วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

"ดร.มหานิยม"เข้ากราบนมัสการ"พระพรหมดิลก" รับโอวาททำนุบำรุงพุทธศาสนา - วิเคราะห์แนวทางการปรับปรุงเรียนการสอนภาษาบาลีของคณะสงฆ์ไทยเชิงเปรียบเทียบกับพระสงฆ์ประเทศต่างๆ


การเรียนการสอนภาษาบาลีในคณะสงฆ์ไทยมีรากฐานที่สำคัญในเชิงศาสนาและวัฒนธรรม การเปรียบเทียบกับแนวทางการสอนของพระสงฆ์ในประเทศอื่นๆ เปิดโอกาสให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการปรับปรุงวิธีการสอนให้ทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทปัจจุบัน การใช้หลักการที่เหมาะสม อุดมการที่เป็นไปเพื่อการพัฒนา วิธีการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน และการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถช่วยให้การสอนภาษาบาลีในคณะสงฆ์ไทยพัฒนาอย่างยั่งยืน
 

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี) ดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  เข้ากราบนมัสการ เจ้าคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธัมโม) เปรียญธรรม 9 ประโยค  ดร. กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา บางลำภู กรุงเทพฯ เพื่อรับฟังโอวาทและข้อเสนอแนะในการปฎิบัติหน้าที่ช่วยงานพุทธศาสนา ในโอกาสที่ ดร.นิยม เวชกามา หรือ ดร.มหานิยม ได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำแนวทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวัดสามพระยานั้นถือว่าเป็นสำนักเรียนภาษาบาลีที่สำคัญของคณะสงฆ์โดยใช้เป็นสถานที่ประกาศผลสอบของแม่กองบาลีสนามหลวงเป็นประจำทุกปีจึงได้ทำการวิเคราะห์แนวทางการปรับปรุงเรียนการสอนภาษาบาลีของคณะสงฆ์ไทยเชิงเปรียบเทียบกับพระสงฆ์ประเทศต่างๆดังนี้

บทนำ

ภาษาบาลีเป็นภาษาที่สำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นภาษาที่ใช้บันทึกพระไตรปิฎกและคัมภีร์ทางศาสนาอย่างแพร่หลาย สำหรับคณะสงฆ์ไทย การเรียนการสอนภาษาบาลีถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการธำรงและสืบทอดพุทธศาสนา อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในบริบททางสังคมและเทคโนโลยีทำให้การพัฒนาการเรียนการสอนภาษาบาลีมีความจำเป็น ในบทความนี้จะวิเคราะห์และเปรียบเทียบหลักการ อุดมการ วิธีการ แผนงาน และโครงการในการสอนภาษาบาลีของคณะสงฆ์ไทยกับประเทศอื่นๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงแนวทางที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้และปรับปรุงอย่างมีประสิทธิภาพ

1. หลักการและอุดมการของการเรียนการสอนภาษาบาลี

ประเทศไทย: การเรียนการสอนภาษาบาลีในคณะสงฆ์ไทยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้งและเป็นรากฐานของการปฏิบัติศาสนกิจ หลักการสอนเน้นที่ความแม่นยำของไวยากรณ์ การแปล และการตีความพระไตรปิฎก

เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ: ในบางประเทศเช่น ศรีลังกาและเมียนมา หลักการเรียนการสอนภาษาบาลีเน้นการพัฒนาทักษะการตีความคำสอนเพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการปฏิบัติธรรม การใช้ภาษาบาลีไม่เพียงเพื่อการท่องจำแต่ยังรวมถึงการประยุกต์เพื่อการสอนและเผยแผ่พระพุทธศาสนา

2. วิธีการสอนภาษาบาลี

ประเทศไทย: วิธีการสอนในคณะสงฆ์ไทยมักใช้การบรรยาย การท่องจำ การสอนแบบห้องเรียน และการจัดกลุ่มเรียนย่อยเพื่อสนับสนุนการเข้าใจอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ยังมีการจัดสอบเพื่อวัดผลความรู้

เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ: พระสงฆ์ในประเทศศรีลังกาและเมียนมาใช้วิธีการสอนเชิงปฏิบัติการมากขึ้น เช่น การสนทนา การแปลบทสวดต่างๆ และการวิพากษ์ปัญหาทางธรรม โดยเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเรียนการสอน เช่น การเรียนออนไลน์ และการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์

3. แผนงานและโครงการที่เกี่ยวข้อง

ประเทศไทย: คณะสงฆ์ไทยได้มีแผนงานและโครงการในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาบาลี เช่น โครงการอบรมพระภิกษุและสามเณร โครงการพัฒนาครูสอนบาลี และการจัดสัมมนาเกี่ยวกับการสอนบาลี

เปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ: ในศรีลังกาและเมียนมา มีโครงการที่เน้นการจัดหลักสูตรและเวิร์กช็อปเฉพาะทางเพื่อพัฒนาครูผู้สอนและพัฒนาการใช้ภาษาบาลีในทางปฏิบัติ เช่น การแปลวรรณกรรมบาลี และการสร้างสื่อการสอนที่ทันสมัย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถอดให้แล้วประสบการณ์แก้จนจีน! "นายกฯแพทองธาร" ทวิภาคี "สี จิ้นผิง"

แนวทางของจีนภายใต้การนำของสี จิ้นผิง เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจในการจัดการปัญหาความยากจนที่มีความซับซ้อน ไทยสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ดังกล่าว...