วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2560

รองอธิการบดี"มจร"แนะใช้วิปัสสนาเป็นฐานพัฒนายุค 4.0



รองอธิการบดี"มจร"แนะใช้วิปัสสนาเป็นฐานพัฒนายุค 4.0 ชี้เป็นฐานของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ยั่งยืน ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จากความทุกข์ได้


วันที่ 15 ธ.ค.2560 เป็นวันสุดท้ายของโครงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติถวายเป็นพระราชกุศลระหว่างวันที่ 1-15 ธ.ค. 2560 ซึ่งจัดโดยวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติร่วมกับหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ภายใต้การนำของพระหรรษา ธมฺมหาโส,รศ.ดร. ผู้ช่วยอธิการบดี ผู้อำนวยการวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติและผู้อำนวยการหลักสูตรสาขาวิชาสันติศึกษา มจร  ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมมหาจุฬาอาศรม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยมีนิสิตทั้งพระภิกษุ ภิกษุณี สามเณรี แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าร่วมประมาณ 130 รูป/คน ซึ่งเป็นไปตามหลักสูตรการศึกษาของมหาวิทยาลัย 



โครงการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติถวายเป็นพระราชกุศลดังกล่าวได้รับความเมตตาจาก ดร.สยาดอภัททันตะวิโรจนะ มหาคันถวาจกบัณฑิต มหากัมมัฏฐานาจริยะ สำนักวิปัสสนาวัดงุยเตาอูกัมมัฏฐาน ท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สหภาพเมียนมาร์  เป็นประธานนำฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและแสดงธรรมแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ



ในการนี้พระราชปริยัติกวี ศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มจร ได้เป็นประธานปิดโครงการพร้อมให้โอวาทว่า  ขออนุโมทนาการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วเรามาปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับตามมหาวิทยาลัยกำหนด แต่การปฏิบัติกรรมฐานเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์โดยตรง ก่อนเราจะไปสอนคนอื่นได้เราต้องเรียนปริยัติและฝึกปฏิบัติถึงจะเข้าถึงปฎิเวธ แล้วนำไปสู่การเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ยั่งยืน ซึ่งการเผยแผ่คำสอนเป็นการคุ้มครองป้องกันพระพุทธศาสนาที่ดีที่สุด รวมถึงเพื่อความสำเร็จของชีวิตเราต้องเริ่มต้นจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน พระไตรปิฎกตอนหนึ่งพระบาลี ตามนัยแห่งมูลฎีกาแสดงวินิจฉัยคำ “กรรมฐาน” ไว้ว่า กมฺมเมว วิเสสาธิคมนสฺส ฐานนฺติ กมฺมฐาน แปลว่าการงานที่เป็นเหตุแห่งการบรรลุคุณวิเศษชื่อว่ากรรมฐานกรรมคือพื้นฐานแห่งความสำเร็จ นั่นคือ กรรมฐาน ไม่ว่าเราจะทำอะไรกรรมฐานเป็นพื้นฐานสำคัญมาก ถ้าเรามีกรรมฐานจะทำให้เราสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียน



เราได้เรียนรู้ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการศึกษาที่นำไปสู่ความสำเร็จ ปัญญาภายในของเรา คือ " ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา " พระพุทธเจ้าทรงสอนมี 84,000 พระธรรมขันธ์ ซึ่งจริงๆ ก็อยู่ในร่างกายของเรา ชีวิตมนุษย์จึงมีความสำคัญ บางคนสามารถเข้าถึงปัญญาภายใน เป็นคุณธรรมที่สูงขึ้น บางคนไม่สามารถเข้าถึงปัญญาภายใน มนุษย์จึงพยายามจะมีการปรุงแต่ง แต่จริงๆ ต้องเป็นไปตามธรรมชาติ เราจะต้องเคารพทุกๆ คน จากการฝึกตนตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แม้แต่การฝึกโยคะก็เป็นเอาพลัง 5  อย่างออกมา คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องมือนำไปสู่ความสำเร็จ ในการปฏิบัติของมหายาน จะมุ่งเน้น 2  อย่าง คือ ศรัทธาและปัญญา ถือว่าเป็นพลังแห่งความสำเร็จของชีวิต



การปฏิบัติภายใน 15 วัน มั่นใจว่าจะเกิดพลังจากภายใน เป็นบุคคลที่มีพลังทำให้ประสบความสำเร็จในการทำงาน ถือว่าเป็นอานิสงส์แห่งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งปัจจุบันเราคุยเรื่องไทยแลนด์ 4.0  คนจะมีปัญหาเรื่องจิตใจเป็นจำนวนมาก เพราะโลกขับเคลื่อนไปความรวดเร็ว ทำให้พระสงฆ์จะต้องออกไปช่วยเหลือสังคมเมื่อท่านเรียนจบ โดยการพัฒนาประโยชน์ส่วนตนและออกไปช่วยเหลือคนอื่นในประเทศของท่าน เราจะต้องเตรียมความพร้อมในการเป็นผู้นำ เข้าไปช่วยคนที่มีปัญหาความทุกข์ทางจิตใจ ยุค 4.0  คนมีความทุกข์ทางจิตใจ เราจะช่วยเหลือเพื่อมนุษย์อย่างไร



ดังนั้น หัวใจสำคัญของการพัฒนาตนให้มีคุณภาพนั้นจะต้อง " ศึกษาปริยัติ ปฏิบัติกรรมฐาน สู่การทำงานให้เกิดปฏิเวธ" พระราชปริยัติกวี ศ.ดร. เน้นย้ำว่า ต้องสร้างปัญญาแห่งภายในด้วยการเริ่มต้นจากศรัทธาจนพัฒนาไปถึงปัญญา กว่าจะถึงปัญญาต้องผ่านวิริยะ สติ สมาธิ ตามลำดับ ศึกษาจึงต้องลงลึกขั้นปริยัติและนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อจบประโยชน์ตนแล้วนึกถึงประโยชน์คนอื่น เพื่อจาริกไปโดยเน้นความสุขของมหาชนต่อไป


..............

(หมายเหตุ : ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Pramote OD Pantapat พระอาจารย์ปราโมทย์ วาทโกวิโท  นิสิตปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มจร) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...