วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560

นิสิตป.ตรี"มจร"เกือบ2หมื่นปฏิบัตธรรมหวังรู้เท่าทันสื่อ







"มจร"จัดนิสิตป.ตรีเกือบ 2 หมื่นปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานประจำปีการศึกษา 2560 หวังมีคุณสมบัติ  9 นวลักษณ์ "วิชายอด จรณะเยี่ยม" รู้เท่าทันสังคม-สื่อออนไลน์




เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2560  ที่อาคารหอประชุม มวก.48  พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระราชวรมุนี,ดร. (พล อาภากโร ป.ธ.๙) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต  มจร ประธานคณะกรรมการโครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน ได้เป็นประธานเปิดโครงการดังกล่าวประจำปีการศึกษา 2560  ของนิสิตระดับปริญญาตรีในส่วนกลาง  ตามระเบียบมหาวิทยาลัยทุกปีการศึกษานิสิตทุกหลักสูตรของมหาวิทยาลัยจะต้องเข้ารับการฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามสถานที่ที่มหาวิทยาลัยกำหนดในพิธีเปิด  โดยปีการศึกษานี้มีนิสิตทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการจำนวนทั้งสิ้น 17,694 รูป/คน ระหว่างเดือนธันวาคม 2560 และมกราคม 2561 



พระราชวรมุนี ได้ให้โอวาทว่า จัดโครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐานดังกล่าว  เพื่อพัฒนานิสิตให้รู้วิธีการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานที่ถูกต้อง และนำความรู้ที่ได้รับจากการฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน นำไปใช้และเผยแผ่อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งส่งเสริมและพัฒนานิสิตให้เป็นไปตามอัตลักษณ์บัณฑิต และคุณลักษณ์นิสิตอันพึงประสงค์ หรือ นวลักษณ์ 9  ประการของมหาวิทยาลัย  จึงขอให้นิสิตตั้งใจสมกับที่ทุกท่านรอคอยโอกาสนี้มานาน เพื่อให้โอกาสตนเองได้ปฏิบัติสร้างความดี สร้างบารมีพัฒนาจิตใจตนเอง ขอให้ตั้งใจปฏิบัติเพื่อผลให้มีสมาธิ และสติมากยิ่งขึ้นสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาเล่าเรียน และหากมีบุญกว่านั้นก็เป็นบุญบารมีของแต่ละท่านการเข้ากรรมฐานขอให้ตัดปลิโพธเครื่องผูกพันหรือหน่วงเหนี่ยวเหตุกังวล หรือข้อติดข้องเพื่อให้เกิดความปลอดโปร่งพร้อมที่จะเจริญกรรมฐานให้ก้าวหน้าไปได้ดี



การปฏิบัติธรรมติดต่อกัน 10 วัน ทำให้เรามีสติและสัมปชัญญะมากยิ่งขึ้น เพราะเทคโนโลยีเจริญเท่าไร สติสัมปชัญญะต้องคอยไปกำกับดูแล เช่น  ไม้ขีดไฟ ปรมาณู โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนทุกอย่างมีทั้งคุณและโทษอยู่ที่การนำไปใช้ ต้องมีธรรมะคอยกำกับทำดีย่อมได้ดี กรรม เหมือนแรงโน้มถ่วง คนกระโดดตึกก็ต้องตกตึก ทำดีย่อมได้ดี ทุกอย่างมีสองด้าน วิทยาศาสตร์กับศาสนา ต่างมีความสำคัญเหมือนที่ไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า "วิทยาศาสตร์ที่ปราศจากศาสนาคือคนขาพิการศาสนาที่ปราศจากวิทยาศาสตร์คือคนตาบอด" จะเห็นได้ว่าต้องอิงอาศัยกันและกันหากวิทยาศาสตร์ ไม่มีศาสนาก็จะกู่ไม่กลับ ต้องมีศีลธรรมกำกับไม่ให้นำไปใช้ในการทำร้ายมนุษย์ด้วยกันหากศาสนาไม่มีวิทยาศาสตร์มาเป็นพิสูจน์ จะมีความงมงายมากขึ้น




"มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จัดการศึกษาโดยมีเป้าหมายในการผลิตบัณฑิต ให้เป็นไปตามคุณลักษณ์บัณฑิตที่พึงประสงค์ และอัตลักษณ์บัณฑิตของมหาวิทยาลัย เรียกว่าจบแล้ว สำเร็จแล้วผลผลิตของมหาวิทยาลัย ต้อง “วิชายอด จรณะเยี่ยม”โดยเฉพาะนวลักษณ์ 9  ประการของมหาวิทยาลัย คือ (1) ปฏิปทาน่าเลื่อมใส (2) ใฝ่รู้ใฝ่คิด (3) ผู้นำด้านจิตและปัญญา (4) มีทักษะด้านภาษา (5) มีศรัทธาอุทิศตน (6) รู้จักเสียสละ (7) รู้เท่าทันสังคม (8) สั่งสมโลกทัศน์ (9) พัฒนานวัตกรรมเชิงพุทธอยากให้นิสิตจำให้ได้นำไปปฏิบัติ นำไปตรวจสอบว่าเราท่านทั้งหลายมีคุณลักษณ์ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดหรือเปล่าจะได้นำมาตรวจสอบตัวเอง" พระราชวรมุนี กล่าวและว่า



การเข้าฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน 10  วันติดต่อกัน แม้จะเป็นการปฏิบัติตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกท่านจะได้ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน ทำบุญสร้างบารมีด้วยตนเองงานกรรมฐานคืองานของท่าน ขอให้ทุกท่าน จงตั้งใจปฏิบัติเพื่อเป็นบุญและเป็นกุศลสำหรับตัวท่านเอง และออกไปเผยแผ่สร้างความมั่นคงให้พระพุทธศาสนาออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นจากความทุกข์ ขอฝากทุกท่านเป็นลูกศิษย์ของพระวิปัสสนาจารย์ขอให้ทุกท่าน เคารพ เชื่อฟัง ตั้งใจ และปฏิบัติตามคำสั่งสอน แนะนำของท่าน ขอให้ทุกท่านจงเป็นผู้มีส่วนในบุญกุศลที่ร่วมกันปฏิบัติกันดีแล้ว จงเป็นปัจจัยเกื้อกูลสนับสนุนให้ทุกท่านได้มีโอกาสเข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยทั่วกัน




ขณะที่พระครูสังฆรักษ์เอกภัทร  อภิฉนฺโท, ผศ.ดร. คณบดีคณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้กล่าวรายงานว่า ปีการศึกษา 2560 นี้ มหาวิทยาลัย ได้กำหนดให้ทุกวิทยาเขต วิทยาลัย โครงการขยายห้องเรียน  และหน่วยวิทยบริการ  จัดโครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานพร้อมกันทั่วประเทศตามประกาศของมหาวิทยาลัย (โดยอนุโลม) เฉพาะส่วนกลางกำหนดให้นิสิตปริญญาตรี ทุกคณะ ทุกชั้นปีจำนวนทั้งสิ้น  1782  รูป/คนเข้าฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ระหว่างวันที่  16-27 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ดังนี้ 



(1) นิสิตคณะพุทธศาสตร์ เข้าฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ณ สวนเวฬุวัน ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐมจำนวน  339 รูป/คน (2) คณะครุศาสตร์ เข้าฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ณศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน ตำบลแคมป์สนอำเภอ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วย จำนวน  414  รูป/คน


(3) คณะมนุษยศาสตร์ เข้าฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน  ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลลำไทร  อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน จำนวน 613  รูป/คน (4) คณะสังคมศาสตร์ เข้าฝึกภาคปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน  ณ มหาจุฬาอาศรม ตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง  จังหวัดนครราชสีมา  จำนวน ๔๘๒ รูป/คน และมีแยกปฏิบัติตามสาขาวิชา คือ ( 1) สาขาวิชาการจัดการเชิงพุทธ  เข้าฝึกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ณ วัดพุน้อย ตำบลชอนม่วง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี(๒) สาขาวิชานิติศาสตร์ณ พุทธอุทยานนครสวรรค์ วัดภัทรสิทธาราม  ตำบลนครสวรรค์ออก อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์



ในการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฎฐาน ครั้งนี้ มีตารางการปฏิบัติประจำวันที่นิสิต จะต้องปฏิบัติร่วมกัน ดังนี้ ภาคเช้า เวลา 04.00-12.00  น. ทำวัตรเช้า /ปฏิบัติ/ฉันภัตตาหารเช้า/ปฏิบัติ/ฉันภัตตาหารเพล  ภาคบ่าย เวลา 13.00-17.00 น. แยกกลุ่มปฏิบัติ และสอบอารมณ์กัมมัฏฐาน ภาคเย็นเวลา 18.00-21.00 น. ทำวัตรเย็น/ปฏิบัติ/ฟังบรรยายจากพระวิปัสสนาจารย์/ปฏิบัติ  ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถเดินทางไปร่วมทำบุญกับพระนิสิตทั้งการถวายภัตราหารและน้ำปานะตามสถานที่ดังกล่าว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...