระจายข่าวสาร เป็นกลยุทธ์เชิงรุก ส่วนเชิงรับก็ใช้ตรวจสอบ fake news ที่ประชาชนแจ้งเข้ามา

จะมีการใช้ chatbot สื่อสารกับประชาชนเบื้องต้น เพื่อความรวดเร็วทันใจ และมีทีม admin โดยใน platform นี้จะมีคลังข้อมูลข่าวสาร และ feature สำหรับตรวจสอบข่าวสารปลอมได้ด้วย ซึ่ง Line Official Account ของกระทรวงดิจิทัลฯ จะจัดทำแล้วเสร็จและพร้อมใช้งานเต็มรูปแบบภายใน 2 เดือน

มส.เร่งประสานพื้นที่เยียวยาวัดและประชาชนประสบภัยน้ำท่วม




วันที่ 31 ส.ค.2562 เพจฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม โดยสำนักงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม วัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร แจ้งว่า จากสถานการณ์พายุโซนร้อน "โพดุล" และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก พนังกั้นน้ำและดินสไลด์ในหลายพื้นที่ อาทิ ร้อยเอ็ด, ขอนแก่น, มหาสารคาม, อุบลราชธานี, ชัยภูมิ, ยโสธร, เพชรบูรณ์, ทำให้วัดและบ้านเรือนประชาชน โรงเรียน ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก 

ในการนี้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ ประสานงานเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด ประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ประจำจังหวัด ได้ร่วมประสานงานจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หน่วยงานทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือถวายเครื่องสมณบริโภคแก่พระภิกษุสามเณร และมอบเครื่องบริโภคแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย เพื่อเร่งเยียวยาช่วยเหลือวัดและประชาชน

'สมศักดิ์'แนะผู้ต้องขังเมืองกาญจน์เรียนรู้งานฝีมือ ยันเอาจริงดันบริษัทรับนักโทษลดภาษี



วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ , นายสมเกียรติ วอนเพียร , นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ , นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ตรวจราชการที่เรือนจำกลางจังหวัดกาญจนบุรี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมด้วย ส.ส.ในพื้นที่ได้มาเยี่ยมเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและรับทราบปัญหาที่เรือนจำแห่งนี้ เพื่อจะได้รับทราบถึงปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆเผื่อว่าวันหน้าจะได้นำไปเสนอญัตติต่างๆในสภาได้ โดยตนและคณะได้มาช่วงเกือบเที่ยงจึงได้เข้าชมการทำอาหารเพื่อเลี้ยงผู้ต้องขังในช่วงเที่ยง โดยเมนูอาหารถือว่าดี เพราะวันนี้เป็นมื้อพิเศษที่ทางเรือนจำจัดไว้ ห้องครัวและห้องอาหารถือว่าสะอาดเรียบร้อยดี ตนได้ลองชิมอาหารด้วยถือว่ารสชาติใช้ได้ นอกจากนี้ยังได้ชมการอบรมอาชีพสำหรับผู้ต้องขัง และได้พูดคุยให้กำลังใจ โดยตนได้บอกแนวทางของรัฐบาลในการสร้างโอกาสสำหรับผู้ต้องขังที่พ้นโทษไปแล้ว ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติ มีงานทำโดยได้หาวิธีการให้บริษัทต่างๆรับนักโทษเข้าทำงาน โดยเสนอการลดภาษีให้ซึ่งเรากำลังเร่งดำเนินการ และตนขอให้พวกเขาตั้งใจในการฝึกอาชีพ เมื่อพ้นโทษไปแล้วจะได้มีอาชีพสุจริต และไม่กลับมาทำความผิดกลับเข้าเรือนจำอีกครั้ง

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนยังได้ให้นโยบายและเสนอแนะแนวทางในบางเรื่อง เช่น การเยี่ยมญาติที่ห้องเยี่ยมเป็นกระจกกั้น และผู้ต้องขังและญาติจะอยู่ห่างกัน 1 เมตร ตนมองดูแล้วบรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จึงเสนอว่าให้ขยับเข้ามาใกล้สัก 1 ฟุตได้หรือไม่ จึงฝากทางกรมฯไปลองทดสอบดูหากได้ผลที่ดีก็น่าจะนำไปใช้ได้ นอกจากนี้เรื่องผู้ต้องขังที่ป่วย คงต้องให้ทางผบ.แดนต่างๆคอยสอดส่องดูแล หากให้ผู้ป่วยอย่างเช่นโรคระบาด หรือไข้หวัดที่ติดต่อกันได้ อยู่รวมกันกับผู้ต้องขังอื่นอาจจะมีการติดกันได้ เพราะเรือนนอนค่อนข้างแออัด นอนเบียดเสียดกัน อาจจะทำให้นักโทษติดโรคกันจำนวนมาก รวมถึงการตั้งข้อสังเกต ผู้ต้องขังที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล มีคำถามจากประชาชนว่า ต้องป่วยหนักมากๆ บางครั้งไปโรงพยาบาลเพียง 2-3 วันก็เสียชีวิต ทำให้สันนิฐานว่าขาดการดูแลหรือไม่ รวมทั้งผู้ต้องขังใหม่ที่อาจจะไม่ปกติเวลาอยู่รวมกับคนอื่นอาจจะมีปัญหา ดังนั้นควรมีการแยกขังหรือไม่ด้วย ทั้งนี้การเข้าเยี่ยมในครั้งนี้ถือเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกันในการทำงานแบบบูรณาการเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ออกมาดีที่สุด


'สนธิรัตน์'ล่องเรือคลองลัดมะยม ดันเป็นต้นแบบชุมชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง



"สนธิรัตน์"ควง "มาดามเดียร์-ทิพานัน" ลงพื้นที่คลองลัดมะยม ดันเป็นต้นแบบชุมชนผลิตไฟฟ้าใช้เอง ตั้งเป้า 500-1,000 ชุมชน เริ่มปี 63 เตรียมถกในพรรค ปมประชุมลับซักฟอกกรณีถวายสัตย์

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ  และ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ  ลงพื้นที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพื่อหารือและรับฟังชุมชนในแนวทางการส่งเสริม สนับสนุนต้นแบบพลังงานสะอาดเพื่อชุมชน ร่วมกับนายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตลาดน้ำคลองลัดมะยม และผู้นำชุมชนตลาดน้ำคลองลัดมะยม 

โดยทันที่ทีมาถึงนายสนธิรัตน์ พร้อมคณะได้เดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าอย่างเป็นกันเอง ทดลองนั่งมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า และนั่งเรือไฟฟ้าชมพื้นที่คลองลัดมะยม เพื่อสร้างโอกาสในการเป็นแบบอย่างด้านพลังงานสะอาดเพื่อชุมชนอย่างยั่งยืน ให้วิสาหกิจชุมชมได้มีส่วนร่วม เรียนรู้ และถ่ายทอดเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนในระยะยาว 

นายสนธิรัตน์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นสืบเนื่องมาจากกระทรวงพลังงาน กำลังดำเนินนโยบายให้ชุมชนเป็นเจ้าของพลังงาน ภายใต้ชื่อ หนึ่งชุมชน หนึ่งพลังงานทางเลือก เพราะปกติชุมชนจะเป็นผู้ใช้พลังงานเป็นหลัก แต่นโยบายนี้ นอกจากจะให้ชุมชนผลิตพลังงานใช้เองแล้ว หากเหลือก็สามารถนำไปจำหน่ายได้ ถือเป็นการกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากด้วยกลไกของพลังงาน และลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สร้างมูลค่าเพิ่มในการประกอบอาชีพของชุมชน ทั้งห้องเย็น เครื่องจักรแปรรูปการเกษตร

นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า  การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไร โดยจะบูรณาการทุกภาคส่วนให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง ประเด็นสำคัญในคลองลัดมะยม ก็จะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ลูฟท็อป  ส่วนในต่างจังหวัดจะมีรูปแบบการลงทุนร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ทั้งซังข้าวโพด เปลือกไม้  ให้เกิดเทคโนโลยีชีวภาพชีวมวล เอาจุดแข็งของประเทศไทยมาสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นประโยชน์รวมทั้งสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยเรื่องนี้เมื่อผ่านคณะคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ก็จะดำเนินการขับเคลื่อนทั้งที เบื้องต้นเริ่มที่ 500-1,000 ชุม ชุมชน เริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป

เตรียมถกในพรรคปมประชุมลับซักฟอกกรณีถวายสัตย์

นายสนธิรัตน์  ในฐานะ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวยอมรับถึงการนำประเด็นประชุมลับเพื่อพิจารณาญัตติขออภิปรายทั่วไปกรณีถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนเข้าสู่ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ เพราะตามข้อบังคับการประชุมสภาสามารถทำได้ หากเนื้อหาในการประชุมต้องระมัดระวัง  หรือไม่ควรจะเผยแพร่ แตยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเสนอประชุมลับทันทีหรือให้อภิปรายไปก่อน พร้อมยืนยันว่า ทางรัฐบาลพร้อมชี้แจง แต่การชี้แจงอยู่ภายใต้กรอบการพูดคุยกัน ก็อาจจะพิจารณาเรื่องการประชุมลับหากมีความจำเป็น ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดถึงขั้นตอนการประชุมว่าจะขอประชุมลับในห้องประชุมเลยหรือไม่ พร้อมย้ำว่า ไม่ใช้วิธีการปิดปากฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็ทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลคงไม่สามารถปิดปากฝ่ายค้านได้ และขณะนี้ก็ยังไม่ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะเสนอขอประชุมลับว่าจะเป็นรัฐบาลหรือพรรคพลังประชารัฐ 






'เฉลิมชัย'ชงตั้งบอร์ดกฟก.หวังแก้หนี้สินเกษตรกรคล่องตัว



วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และประธานคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เฉพาะกิจกล่าวว่า ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งผู้แทนเกษตรกรเป็นกรรมการในกฟก. แล้ว หลังจากที่มีการเลือกตั้งใน 4 ภูมิภาค ส่วนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้นำรายชื่อเสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอ ครม.ให้เห็นชอบและแต่งตั้งต่อไป ทั้งนี้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่จะต้องเสนอแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จในห้วงเวลาเดียวกับการแต่งตั้งกรรมการผู้แทนเกษตรกรเพื่อให้มีคณะกรรมการกฟก. ครบทั้ง 3 ส่วนคือ กรรมการโดยตำแหน่ง 10 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 11 คน และผู้แทนเกษตรกร 20 คน เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการบริหารงานกฟก. ให้เป็นไปตามพ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2552 

ทั้งนี้คณะกรรมการกฟก. ผู้ทรงคุณวุฒิประกอบด้วยผู้แทนจากภาคราชการ 5 คน และจากภาคเอกชน 6 คน ซึ่งหากครม. เห็นชอบแต่งตั้งแล้วจะทำให้คณะกรรมการกฟก. เฉพาะกิจจะยุติการปฏิบัติงานตามมติครม. เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561  จากนั้นคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องตามพ.ร.บ กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรชุดใหม่ได้แก่ คณะกรรมการกฟก.  คณะกรรมการบริหารกฟก. และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรดำเนินการตามภารกิจปกติต่อไปได้ 

นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนทันทีที่ดำรงตำแหน่งรมว. เกษตรฯ เนื่องจากเห็นว่า ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่ค้างคามาเนิ่นนานทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรแย่ลง ช่วงระหว่างที่เป็นสุญญากาศ ไม่มีคณะกรรมการกฟก. นั้นมีเกษตรกรสมาชิกกฟก. หลายรายที่ถูกสถาบันการเงินเจ้าหนี้ยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด เสียที่ดินทำกินไป ซึ่งตนได้มอบหมายนายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรมว. เกษตรฯ เจรจากับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ให้ยืดระยะเวลาบังคับคดีออกไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2562 ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี จากนั้นจึงดำเนินการให้มีคณะกรรมการกฟก. ชุดใหม่ขึ้นมาเร่งแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรโดยเร็วที่สุด

“ตามพ.ร.บ. กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรยังกำหนดว่า เมื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรแล้ว ไม่ว่า จะเป็นการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ การซื้อหนี้จากเจ้าหนี้เดิมมาบริหารจัดการ โดยให้สมาชิกกฟก. ผ่อนชำระกับกฟก. ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าแล้ว ยังจำเป็นต้องให้เกษตรกรเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูอาชีพ โดยกรรมการกฟก. ต้องเข้าไปส่งเสริมอาชีพแก่สมาชิกฟก. เพื่อให้มีรายได้ผ่อนชำระหนี้สิน เลี้ยงตัวและครอบครัวได้ ซึ่งจะทำให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายเฉลิมชัยกล่าว

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562

'จุรินทร์'ดึงมือ'บังฮาซัน'! ดันเด็กใต้เป็นนักขายออนไลน์ พร้อมผลักผลไม้ไทยสู่ผลไม้โลก



วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะเดินทางไปพบปะกับยุวชน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ในการจัดสัมมนาหลักสูตรการค้าออนไลน์รุ่นใหม่ ( Young Digital Warrior)   ที่โรงแรม ลี การ์เดน พลาซ่า จังหวัดสงขลา

นายจุรินทร์  ได้ปาฐกถา ตอนหนึ่งว่า เป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์อยากเห็นเยาวชนคนไทย คนรุ่นใหม่ก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจและการค้ามากขึ้น และต้องเป็นการค้าโลกปัจจุบัน คือทันสมัย เชื่อมปัจจุบันและอนาคต โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย นั่นคือ E-Commerce (การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์) โดยเป้าหมายในการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อในปัจจุบันและอนาคต 

รองนายกฯ กล่าวด้วยว่า ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีเพียงมิติด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่มีมิติด้านคาวมมั่นคงและความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเกิดขึ้นได้ ก็คือ วิธีการทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดี ซึ่งจะยังผลให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความมั่นคงในชีวิต ภายใต้การบริหารราชการของรัฐบาล ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เพราะฉะนั้น กระทรวงพาณิชย์ จึงมีเป้าหมายจะทำงานร่วมกับ ศอ.บต. ในการช่วยให้นักศึกษาเรียนจบมีงานทำมีอนาคตที่ดีทุกคน


โดยในช่วงหนึ่งของงานสัมนานั้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เชิญเน็ตไอดอลคนดังที่เป็นชายขายสินค้าอาหารทะเลอินไลน์ผ่าน live คือ นายอนุรักษ์ สรรฤทัย หรือ บังฮาซัน ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนให้ความรู้กับเยาวชนใต้ในการขายของออนไลน์และไฮไลท์คือภายในเวลา 20 นาทีสามารถนำเงินเข้าบัญชีได้ 200,000 บาทเป็นตัวอย่าง ขณะเดียวกันก็มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงแนวทางการขายสินค้าออนไลน์ผ่าน Facebook live อย่างมีสีสันและมีมูลค่าทางธุรกิจด้วย 


พร้อมผลักผลไม้ไทยสู่ผลไม้โลก  

ก่อนหน้านี้นายจุรินทร์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  นายถาวร เสนเนียมรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะติดตามผลการลงนามความร่วมมือกับ 4 สายการบิน และไปรษณีย์ไทย ในการเพิ่มช่องทางจำหน่าย และบริการขนส่งผลไม้จากชาวสวนสู่มือผู้บริโภคอย่างมีคุณภาพพร้อมเยี่ยมชมการให้บริการกล่องบรรจุผลไม้จากกรมการค้าภายในเพื่อนำขึ้นเครื่องฟรีตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ยังมีคณะ ส.ส.และอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ ให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย

ภายหลังการตรวจเยี่ยม นายจุรินทร์ กล่าวว่า สนามบินหาดใหญ่ก็เป็นหนึ่งในสนามบินที่ประชาชนสามารถนำผลไม้ขึ้นเครื่อง 20 กก. ฟรี ผ่าน 4 สายการบิน ได้แก่ ไทยสมายล์ แอร์เอเชีย นกแอร์ บางกอกแอร์เวย์ ซึ่งจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 300-3,600 บาท สำหรับประชาชนที่ซื้อผลไม้ในพื้นที่ ซึ่งในจังหวัดสงขลามีผลไม้ได้แก่ เงาะ มังคุด ลองกอง จากการตรวจสอบราคาผลไม้ท้องถิ่นทราบว่าราคาพอไปได้  นอกจากนี้ยังมีอีกช่องทางหนึ่งคือไปรษณีย์ไทย ที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายผลไม้ในราคาย่อมเยา อันจะเป็นช่องทางกระจายผลไม้ให้กับชาวสวน

รมต.พาณิชย์ กล่าวว่า ด้วยว่าการเดินทางมาวันนี้เพื่อติดตามนโยบายหลายเรื่อง ทั้งบทบาททูตพาณิชย์และอื่นๆ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มอบหมายนโยบายให้กับทูตพาณิชย์ประจำร่วม 60 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งได้แบ่งกลุ่มให้ไปดูแลพืชเกษตรแบบแบ่งกลุ่ม เช่น มันสำปะหลัง ข้าว ยางพารา รวมทั้งอาหารทะเล และอาหารฮาลาล 

ทั้งนี้ เพื่อให้ทูตพาณิชย์ได้มีความรู้พื้นฐานในสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อกลับไปทำหน้าที่เซลส์แมนให้ประเทศได้ เพราะถัดจากนี้กระทรวงพลังงานมีนโยบายชัดเจนว่า ทูตพาณิชย์จะไม่เป็นแค่พนักงานส่งเสริมการขาย จะต้องทำหน้าที่เป็นผู้ขายเอง แม้แต่ตนในฐานะ รมต.พาณิชย์ ก็ต้องทำหน้าที่เซลส์แมนให้ประเทศไปด้วย ซึ่งขณะนี้ได้เจรจาขายยาง มัน ข้าว และพืชเกษตรอื่นๆ หลายตัว ให้กับหลายประเทศ เมื่อมีความคืบหน้าจะมารายงานให้ทราบตามลำดับ


รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาเดินเครื่องเศรษฐกิจแบ่งปัน Sharing economy หนุนชาวบ้านนำทรัพย์สินมาสร้างรายได้โฮมสเตย์



เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารฯ ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ประชุมสร้างเครือข่ายด้านการท่องเที่ยว และตรวจเยี่ยมหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โฮมสเตย์ไทรน้อย ซึ่งเป็น โฮมสเตย์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย และมาตรฐานโฮมสเตย์อาเซียนจากกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมทั้งเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้าน โฮมสเตย์ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระจายรายได้สู่ชุมชน 

นายพิพัฒน์ มีนโยบายเน้นเรื่องมาตรฐาน ความปลอดภัย ความสะอาด ความเป็นธรรม การกระจายรายได้สู่ชุมชน จะเป็นรากฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง สู่ความยั่งยืน และต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อม และพร้อมยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้มีคุณภาพ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการให้บริการนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และพัฒนาให้การท่องเที่ยวไทยก้าวหน้าต่อไป 

พศ.ประชุม Focus Group ทำร่างตัวชี้วัดงบฯปี2563



วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2562 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อนุมัติให้กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร จัดประชุม Focus Group การจัดทำร่างตัวชี้วัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยมีผู้แทนจากสำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน ๓ คน ชี้แจงแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ และหารือการจัดทำร่างตัวชี้วัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักงาน กอง และผู้รับผิดชอบตัวชี้วัด เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จังหวัดนครปฐม

ทั้งนี้ focus group คือการสนทนากลุ่ม เป็นรูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ จากการสอบถามบุคคลในกลุ่มเพื่อให้ได้มาถึงความคิดเห็น ความเชื่อ หรือทัศนคติ ต่อสินค้า บริการ หรือแนวคิด โดยคำถามจะถูกถามในรูปแบบของการปฏิสัมพันธ์แบบต่างๆ โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมมีโอกาสพูดคุยและแสดงความเห็นได้อย่างอิสระระหว่างผู้ร่วมวิจัยหรือผู้เข้าร่วมด้วยกันเอง โดยในขณะเดียวกันผู้ทำวิจัยทำการจดบันทึกการสนทนาที่เกิดขึ้น การสนทนากลุ่มจำเป็นต้องคัดเลือกลุ่มอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับความต้องการ

Cr.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

'มนัญญา'ปลุกสภาเกษตรจังหวัดรณรงค์ใช้ปุ๋ยอินทรีย์



“มนัญญา” กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงานและการแสดงผลงานของสภาเกษตรกรจังหวัด กลุ่มภาคกลาง 26 จังหวัด ปลุกสภาเกษตรจังหวัด รณรงค์ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี มุ่งผลิตอาหารปลอดภัยให้ผู้บริโภค

วันที่ 30 สิงหาคม 2562  นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด “การสัมมนาเพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงานและการแสดงผลงานของสภาเกษตรกรจังหวัด ในกลุ่มภาคกลาง 26 จังหวัด” โดยมี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายเรวัต ประสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง 26 จังหวัด สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด และหัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด ให้การต้อนรับ และ นายทรงพล พูลสวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดอ่างทอง เป็นผู้กล่าวรายงาน ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง 
นางสาวมนัญญา กล่าวว่า สภาเกษตรกรเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของเกษตรกรทั้งประเทศ ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องเกษตรกรไทย นำปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรไปสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการเสนอปัญหาความต้องการ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร และองค์กรเกษตรกร พร้อมทั้งนำมาซึ่งความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้สภาเกษตรจังหวัดมีความร่วมมือกันในการมุ่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้เกษตรกร โดยให้คำนึงถึงการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ “ขอให้สภาเกษตรกรจังหวัด ได้ร่วมมือกันกำหนดเป้าหมาย นำสิ่งที่ดีสู่ผู้บริโภค เพราะต่อไปภายหน้าประเทศไทยจะเป็นครัวโลก กระทรวงเกษตรฯ จึงมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเลือกซื้อสินค้าที่สะอาดปลอดภัย และได้มาตรฐาน พร้อมทั้งรณรงค์ให้เกษตรกรไทย หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และพยายามลดการใช้ปุ๋ยเคมีให้น้อยลงในแต่ละปี เพราะปุ๋ยเคมีเป็นตัวการทำลายดิน เพิ่มต้นทุนการผลิต และสร้างหนี้สินให้แก่เกษตรกร โดยขณะนี้ระบบ GAP ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเรา 

Wดังนั้น เราทุกคนจึงต้องเพียรพยามปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งตัวเกษตรกรและผู้บริโภค โดยสภาเกษตรกรจังหวัดเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเกษตรกร จึงควรผลักดันส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ผลผลิตออกมามีคุณภาพและปลอดภัย ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรแบบผสมผสานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาปฏิบัติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรไทยให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะผลักดันให้มีการทำสหกรณ์ซุปเปอร์มาเก็ต เพื่อจำหน่ายสินค้าสหกรณ์ โดยจะประสานร้านค้าสหกรณ์ที่มีอยู่แต่ละจังหวัดมารวมกัน โดยเริ่มที่จังหวัดนครปฐม เป็นจังหวัดแรก เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพของสหกรณ์ได้มากขึ้น และช่วยกระจายรายได้ให้แก่เกษตรกรไทยด้วย” นางสาวมนัญญา กล่าวและว่า 
สำหรับโครงการสัมมนาเพื่อกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงาน และการแสดงผลงานของสภาเกษตรกรจังหวัด ในกลุ่มภาคกลาง 26 จังหวัด เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง โดยเป็นเวทีระดมความคิดร่วมกันของสภาเกษตรกรในภาคกลาง ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการกำหนดทิศทางการทำงานในอนาคตให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการร่วมกันค้นหาแนวทางในการขจัดอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานและการแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพสูงขึ้น ตลอดจนเป็นเวทีนำเสนอผลงานให้สาธารณชนได้รับทราบ ซึ่งผลสำเร็จของงานต่าง ๆ เกิดจากความทุ่มเทเสียสละ เนื่องจากสภาเกษตรกรเข้าถึงและสามารถระบุเป้าหมายที่เป็นปัญหาที่แท้จริงของเกษตรกรได้อย่างตรงประเด็น ส่งผลให้ได้รับการพัฒนาตรงตามแผนงานโครงการของหน่วยงาน 

ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. 2553 มาตรา 33 กำหนดอำนาจหน้าที่ของสภาเกษตรกรจังหวัด ให้มีการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกรภายในจังหวัด ประสานนโยบายและการดำเนินงานระหว่างองค์กรเกษตรกร เกษตรกร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษาและหน่วยงานของรัฐ เสนอนโยบายและแนวทางในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรม สภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง จึงได้ดำเนินการจัดประชุมขึ้น เพื่อหาแนวทางการขับเคลื่อนงานให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด กำหนดการจัดประชุม 2 เดือน/ครั้ง โดยได้นำปัญหาของเกษตรกรมาร่วมกันหาแนวทางแก้ไข และนำเสนอต่อสภาเกษตรกรแห่งชาติ 

นอกจากนี้ ในแต่ละจังหวัดยังได้นำแนวทางแก้ไขปัญหาไปปฏิบัติจนเกิดผลงานเป็นรูปธรรม ได้แก่ ปัญหาด้านน้ำ ข้าว สับปะรด อ้อย มะพร้าว ปาล์มน้ำมัน ตลอดทั้งปัญหาการเช่าที่ดิน ฯลฯ มาเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนา ประกอบด้วย ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกลุ่มภาคกลาง รองประธานสภา สมาชิกสภา หัวหน้าสำนักงาน และพนักงานฯ รวม 208 คน โดยจะมีการประชุมขับเคลื่อนงาน การจัดเวทีการเสวนา เรื่อง ผลงานที่เกิดจากการนำแนวทางจากการประชุมร่วมกันไปปฏิบัติ และแนวทางการขับเคลื่อนงานในปี 2563 

โหนกระแสโซเชียล! สร้างพระหลวงปู่เค็ม 'วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด' ของสะสมยุค 5G




โหนกระแสโซเชียล! สร้างพระหลวงปู่เค็ม 'วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด' ของสะสมยุค 5G 'วัตถุมงคลที่สร้างตามมุกตลกอันลือลั่น' สร้างจริงเสกจริง ออกให้บูชาต้นเดือนกันยายน 2562

"ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไปไฟเริ่มไหม้สบง" คลิปมุกตลก "หลวงปู่เค็ม" ที่แสดงโดยมุกตลกระหว่าง "โก๊ะตี๋ อารามบอย กับ เท่ง เถิดเทิง" ถูกแชร์กันมากมายในโลกออนไลน์ ดังสนั่นเมืองโดยไม่ต้องโปรโมท  




คลิปมุกหลวงปู่เค็ม เป็นส่วนหนึ่งของรายการ "ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว" ทางช่วง Workpointโดยมีมุกตลกระหว่าง "โก๊ะตี๋ อารามบอย กับ เท่ง เถิดเทิง" โก๊ะตี๋เล่าในชิงร้อยชิงล้านว่า "หลวงปู่เค็มเป็นพระอาจารย์ซึ่งประจำอยู่ที่ วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ดตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นต้องการแสดงอภินิหารให้กับผู้คนได้รับรู้ ตอนที่หลวงปู่เค็มยังไม่มรณภาพ ท่านต้องการแสดงอภินิหารต่อหน้าศิษยาณุศิษย์ประมาณ 30,000 กว่าคน โดยการลุยไฟถ่านแดงๆ ยาวประมาณ 8 เมตร

หลวงปู่เค็มยกมือขึ้นมา พุทธังอารธนานัง ธัมมังอารธนานัง สังฆังอารธนานัง กองไฟยาวประมาณ 15 เมตร หลวงปู่เค็มก้าวลงกองไฟ ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไปไฟเริ่มไหม้สบง หลังจากนั้นหลวงปู่เค็มหงิกอยู่อย่างนี้ (ทำท่ามือหงิก) ใครเห็นก็ว่าตาย (ไม่ตาย? เท่ง ถาม) ตายสิ เหลือแต่กระดูกเชิงกรานเท่านั้นที่ยังไม่ไหม้ หลานชายไปนำเที่ยวกับเพื่อน พระองค์นี้สร้างจากกระดูกหลวงปู่เค็ม ไปทางเรือ ไปกว่า 50 คน เรือล่ม ตายหมด (แล้วหลานล่ะ) จมคนแรก"




คลิปมุกตลกช่วงหลวงปู่เค็มจากโก๊ะตี๋ ได้กลายเป็นกระแสในอินเทอร์เน็ต ปลายระยะเวลารวดเร็ว โดยในเพจของ Workpoint Entertaniment นั้นมีคนดูไปแล้วเกือบ 20 ล้านครั้ง  ส่วนในยูทูบก็หลายแสนวิวหลังจากถูกอัพโหลดไปได้แค่วันกว่าๆ เท่านั้น

มุกหลวงปู่เค็ม เป็นมุกตลกที่อยู่กับโก๊ะตี๋มานานแล้ว และเคยเล่นมุขที่มีหลวงปู่เค็มเป็นตัวละครหลักหลายครั้ง เช่นในหนังเรื่อง "โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า" ที่ฉายปี 2550 รวมถึงเรื่อง "โหดหน้าเหี่ยว 966" ฉายเมื่อปี 2552 ด้วยเหมือนกัน

มุกหลวงปู่เค็ม โก๊ะตี๋ก็ไม่ใช่คนแรกที่เริ่มเล่นมุกหลวงปู่เค็ม เพราะตลกคนสำคัญอย่าง "หนู คลองเตย" หรือ นายวันชาติ พึ่งฉ่ำ ตลกผู้ล่วงลับ ก็เคยเล่นเมื่อนานมากๆ แล้วตั้งแต่ก่อนปี 2548




หนู คลองเตย เล่าบนเวทีตลก ซึ่งเป็นประโยคเดียวกัน คือ  "กองไฟยาวประมาณ 10 เมตร หลวงปู่เค็มก้าวไปในกองไฟ ก้าวแรกไม่เป็นไร  ก้าวต่อไปไฟเริ่มไหม้สบงหลวงปู่เค็ม ต่อจากนั้นหลวงปู่เค็มถูกไฟคลอกตายคากองไฟ"  

จากประโยคนี้เองมีคนนำไปทำ "สติ๊กเกอร์หลวงปูเค็ม" โดยออกแบบให้ด้านเป็นภาพ พระยืนให้เห็นเฉพาะด้านหลัง ไฟกำบังใหม้จีวร มีชื่อขอพระหลวงปู่เค็ม วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด ด้านหลังมีคำว่า "พุทธังอารธนานัง ธัมมังอารธนานัง สังฆังอารธนานัง" จากกระแสความดัง จึงมีคนคิดสร้างพระหลวงปู่เค็มขึ้นมา

อย่างไรก็ตามเพื่อลบข้อครหาของพระที่จะมาร่วมพีธีปลุกเสก "พระหลวงปู่เค็ม วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด" ทางผู้จัดสร้างจึงใช้ ฤาษี หรือ ฆารวาสผู้เรืองเวชมาปลุกเสกแทนพระหลวงปู่เค็ม วัดเขาอีโต้ขว้างเป็ด"

สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/384269348330147/posts/2475855045838223/

'นิพนธ์'ลงเรือตรวจเยี่ยมน้ำท่วมสกลนคร 2 อำเภอ



วันที่ 30 ส.ค.2562  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงตรวจพื้นที่และเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพในเขตพื้นที่อำเภออากาศอำนวย และอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร โดยเวลา 09.00 น. ลงพื้นที่อำเภออากาศอำนวย รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ฝนและน้ำท่วมในพื้นที่ ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภออากาศอำนวย จากนั้นลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจราษฎรผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าทีาผู้ปฏิบัติงาน โดยมอบถุงยังชีพ จำเป็น 2 จุด ที่ บ้านวาใหญ่ ม.14 ต.วาใหญ่ จำนวน 28 ชุด และ บ้านโพนแพง ม.5 ต.โพนแพง

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายนิพนธ์​ได้ลงพื้นที่อำเภอวานรนิวาสเพื่อนั่งเรือไปเยี่ยมราษฎรพร้อมมอบถุงยังชีพจำเป็นให้แก่ราษฎรที่บ้านโนนม่วง ม.1 ต.ขัวก่าย จำนวน 10 หลังคาเรือน  โดยได้เดินทางไปยังหอประชุมที่ว่าการอำเภอวานรนิวาส เพื่อพบปะราษฎร โดยเน้นย้ำในประเด็นที่สำคัญ ดังนี้

1. ให้น้อมนำแนวทางพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 10 และ แนวทางการของกระทรวงมท.มาใช้ในการบริหารจัดการและปฏิบัติ 

2.การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยภาคอีสาน เกิดภัย 2 ลักษณะคือ ฝนทิ้งช่วง และ น้ำท่วม จึงต้องหารือในมาครการระยะยาวเพื่อบริหารจัดการน้ำให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. เน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ของประชาชนผู้ประสบภัย โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยในชีวิต ความปลอดภัยจากกระแสไฟฟ้า รวมทั้งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่มากับฝน

4. การเตรียมการเข้าสู่ฤดูฝนของจังหวัดสกลนคร ในช่วงเดือน ต.ค. ซึ่งอาจจมะมีความรุนแรงมากกว่าที่กำลังเผชิญ

5. การกำชับเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมปฏิบัติงานให้พี่น้องประชาชน

หลังจากนั้นนายนิพนธ์ได้มอบถุงยังชีพจำเป็นให้แก่ราษฎรทั้ง 2 อำเภอกว่า 500  ชุด

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เริ่มแล้ว! 7 พรรคฝ่ายค้านสัญจร เวทีแรกที่เชียงใหม่



วันที่ 30 ส.ค.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานและโฆษกคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน กล่าวว่า คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน จะจัดโครงการฝ่ายค้านเพื่อประชาชนสัญจร 4 ภาครับฟังและสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันเสาร์ 31 สิงหาคมและวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน จะมีการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังและสะท้อนมุมมองต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

โดยคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย ณ ห้อง 1201 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

"เวทีสาธารณะเพื่อการสะท้อนมุมมอง รับฟังความเห็นของทุกภาคส่วนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่จะมาสะท้อนมุมมองที่หลากหลาย ทั้งจากฝ่ายการเมือง สถาบันการศึกษา นักวิชาการ นักศึกษา ประชาชน จึงขอเชิญชวนเข้าร่วมเวทีสาธารณะ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางที่จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยพร้อมเพรียงกัน" นายอนุสรณ์กล่าว

'ลดาวัลลิ์'แนะดันศูนย์พัฒนาครอบครัวชุมชนแก้ว่างงานและฆ่าตัวตาย



วันที่ 30 ส.ค.2562  นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยในฐานะอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงสถานการณ์การว่างงาน ปลดคนงาน เลิกจ้าง และปิดกิจการโดยระบุว่าเรื่องที่เกิดเหล่านี้เป็นปลายเหตุของปัญหาแต่ต้นเหตุมาจากการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเมื่อย้อนกลับไป 5 ปีที่ผ่านมาหากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งประเทศไทยจะไม่เสียตลาดทางยุโรป จะไม่เกิดปัญหาทางการท่องเที่ยว จะไม่มีความเสียหายทางการส่งออก และจะไม่สูญเสียนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่มีกำลังมาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกลไกการจ้างงานที่สำคัญดังนั้นต้องกลับไปแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหา นั่นคือเรื่องความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและมุมมองของต่างชาติว่ายอมรับผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่ 

หากภาพเหล่านี้ยังไม่ชัดเจนการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจะยังมีปัญหาต่อไป สภาพเศรษฐกิจยังสะท้อนว่าการบริหารนโยบายเพื่อนำไปสู่การแก้ไขไร้ประสิทธิภาพ รัฐจึงต้องเร่งหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามามีส่วนร่วมในรัฐบาลและที่สำคัญ ต้องใช้งานบุคลากรที่มีอยู่ให้ตรงกับความเชี่ยวชาญ หรือใช้คนให้ตรงกับงาน อย่ายึดติด การจัดตำแหน่งตามสัดส่วนของพรรคการเมืองเท่านั้น

ขณะเดียวกันเห็นว่าสถิติการฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นผลสืบเนื่องทางการเมือง ที่มีผลต่อปัญหาเศรษฐกิจ การเริ่มต้นการแก้ไขรัฐบาลต้องตระหนักว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องบูรณาการทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมทำงาน และต้องไปพิจารณาว่ามีหน่วยงานใดที่ทำงานในเรื่องลักษณะเช่นนี้ โดยเฉพาะเครือข่ายต่างๆของรัฐบาลที่มีอยู่ทุกหมู่บ้านชุมชน ทั้ง อสม.กำนันผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเชื่อว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถให้ข้อมูลได้ว่าครอบครัวใดบ้างอยู่ในช่วงยากลำบาก 

รวมถึงใช้กลไก ศูนย์พัฒนาครอบครัวชุมชน สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีอยู่แล้ว ในทุกตำบลทั่วประเทศ  ต้องลงไปให้ความรู้เพราะเชื่อว่าปัจจุบันยังไม่มีความเข้าใจว่าหน่วยงานดังกล่าวมีกลไกการทำงานอย่างไร 

เชื่อว่าหากใช้งานเครื่องมือดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถป้องกันปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะปัญหาเด็กปัญหาสตรี ปัญหาผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ปัญหายาเสพติด ปัญหาแรงงานเด็ก รวมถึงการฆ่าตัวตาย ซึ่งจะทำหน้าที่เฝ้าระวัง โดยเฉพาะปัจจัยที่เป็นแรงกดดันทางสังคม




'สมศักดิ์'คาด ก.ย.ได้ข้อสรุปจากบริษัทคู่สัญญากำไล EM



วันที่ 30 ส.ค.2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงานคุมประพฤติ 40 ปี มุ่งสู่ Probation 4.0 โดยมีนายนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม   นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า กระทรวงยุติธรรมมุ่งเน้นการกระจายโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ตามคำกล่าวที่ว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังโดยเฉพาะผู้กระทำผิดซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงยุติธรรม ที่มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 7 แสนคน ซึ่งระบบงานคุมประพฤติ เป็นระบบงานหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการแก้ไขฟื้นฟู และให้โอกาสกับผู้กระทำผิดให้สามารถกลับเป็นคนดี ช่วยเหลือสังคม พัฒนาชุมชน สร้างคุณค่าและทุนมนุษย์ให้กับประเทศชาติได้ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่ะบบเรือนจำ ดังนั้น การสร้างการรับรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนถึงการให้โอกาส เฝ้าระวัง พร้อมส่งเสริมสนับสนุนทั้งด้านจิตใจทัศนคติ ทักษะอาชีพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บุคคลเหล่านี้ กลับตัวเป็นคนดี สามารถดูแลตนเอง ครอบครัว พร้อมทั้งเป็นกำลังสำคัญของประเทศได้ในอนาคต

รมว.ยุติธรรม ยังได้กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าการตรวจสอบประสิทธิภาพของกำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EM ว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมาย กำลังตรวจสอบว่าจะมีการแก้ไขสัญญา หรือยกเลิกสัญญาข้อไหนหรือไม่ ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปตามข้อเท็จจริง ในสิ่งที่เจอ คาดว่าจะใช้เวลาการตรวจสอบอีกไม่นาน 

ด้านอธิบดีกรมคุมประพฤติ ระบุว่า กรมคุมประพฤติได้รับรายงานจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตาม 4 ประเด็น คือ 1.กำไล EM สามารถถอดเข้าออกจากข้อมือได้ 2.กำไล EM สามารถได้ตัดขาดได้ 3.การใช้เครื่องมือสื่อสารไม่ครบถ้วน ใช้ได้เพียงแค่สัญญาณระบบ 2 G เท่านั้น และ 4.อาการแพ้สายรัดกำไล EM ของผู้ถูกคุมประพฤติ คาดว่าใช้ระยะเวลา 30 วัน ทราบผล

สำหรับกรมคุมประพฤติ ได้เรียกประชุมร่วมกับคณะกรรมการการตรวจรับ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา และพิจารณาว่าอุปกรณ์กำไล EM มีข้อบกพร่องต้องให้บริษัทคู่สัญญาแก้ไขตามข้อกำหนด TOR ซึ่งบริษัทรับเรื่องไปเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมให้แก้ไขภายใน 15 วัน โดยทางบริษัทได้มีการทำหนังสือทักท้วงมาบางเรื่อง คาดว่าช่วงเดือนกันยายน 2562 จะได้ข้อสรุปชัดเจน ส่วนอนาคตจะมีมาตราการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไรต้องดูเงื่อนไขสัญญากับบริษัทคู่สัญญาและพิจารณาตามกฎหมาย

เบื้องต้น ได้เปลี่ยนจากการใส่กำไลข้อมือมาเป็นข้อเท้าแทน แต่มีบางส่วนต้องทำอาชีพเกี่ยวข้องกับการแสดงหรืองานโชว์ต่างๆ จะให้เขียนรายงานมายังกรมคุมประพฤติเพื่ออนุโลมใส่ข้อมือแทน รวมทั้ง หากพบมีสัญญาณเตือนเกี่ยวกับการกระแทกเข้ามายังส่วนกลางจะส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทุกกรณีเพื่อป้องกันการถอดออก



เผย'บิ๊กป้อม'ลั่น! ต้องไม่มีจนท.รัฐพันค้ามนุษย์



วันที่ 30 ส.ค.2562 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม. ได้เรียกประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ครั้งที่ 2/62 ณ ห้องประชุม ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับทราบผลการจัดระดับประเทศไทย ในรายงานการค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา ประจำปี 62  และพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนแก้ปัญหาร่วมกัน พร้อมทั้งเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับและติดตาม การดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยมี รมว.พม.เป็นประธาน เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนและติดตามการแก้ปัญหาของหน่วยต่างๆและจัดทำรายงานของประเทศไทยประจำปี 

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงาน ถึงความพยายามร่วมกันในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ที่ผ่านมา มีผลให้ภาพรวมการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย มีพัฒนาการมากขึ้นและมีผลต่อความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ  อย่างไรก็ตาม การค้ามนุษย์เป็นปัญหาสะสมในไทยมาต่อเนื่องยาวนาน และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ( พม.) กระทรวงแรงงาน (รง.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) 

พร้อมย้ำ ความเข้าใจและความเป็นหนึ่งเดียว โดยใช้ความพยายามร่วมกันมากขึ้น เพื่อลงลึกขับเคลื่อนแก้ปัญหาในทุกมิติอย่างจริงจัง  ทั้งนี้ให้เร่งรัดนำข้อเสนอแนะของสหรัฐฯทั้งหมด เป็นแนวทางหลักขับเคลื่อนด้วยกลไกที่จัดตั้งขึ้น ที่มี พม.เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยให้ความสำคัญ ท้ังด้านการดำเนินคดี ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือและด้านการป้องกัน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสถานคุ้มครองผู้เสียหายที่ไม่เพียงพอ  ทั้งนี้ให้ ตช.เร่งรัดการปราบปราม โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ทางเพศ  และติดตามให้นำ้หนักทางเทคนิคกับคดีที่ค้าง รวมทั้งปรับปรุงกระบวนการคัดแยกและการสอบสวนให้สามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง  พร้อมทั้ง ขอให้ รง.เร่งรัดพัฒนาประสิทธิภาพในการตรวจการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและแนวทางการดูแลผู้เสียหายจากคดีแรงงานบังคับ  พร้อมกันนี้ ขอให้ร่วมรณรงค์สร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น และจะต้องไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์โดยเด็ดขาด

ปลายฝนโคราชยังมีแล้ง! 'เทวัญ'เกาะติดพื้นที่จี้ภาครัฐช่วยประชา




วันนี้ (30 ส.ค.52) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสุมิตรา อติศัพท์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 13  และ 14  และคณะ  เดินทางลงพื้นที่่ จ.นครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่  

โดยช่วงเช้า รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปยังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำที่ 4  (ประตูระบายน้ำโพธิ์เตี้ย) ต.ปรุใหญ่ อ.เมืองนครราชสีมา  ซึ่งพบว่าประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหา ภัยแล้ง น้ำจ่ายเพื่ออุปโภคบริโภคในชุมชนไม่เพียงพอ  ประชาชนไม่มีน้ำใช้เพื่อการเกษตร เบื้องต้นได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน 24 ตำบล 235 หมู่บ้าน ส่วนด้านการเสียหายพืชผลการเกษตร พบว่ามีพื้นที่ประสบภัย 22 ตำบล 184 หมู่บ้าน  จำนวนเกษตรกร 5,580 ราย ความเสียหายส่วนมากเป็นข้าวนาปีและพืชไร่ จำนวน 66,613 ไร่ 3 งาน 

สำหรับพื้นที่เขตอำเภอเมือง มีพื้นที่ทำการเกษตรโดยอาศัยน้ำฝน จำนวน 138,800 ไร่ คิดเป็น ร้อยละ 66.30 ของพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งเป็นพื้นที่มีการใช้น้ำเยอะที่สุดในเขตอำเภอเมือง โดยแบ่งตามสภาพการใช้น้ำประกอบด้วย พื้นที่ชลประทาน มีลุ่มน้ำสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ ลุ่มน้ำลำตะคองไหลผ่านอำเภอเมือง และเขื่อนกักเก็บน้ำเพื่อส่งน้ำตามทางระบายน้ำ จำนวน 7 แห่ง 1. เขื่อนระบายน้ำบ้านทุ่ง ตำบลพลกรัง 2. เขื่อนระบายน้ำกัน ตำบลปรุใหญ่ 3. เขื่อนระบายน้ำโพธิ์เตี้ย ตำบลปรุใหญ่ 4. เขื่อนระบายน้ำคนชุม ตำบลปรุใหญ่ 5. เขื่อนระบายน้ำบ้านขามเฒ่า ตำบลบ้านใหม่ 6. เขื่อนระบายน้ำจอหอ ตำบลจอหอ และ 7. เขื่อนระบายน้ำบ้านข่อยงาม ตำบลตลาด นอกจากนี้ ยังมีรางระบายน้ำจากคลองส่งน้ำลำพระเพลิง 1 แห่ง

โอกาสนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ และได้พบปะประชาชน  โดยย้ำว่าตนได้กำชับให้ทุกหน่วยเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างใกล้ชิด และรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการช่วยเหลือ นอกจากมีการประกาศเขตพื้นที่ฉุกเฉินแล้ว ยังมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่อีกด้วย

ฝนตกน้ำท่วม! 'กนกวรรณ' กำชับ กศน.เตือนปชช.รับมือ 5 กลุ่มโรคติดต่อ



วันที่ 30 ส.ค.2562 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความห่วงใยต่อประชาชน ขอให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพร่างกายในช่วงฤดูฝน กำชับให้ กศน. บูรณาการร่วมกับสถานพยาบาลของรัฐ เช่น รพ.สต. หรือ อสม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ให้คำแนะนำ รณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนในการรักษาสุขภาพ และความปลอดภัยในช่วงหน้าฝน

นางกนกวรรณ กล่าวแสดงความห่วงใยในสุขภาพและการเดินทางของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ว่า  ในช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ และในบางพื้นที่มีพายุ ฝนตกหนักเกือบทุกวัน อากาศที่เย็นลงและความชื้นที่เพิ่มขึ้นแม้จะช่วยคลายความร้อนลงได้มาก แต่ความชื้นที่เพิ่มมากขึ้นนี้เองที่กลับเปิดโอกาสให้เชื้อโรคหลายๆ ชนิด เติบโตและแพร่กระจายได้มากขึ้นไปด้วย เพราะในฤดูฝนอากาศยังค่อนข้างเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น ฝนตก อบอ้าวทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน อาจเกิดอาการเจ็บป่วยในที่สุด โดยเฉพาะ 5 กลุ่มโรคติดต่อ ที่มักเกิดขึ้นในหน้าฝน ที่ต้องระวังเป็นพิเศษตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประกาศเตือน ได้แก่

1. กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ ไทฟอยด์ บิด เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และบี

2. กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่ หวัด หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ

3. กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง ได้แก่ ไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบเจอี โรคมาลาเรีย

4. กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผล หรือเยื่อบุผิวหนัง ได้แก่ โรคไข้ฉี่หนู หรือแลปโตสไปโรซิส

5. กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบ หรือโรคตาแดง

ตนจึงได้กำชับให้ กศน. ทั่วประเทศประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้แนะนำแก่ประชาชนโดยประสานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมถึงการดูแล ป้องกันภัยสำหรับตนเองและบุตรหลาน เมื่อเกิดอุทกภัยหรือน้ำท่วมขัง เช่น ภัยจากสัตว์เลื้อยคลาน และภัยจากกระแสไฟฟ้าที่อาจรั่วซึม เป็นต้น

"นอกจากนี้ได้มอบหมายให้สำนักงาน กศน.และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ สช. แจ้งสถานศึกษาทุกแห่งในสังกัดให้พิจารณาและระมัดระวังเรื่องการสัญจรในหน้าฝนโดยเฉพาะการจัดทัศนศึกษา หรือศึกษาดูงานของนักเรียน นักศึกษาและบุคลากร โดยก่อนการเดินทางผู้ขับขี่ต้องเตรียมคนขับและยานพาหนะให้พร้อมก่อนการเดินทาง โดยเน้นเตรียมความพร้อมสภาพร่างกายคนขับ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน หากต้องเดินทางไกลควรแวะพักเป็นระยะหรือมีคนขับสับเปลี่ยนกัน ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิดหรือทานยาที่ทำให้ง่วง เช่น ยาลดน้ำมูก ยาภูมิแพ้ ยาแก้ไอ เป็นต้น และขอให้ตรวจสอบสภาพรถ ตรวจเช็คลมยาง ไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว ตรวจระบบเบรกให้มีความสมบูรณ์สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงงดเดินทางในเวลากลางคืนเพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและครู ดังนั้นขอให้หน่วยงาน สถานศึกษาทุกแห่งให้ความสำคัญในความปลอดภัยและสุขภาพของนักเรียน เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ที่อาจจะเกิดขึ้น" นางกนกวรรณ กล่าว

"เรียนรู้..เพื่อการอยู่ดี" # 1 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)


"เรียนรู้..เพื่อการอยู่ดี" # 1 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)

https://www.youtube.com/watch?v=gt9nEcJnDEI

"สติ ปัญญา" สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)


https://www.youtube.com/watch?v=FFPNsvgW0pM

"การศึกษา..??" สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต)


https://www.youtube.com/watch?v=-KL6UQDlo0E



รถสาธารณะเตรียมตัว! 2 ก.ย.นี้ 'ศักดิ์สยาม' เริ่มลุยตรวจสอบสภาพ



เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2562 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมมอบนโยบายการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยนายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคม โดยมี นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้บริหารระดับสูง และผู้แทนสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมในการประชุม ที่ห้องประชุมกรมการขนส่งทางบก
  
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า ได้มอบนโยบายกรมการขนส่งทางบกให้ดำเนินการด้านความปลอดภัย ดังนี้ 1. การทดสอบสมรรถภาพผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะ และตรวจสภาพรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ให้เริ่มดำเนินการทันทีในวันที่ 2 กันยายน 2562 โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง ให้ได้ 10% ภายใน 30 วัน และให้ครบ 100% ภายใน 90 วัน
  
2. ดำเนินการกำหนดจุดจอดพักรถโดยสารสาธารณะ (Checking Point) ทุกระยะทาง 90 กิโลเมตร เพื่อดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานผู้ขับขี่ และตรวจสภาพรถให้อยู่ในมาตรฐานความปลอดภัย (ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที/คัน) โดยให้ประสานขอความร่วมมือใช้พื้นที่จากสถานบริการน้ำมันในจุดที่เหมาะสมและจัดเจ้าหน้าที่หรือจิตอาสา เป็นผู้ตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง ให้เริ่มดำเนินการภายใน 15 วัน หรือวันที่ 16 กันยายน 2562 ทั้งนี้ หากรถโดยสารสาธารณะคันใดไม่ผ่านการตรวจสอบจะมีบทลงโทษ โดยครั้งแรกเป็นการตักเตือน หากทำผิดครั้งที่สองจะดำเนินการปรับ ครั้งที่สามจะพักการให้บริการ จนถึงเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะในที่สุด
  
3. การจัดระเบียบพนักงานประจำรถโดยสารสาธารณะ ให้มีกิริยา วาจา และแต่งกาย สุภาพ และมีการตรวจสอบประวัติพนักงานประจำรถอย่างเคร่งครัด รวมถึงตรวจสอบสารเสพติด เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ
  
4. การจัดระเบียบและความปลอดภัยรถบรรทุก และรถจักรยานยนต์ โดยให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุจนถึงอุบัติเหตุเป็นศูนย์ในที่สุด
  
ทั้งนี้ ขอให้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง โดยเป้าหมายสำคัญที่สุด คือ ความปลอดภัยทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ หากมีปัญหาติดขัดเรื่องใดให้ประสานมาที่กระทรวงคมนาคมทันที

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เซียนแป๊ะโค้ว หัวตะเข้ ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งหัวตะเข้ ละสังขารในท่านั่งสมาธิ สรีระไม่เน่าเปื่อย!!



เซียนแป๊ะโค้ว หัวตะเข้ ท่านอยู่ปฏิบัติธรรมที่ศาลเจ้าแห่งนั้น คนพอเรื่องเดือดร้อน มาขอให้ท่านช่วย ท่านก็สงเคราะห์ช่วยเหลือไป จนคนร่ำลือความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน เรียกท่านว่าเซียนบ้าง จนมีครั้งหนึ่ง ที่ทำให้ท่านเป็นตำนานเล่าขานจนถึงทุกวันนี้ มีเด็กถูกจระเข้คาบดำน้ำไป มีคนมาตามท่านให้ไปช่วย ท่านไปยืนบริกรรมอยู่ริมฝั่ง สักพักเดียว จระเข้ก็คาบเด็กขึ้นมาหา 

ท่านจึงเอาเท้าเหยียบที่หัวจระเข้ จระเข้ก็คายเด็กออกมา ปรากฏว่าเด็กยังไม่ตาย จึงเป็นตำนานเรียกแถวนั้นว่า หัวตะเข้ เมื่อท่านสิ้นอายุ ท่านดับขันธ์ด้วยท่านั่งสมาธิ ร่างกายท่านไม่เน่าเปื่อย ทางศาลเจ้าจึงนำมาให้คนได้กราบไหว้ 



ต่อมาน้าชายท่านเดินทางมาจากเมืองจีนเพื่อตามหาหลานชายให้กลับไปดูใจแม่ที่กำลังป่วยหนัก ก็มาพบว่าหลานกลายเป็นเซียนไปแล้ว อีกทั้งยังนั่งตายจากไป จึงตรงเข้าไปต่อว่าสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่านว่า 

ไม่กตัญญูเลย เอาตัวรอดบรรลุธรรมไปคนเดียวทิ้งแม่ให้เจ็บไข้ต้องร้องไห้อาลัยหา สารพัดจะดุด่าธาตุขันธ์ท่าน 

เพียงไม่นานนับว่าน่าอัศจรรย์ที่สุด สังขารไร้วิญญาณที่นั่งขัดสมาธิเพชรตั้งตรงอยู่นั้นก็ค่อย ๆ โค้งลง ค่อย ๆ ก้มศีรษะลง จนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่ในลักษณะดุจดังคนสำนึกผิด น้าชายเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็ตะลึงจังงัง และหยุดการดุด่าทันที จากนั้นก็กราบไหว้แล้วเดินทางกลับประเทศจีนไปบอกแม่ท่านถึงความอัศจรรย์ที่ได้ไปพบมา 




สนใจวัตถุมงคลติดต่อเบอร์โทร 087 552 6655 เล็ก เจริญนคร

'บิ๊กป้อม'จี้ก.ทรัพย์ดึงภาคประชาชนสร้างจิตสำนึกถึงโลกร้อนอย่างจริงจัง



วันที่ 29 สิงหาคม 2562  พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ เปิดเผยว่า  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการทำงาน กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ณ ห้องประชุมกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยขอให้ทุกหน่วยงาน ร่วมกันตระหนักและมุ่งมั่นทำงานหนักในภารกิจงานของกระทรวงให้มากขึ้น เพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมทางบกและทางทะเลอย่างมากในปัจจุบัน

ขณะเดียวกันขอให้ร่วมกัน ปกป้อง ฟื้นฟูและเพิ่มพูน เพื่อรักษาความมั่นคงของทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า รวมทั้งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างจริงจัง  พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการบริหารจัดการนำ้และการบริหารจัดการขยะทั้งระบบ

พล.อ.ประวิตรได้ย้ำนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญของรัฐบาล ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยขอให้สนับสนุนการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการบริหารจัดการนำ้ทั้งระบบอย่างจริงจัง ทั้งนำ้แล้ง น้ำท่วมและน้ำเสีย รวมทั้งขอให้เร่งยกระดับมาตรฐานประปาหมู่บ้านและพัฒนาแหล่งนำ้อุปโภค บริโภคในทุกหมู่บ้านอย่างทั่วถึง. พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับ การพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา การทับซ้อนของกฏหมายที่ดิน การสำรวจและจัดทำที่ดินทำกินให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 

ทั้งนี้ต้องไม่ละเลยกับการให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงๆจังๆ ทั้งมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะปัญหาขยะ ที่ต้องช่วยกันขับเคลื่อนลดการใช้พลาสติกและโฟมภายในประเทศ โดยต้องหยุดการนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเลคทรอนิกส์อย่างเด็ดขาด

พร้อมกันนี้ได้กำชับ ขอให้ร่วมกันสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนขับเคลื่อนบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกันทั้งระบบให้มากขึ้น โดยเฉพาะการดึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามารับผิดชอบโดยถือเป็นหน้าที่ ควบคู่ไปกับ การส่งเสริมเครือข่ายภาคประชาชนมีส่วนร่วมแก้ปัญหา โดยให้ปรับปรุง กฎ ระเบียบที่ล้าสมัย ให้สามารถทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์   ทั้งนี้ ขอให้มีการติดตามกำกับงานทางนโยบายทั้งระบบในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง และต้องมีความโปร่งใสและปราศจากการ ทุจริต



"สมศักดิ์"เร่งแก้ส่งยาผ่านไปรษณีย์-เอกชน ชี้ทำงานร่วมเพื่อนบ้านได้ผล



วันที่ 29 สิงหาคม 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการปราบปรามยาเสพติดว่า นโยบายการปราบปรามยาเสพติดถือเป็นหนึ่งในเรื่องด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งทำให้สำเร็จโดยเร็ว ซึ่งนอกจากการปราบปราบแล้ว การป้องกันและฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องสอดคล้องดำเนินการควบคู่กันไปซึ่งต้องทำงานร่วมกันในหลายกระทรวง ซึ่งในส่วนของกระทรวงยุติธรรมนั้น เรามีหน่วยงานหลักอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่มีหน้าที่สำคัญในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในประเทศและนอกประเทศ โดยเฉพาะประเทศในลุ่มน้ำโขง ทั้ง สปป.ลาว และเมียนมาร์ ที่เราได้ร่วมมือกันสกัดกั้นและทำลายแหล่งผลิต ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลออกมาน่ายินดี ส่วนการจัดการภายในประเทศ เราได้สั่งให้ทุกพื้นที่คุมเข้มและทำงานบูรณาการร่วมกันในหลายหน่วยงาน นอกจากนี้เรายังมี กองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่เป็นสิ่งยึดโยง ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ทุกคนในหมู่บ้านช่วยกันไม่ให้ลูกหลานไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งถือเป็นเกราะชั้นแรกในการป้องกันปัญหายาเสพติด

 เมื่อถามถึงการลักลอบส่งยาเสพติดผ่านทางพัสดุที่ส่งทางไปรษณีย์และบริการขนส่งของเอกชน จะมีวิธีการแก้ปัญหานี้อย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญประเด็นหนึ่ง การส่งของโดยไปรษณีย์มีบริการขนส่งกว่า 2 ล้านรายการต่อวัน และบริษัทข่นส่งพัสดุของเอกชนมีเป็นหมื่นสาขา อาจจะมีบางรายการที่หลุดรอดไปบ้าง ซึ่งเรายังไม่สามารถบังคับให้บริษัทขนส่งเอกชน ติดตั้งเครื่องเอ็กซ์เรย์ได้ครบทุกสาขา เพราะมีเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เครื่องหนึ่งหลายล้านบาท อาจจะทำให้ค่าขนส่งแพงขึ้นกระทบต่อผู้บริการ ดังนั้นเราอาจจะต้องใช้มาตราการอื่นช่วยเสริม เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดที่บรรจุพัสดุและส่ง หรือให้บรรจุพัสดุต่อหน้าพนักงานส่ง ผู้ฝากส่งจะต้องแสดงบัตรประชาชนตัวจริงและลงทะเบียนพัสดุ นอกจากนี้ยังต้องมีบทลงโทษต่อผู้ให้บริการ หากพบเหตุการส่งยาเสพติดผ่านทางบริการ โดยเริ่มตั้งแต่บทลงโทษสถานเบา เช่น การตักเตือน การปรับเงิน หรือลงโทษสถานหนัก เช่น ให้หยุดพักการให้บริการเป็นเวลาหลายวันหรือเดือน หรือหนักสุดคือต้องปิดกิจการ

 นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเราได้มีการเตือนเอกชนที่ขนส่งและสั่งให้ปรับปรุงไปแล้ว 14 รายด้วยกัน โดยในส่วนนนี้อาจจะต้องไปปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่างๆให้ดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ในส่วนของงานหลักอย่างการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทางกระทรวงและรัฐบาลกำลังศึกษาว่ากฎหมายต่างๆที่เกี่ยวกับยาเสพติดนั้น บทลงโทษต่างๆ ของบ้านเราเหมาะสมและทันสมัยกับสถานการณ์ในปัจจุบันแล้วหรือไม่ อย่างไร อาจจะต้องมีการปรับปรุงเนื้อหา หรือบทลงโทษให้เหมาะสม รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่จะสามารถช่วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

'สรอรรถ-เศรษฐพงค์' นำทีมกระชับสัมพันธ์ 'จีน-อาเซียน'



วันที่ 29 สิงหาคม 2562 พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 40 ว่า การประชุมจะมีไปจนถึงวันที่ 30 สิงหาคมนี้ ซึ่งภาพรวมการประชุมตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม เป็นไปด้วยดี ตัวแทนของประเทศต่างๆให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งในส่วนของตนนั้นได้รับมอบหมายในทำหน้าที่ผู้รายงานการประชุม ในฐานะเป็นคณะผู้แทนรัฐสภาไทยที่ร่วมประชุมหารือกับรัฐสภาประเทศผู้สังเกตการณ์ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยการประชุมคณะนี้มีนายสรอรรถ กลิ่นประทุม เป็นประธานฯ การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ได้รับความร่วมมือจากประเทศจีน และประเทศผู้สังเกตการณ์อื่นทุกประเทศเป็นอย่างดี ทั้งนี้ การหารือกับประเทศผู้สังเกตการณ์จากประเทศจีน ซึ่งรัฐสภาไทยได้เสนอให้มีความร่วมมือด้านกฎหมาย ด้านกฎระเบียบระหว่างประเทศสมาชิกสมัชชารัฐสภาอาเซียนและระหว่างสมัชชารัฐสภาอาเซียนกับรัฐสภาประเทศผู้สังเกตการณ์ ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี

นอกจากนี้ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอาเซียนที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นไปด้วยดี ได้มีการหารือถึงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีน - อาเซียน โดยให้มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากประเทศจีนเป็นคู่ค้าสำคัญของอาเซียนมายาวนาน และอาเซียนยังได้รับการยอมรับว่าเป็นคู่ค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสองของจีน รวมทั้งยังมีความร่วมมือระหว่างอาเซียน - จีนในประเด็นการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคผ่านกรอบการทำงานระดับภูมิภาค เช่น การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (ADMM Plus) และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum-ARF) ซึ่งเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ที่สะท้อนผ่านวิสัยทัศน์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีน - อาเซียนในปี พ.ศ. 2573 

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า จีนนับว่ามีความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกแห่งสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) มาอย่างยาวนานและมั่นคง โดยจีนได้เข้าร่วมประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ซึ่ง AIPA เองได้แสดงความขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับความร่วมมือทวิภาคีกับจีน และความช่วยเหลือด้านการพัฒนาจากประเทศจีนในด้านต่างๆ เช่น ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน การลงทุน การขจัดความยากจน และการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ One Belt, One Road (OBOR) หรือเส้นทางสายไหมศตวรรษ 21 ที่ริเริ่มโดยจีน ที่จะช่วยให้การจัดทำแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (MPAC) ประสบความสำเร็จ

 ขณะที่ นายสรอรรถ กล่าวว่า การประชุมใหญ่สมัชชารัฐสภาอาเซียน หรือ AIPA เป็นเวทีที่ ส.ส. ของแต่ละประเทศทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมาหารือและถกเถียงร่วมกันในประเด็นต่างๆ ผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เพื่อนำไปสู่การผลักดันให้มีการพัฒนาทุกด้านของอาเซียนที่สอดคล้องกัน เช่น เสนอให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนที่เท่าเทียมกัน ส่วนด้านกฎหมายของแต่ละประเทศต้องมีการผลักดันไปในทิศทางที่สนับสนุนประชาธิปไตย ความเท่าเทียม และสันติภาพ นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับบทบาทของ AIPA ในการส่งเสริมให้ประชาชนมีความตระหนักรู้และเป็นพันธมิตรในการผลักดันข้อริเริ่มต่าง ๆ การเร่งรัดกระบวนการนิติบัญญัติเพื่อให้ความตกลงต่าง ๆ ของอาเซียนมีผลบังคับใช้โดยเร็ว และการทำให้กฎหมายของประเทศสมาชิกอาเซียนมีความสอดคล้องกันเพื่อประโยชน์ของสังคม

ยุคข้าวเหนียวแพง-นักข่าวปลูกพืชผสมผสานแนวเกษตรพอเพียงลดรายจ่ายบนพื้นที่ 8 ตารางเมตร



วันที่ 29 สิงหาคม 2562 นายสำราญ สมพงษ์  อาชีพนักข่าว เปิดเผยว่า หลังจากได้ปลูกพืชผสมผสานแนวเกษตรพอเพียงลดรายจ่ายในยุคข้าวเหนียวแพง บนพื้นที่ 8 ตารางเมตร ในที่ว่างข้างกำแพงที่ทำงานย่านรัชโยธิน กรุงเทพมหานคร

หลังจากทำมาประมาณ 5 เดือน ประโยชน์ที่ได้รับ คือ ได้เรียนรู้ ฝึกทักษะ  และมีเครือข่าย ของการปลูกพืชผสมผสานตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่ ได้รับประทานยอดพืชโดยนำไปลวกจิ้มน้ำพริก แกงป่าใส่ปลากระป๋อง

นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนคลายเครียดจากการทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวส์เตอร์เป็นประจำเป็นเวลานาน ทำให้ได้พักสายตาไปในตัว อีกทั้งยังเป็นการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไปในตัวโดยมีสติทุกเมื่อขณะทำ 

ที่มา-https://www.youtube.com/watch?v=r7Ei-6ivfhY&t=4s


สาธุ!นักเรียนวิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษนั่งสมาธิก่อนเข้าเรียน



เมื่อวันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562  เฟซบุ๊ก Niwarana Ummata ของพระวิทยากรประจำวิทยาลัยสงฆ์ศรีสะเกษ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ได้โพสต์ข้อความว่า กิจกรรมพบพระพบธรรมหน้าเสาธง ที่วิทยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2562 โดยได้มอบพุทธศาสนสุภาษิตประจำวันคือ

“กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ กิจฺฉํ มจฺจานชีวิตํ กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท.” การได้กำเนิดเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก...!ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายเป็นอยู่ยาก ...! การได้ฟังพระสัทธรรมเป็นการยาก...! การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก...!”

เพราะการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก ต้องอาศัยกำลังความเพียรในการสั่งสมความดีอย่างยิ่งยวด...! เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วควรอย่างยิ่งที่ต้องเพียรพยายามในการบำเพ็ญบุญญาบารมี สั่งสมบุญ เพื่อให้ได้ดวงตาเห็นธรรม และนำไปสู่ความสิ้นทุกข์ นั้นก็คือ “นิพพาน” นั้นเอง 

ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เข้าปรึกษา 'เจ้าคุณว.วชิรเมธี' ปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือ



เมื่อวันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562 นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกพรรคอนาคตใหม่ และนายเอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงรายพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกับ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือหลายคน ร่วมลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาหมอกควัน ที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวานนี้ และที่จังหวัดเชียงรายเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมผลักดันสนับสุนนให้เกิดระบบการแจ้งเตือนฝุ่นควันในพื้นที่ภาคเหนือที่มีประสิทธิภาพ พร้อมเข้าปรึกษาพระเมธีวชิโรดม พระเมธีวชิโรดม หรือพะมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พระอารามหลวง  ประธานมูลนิธิวิมุตตยาลัย ผู้อำนวยการศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย

นายเอกภพระบุว่าที่ผ่านมา ภาคประชาชนได้ต่อสู้เรื่องปัญหาฝุ่นควันมาเยอะมาก ได้ขับเคลื่อนแก้ปัญหากันด้วยสรรพกำลัง ทรัพยากร และองค์ความรู้ของชุมชนเอง จนเกิดคำถามขึ้นมาว่าทำไมภาครัฐถึงไม่ได้มีส่วนร่วมเท่าไหร่ เหตุใดถึงปล่อยให้เรื่องนี้เป็นภาระของชุมชน บัดนี้ภาคประชาชนในส่วนต่างๆเริ่มประสบความลำบากในการแก้ปัญหาโดยลำพังมาต่อเนื่อง

นายเอกภพกล่าวต่อว่าสิ่งเล็กๆที่เราเริ่มทำจากเชียงใหม่มาถึงเชียงรายวันนี้ คือการสนับสนุนให้มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดฝุ่นควันในระดับชุมชนต่างๆ โดยเครื่องหนึ่งก็มีราคาก็ไม่มาก ไม่เกิน 3,000 บาท ใช้งานง่าย และหากมีกระจายไปในหลายๆจุด สามารถนำไปสู่การประมวลผลวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างครอบคลุมถูกต้องมากขึ้นด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเริ่มติดตั้งไปแล้วในบางจุด แต่ก็ยังไม่เพียงพอ

ด้านนายปดิพัทธ์กล่าวว่าในบางกรณีภาคประชาชนต้องแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง แต่ในหลายกรณีก็ไม่สามารถทำได้ ทั้งๆที่ทุกวันนี้ประชาชนผู้รับผลกระทบมีองค์ความรู้ในการจัดการปัญหามานานแล้ว สามารถตัดสินใจเองได้หากมีอำนาจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือรัฐส่วนกลางกลายเป็นคนมาตัดสินใจแทนคนท้องถิ่น ซึ่งไม่เพียงแค่ตัดสินใจอย่างไม่ถูกต้อง แต่กลับเป็นการสร้างปัญหาขึ้นมาซ้ำเติมด้วย

นายเอกภพกล่าวเสริมว่าเช่นในเรื่องของการดับไฟป่า ซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งของปัญหาฝุ่นควัน การไปไฟดับต้องรอคำสั่งจากใครบางคนที่มีอำนาจจากส่วนกลาง คนที่เข้าไปดับไฟก็คืออาสาสมัครที่เป็นคนในชุมชน ที่ต้องประสบกับผลกระทบอยู่แล้ว และต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในการดับไฟป่าอีก ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่แฟร์กับประชาชน

นายเอกภพกล่าวต่อว่าในฐานะ ส.ส. สิ่งที่เราสามารถทำทันทีได้คือการทำให้ทุกคนตระหนักรู้ว่าเป็นปัญหาร่วมกันของชุมชน และการรับมือในปัญหาฝุ่นควันที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ ในอีกสองสามเดือนที่จะมาถึงข้างหน้านี้ สิ่งที่เริ่มต้นทำได้ทันที ก็คือการติดเครื่องวัดฝุ่นควันให้กระจายไปทั่วภาคเหนือ และสร้างระบบการแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมี และหลายครั้งก็มีการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดอีก

สิ่งที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่กำลังทำอยู่ในวันนี้ คือการสนับสนุนให้มีการติดตั้งเครื่องวัดให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดที่จะเป็นไปได้ สำหรับผู้มีมีกำลังทรัพย์ช่วยเหลือในส่วนนี้ได้ ตนก็อยากให้มาร่วมกันในการผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น อย่างในเฉพาะเชียงรายจังหวัดเดียว เราต้องการเครื่องวัดฝุ่นควันประมาณ 50-100 เครื่อง เพื่อให้นักวิจัยนำไปผลิตและติดตั้ง

ด้านนายนิติพล ระบุว่าสำหรับกลไกในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ปัจจุบันนี้เริ่มมีการพูดถึงร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดกันบ้างแล้ว แต่ร่างในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมถึงคนและสัตว์ อีกทั้งตัวร่างที่มีส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การแก้ปัญหาในเมืองใหญ่ ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องยนต์ดีเซล แต่สิ่งที่สมควรจะเพิ่มเข้าไปก็คืออากาศในพื้นที่ชุมชน ที่ควรต้องมีการครอบคลุมให้ถึงด้วย

ส่วนนายปดิพัทธ์ระบุว่านอกจากนี้ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่กำลังเตรียมญัตติเกี่ยวกับเรื่องนี้รอไว้แล้ว เพื่อให้เกิดการอภิปรายที่จะนำไปสู่มาตรการแก้ปัญหา เรื่องนี้ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ก็จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ญัตติ มีผลให้รัฐบาลตัดสินใจได้ดีขึ้น หรือหากยังไม่เกิดการแก้ปัญหาอย่างจริงจังขึ้นมา ก็อาจจะต้องมีกระทู้ถามไปถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกลไกกรรมาธิการสามัญด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะต้องผลักดันเรื่องนี้เข้าไปพร้อมๆกัน

'รมช.มนัญญา'คิกออฟมหกรรมสินค้าสหกรณ์กาฬสินธุ์ปี 2562




เมื่อวันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมสินค้าสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2562 โดยมี นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้บริหารกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรให้การต้อนรับ ณ บริเวณสนามศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ (หลังเก่า) อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
            
นางสาวมนัญญา กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รัฐบาลถือเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่จะต้องนำประเทศไทยให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น และพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคง โดยจะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน บรรเทาผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่ประชาชนประสบ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม โดยสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพการผลิตสินค้า ผ่านขบวนการสหกรณ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตสินค้า เช่น ข้าวสาร พืชผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป หัตถกรรมและอื่น ๆ โดยผู้ผลิตเหล่านั้นกระจายอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เมื่อมีผลผลิตจำนวนมากการสนับสนุนกิจกรรมการจำหน่ายสินค้า จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการสร้างช่องทางการจำหน่ายสินค้า และประชาสัมพันธ์สินค้าของสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชีพ เพื่อสนับสนุนให้สินค้าที่มีคุณภาพของชุมชนได้ไปถึงผู้บริโภคได้โดยตรง 
              
“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายสนับสนุนให้จัดกิจกรรมมหกรรมสินค้าสหกรณ์  ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชีพ เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกชม และซื้อสินค้าที่มีคุณภาพราคายุติธรรม โดยเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตพบผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีสินค้าอัตลักษณ์อันโดดเด่น เช่น ผ้าไหมแพรวา ซึ่งเป็นสินค้าเอกลักษณ์ที่สร้างขื่อเสียงให้กับจังหวัด รวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาชาวบ้านและควรค่าแก่การสนับสนุนในการสร้างช่องทางการตลาด ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมสินค้าสหกรณ์ซึ่งเป็นผลผลิตของเกษตรกร ทำให้สหกรณ์เกิดความเข้มแข็ง และกระจายรายได้สู่ชุมชน” นางสาวมนัญญา กล่าว
           
ทั้งนี้ งานมหกรรมสินค้าสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2562 กำหนดจัดงานที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ในระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 กันยายน 2562 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ (หลังเก่า) อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยการจัดงานในครั้งนี้ ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์จากสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มอาชีพ ทั้งในจังหวัดกาฬสินธุ์ และกลุ่มอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 100 บูธ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การสาธิตสาวไหม ทอผ้า สหกรณ์สอนอาชีพ นิทรรศการ ตลอดทั้งการจำหน่ายสินค้าที่โดดเด่น อาทิ ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมแพรวา ซึ่งเป็นผ้าทอมืออันเป็นเอกลักษณ์ของชาวภูไท ซึ่งได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากโครงการศูนย์ศิลปาชีพ และสินค้าข้าวเหนียวเขาวง ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ มีธาตุซิริกรอนจากภูเขา เมื่อนึ่งสุกจะมีกลิ่นหอมและนุ่ม ไม่แฉะติดมือ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายทอมือ ผ้าฝ้ายแปรรูป ผลิตภัณฑ์เครื่องจักรสาน ผักปลอดสารพิษ ผักอินทรีย์ และสินค้าเกษตรอื่น ๆ อีกมากมายให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อ โดยได้รับความร่วมมือจาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาฬสินธุ์ กรมวิชาการเกษตร สำนักงาน อ.ส.ค. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น และสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์กาฬสินธุ์ ร่วมออกบูธและจัดนิทรรศการ โดยมีสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าร่วมงานประมาณ 500 คน 
        
กระทรวงเกษตรฯ ขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจเข้าร่วมชม ชิม ช็อป สินค้าที่มีคุณภาพของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้ที่งาน “มหกรรมสินค้าสหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ ปี 2562” ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 กันยายน 2562 ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ (หลังเก่า) อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

'กนกวรรณ'ตั้งเป้าอบรมครู กศน.สอนประวัติศาสตร์ชาติไทย ครอบคลุมทั่วประเทศหวังสร้างพลเมืองดี



เมื่อวันพุธที่ 28 สิงหาคม 2562 ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน “สืบสาน รักษา ต่อยอด ครูประวัติศาสตร์ชาติไทย ของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ บอลรูม ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ครูผู้สอนประวัติศาสตร์ บุคลากร กศน. ที่ผ่านการอบรมจิตอาสา 904 วิทยากร ผู้บริหารในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกว่า 1,490 คน

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาเป็นเวลายาวนาน สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสัญลักษณ์แห่งการดำรงอยู่ของชาติไทย ทุกคราวที่ประเทศไทยต้องเผชิญวิกฤตนานาประการ ประเทศชาติก็สามารถผ่านพ้นมาได้เสมอ ด้วยพระบารมีขององค์บูรพมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ตราบจนปัจจุบันนี้ ดังนั้น การเผยแพร่ความรู้หรือการสอนให้เยาวชนและประชาชน ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์และประวัติศาสตร์ชาติไทย จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ต่อการสร้างจิตสำนึกและอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

การจัดงานในวันนี้ จึงเป็นการประกาศศักยภาพของครู กศน. ที่มากกว่าการเป็นครูสอนด้านวิชาการ แต่เป็นครูที่ช่วยเผยแพร่ความรู้ ช่วยสอนให้เยาวชนและประชาชน ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์และประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นครูผู้สร้างอุดมการณ์ในการเป็นพลเมืองที่ดี เป็นพลเมืองที่มีจิตสำนึกรักชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันจะเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศชาติ ให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ มีแนวทางที่จะส่งเสริมพัฒนาครู กศน. ที่สอนประวัติศาสตร์ชาติไทย ให้ได้เข้ารับการอบรมเพื่อเป็นวิทยากรเพิ่มเติมจาก 6,122 คน เพื่อให้มีครูวิทยากรของ กศน.ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ที่จะไปถ่ายทอดความรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ถูกต้อง สู่ผู้เรียน กศน. และประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศต่อไป

'พุทธิพงษ์'เปิดงาน 'Think Thailand : คิดเพื่อประเทศไทย 4.0' ยันปี 2563 ได้ใช้ 5G แน่





วันที่ 28 ส.ค.2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)  เป็นประธานพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาในงาน Think Thailand : คิดเพื่อประเทศไทย4.0 รวมถึงรับฟังการนำเสนอโครงการสำคัญในการร่วมพัฒนาประเทศไทย 4.0 โดยกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจดิจิทัล โดยรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัลและความมั่นคงดิจิทัล ด้วยความตั้งใจได้สะท้อนออกมาด้วยการยกระดับโครงการดิจิทัลพาร์คในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเป็นดิจิทัลวัลเลย์ เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่ให้บริษัทชั้นนำมาลงทุน วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความร่วมมือของการทำธุรกิจและการลงทุน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวด้วยว่า ส่วนการพัฒนา 5จี ขอยืนยันว่า ภายในปี 2020   ประเทศไทยจะต้องมี 5จี ใช้เพราะ 5จี จะมาเปลี่ยนอุตสาหกรรมการผลิต ส่วนการพัฒนาดิจิทัลภาครัฐจะพัฒนา Big data ภาครัฐให้เชื่อมโยงกัน โดยกำหนดการพัฒนาตามกลุ่มยุทธศาสตร์ เช่น การท่องเที่ยว สาธารณสุข ฯลฯ จากนั้นจึงเอา Big data ทั้งหมดมาเชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ดีรัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งกลุ่มแรงงานโดยจะยกระดับแรงงานเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยการพัฒนาฝีมือแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเริ่มที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะเป็นที่แรกโดยตั้งเป้าบุคลากร 40000 ใน1ปีข้างหน้าที่เกี่ยวกับธุรกิจดิจิทัล  ซึ่งภาครัฐจะทำตัวเป็นผู้สนับสนุนที่ดีของประชาชนและธุรกิจโดยจะทำลายข้อจำกัดที่จะเป็นปัญหาในการแข่งขันและการทำธุรกิจ

วิเคราะห์เปยยาลวรรคมาตุคามสังยุตต์ ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 18: บทบาทในพุทธสันติวิธี

  วิเคราะห์เปยยาลวรรค มาตุคามสังยุตต์  ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 18: บทบาทในพุทธสันติวิธี บทนำ พระไตรปิฎกเล่มที่ 18 ในหมวดสังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ...