ເນື້ອເພງ : ດຣສົມພົງສ໌
ທຳນອງ - ຮ້ອງໂດຍ : suno
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เอาเถิด บัดนี้ เราขอเตือนเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม
ไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด
ดังนี้ นี้เป็นวาจาครั้งสุดท้ายของตถาคต ฯ
[๖๒๒] เมื่อพระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว ท้าวสหัมบดีพรหมได้กล่าว
คาถานี้พร้อมกับกาลเป็นที่ปรินิพพานว่า
สัตว์ทุกหมู่เหล่า จักทอดทิ้งร่างกายไว้ในโลก พระตถาคต
ผู้ศาสดา ผู้หาบุคคลเปรียบมิได้ในโลก ถึงแล้วซึ่งกำลัง
พระญาณเป็นพระสัมพุทธเช่นนี้ ยังปรินิพพานแล้ว ฯ
[๖๒๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่ของ
ทวยเทพได้กล่าวคาถานี้ พร้อมกับกาลเป็นที่ปรินิพพานว่า
สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้น และเสื่อมไป
เป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความเข้าไปสงบสังขาร
เหล่านั้นเป็นสุข ฯ
[๖๒๔] เมื่อพระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว ท่านพระอานนท์ได้กล่าว
คาถานี้พร้อมกับกาลเป็นที่ปรินิพพานว่า
เมื่อพระสัมพุทธเจ้าผู้ประกอบด้วยอาการอันประเสริฐทั้งปวง
ปรินิพพานแล้ว ความสยดสยอง (และ) ความชูชันแห่งขน
ได้มีแล้วในกาลนั้น ฯ
[๖๒๕] เมื่อพระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว ท่านพระอนุรุทธได้กล่าว
คาถานี้ พร้อมกับกาลเป็นที่ปรินิพพานว่า
ลมอัสสาสะปัสสาสะ (หายใจเข้าออก) มิได้มีแล้วแด่พระผู้มี
พระภาคผู้มีจิตตั้งมั่นคงที่ พระผู้มีพระภาคมีจักษุไม่ทรงหวั่น
ไหว ทรงปรารภสันติปรินิพพานแล้ว พระผู้มีพระภาคมีจิต
ไม่หดหู่ ทรงอดกลั้นเวทนาเสียได้ ความพ้นแห่งจิตได้มี
แล้ว เหมือนความดับแห่งประทีป ฉะนั้น ฯ
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=15&A=5084
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น