วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เปิด 4 ยุทธศาสตร์ นำจุฬาฯสู่สถาบันการศึกษาระดับโลก


ยุทธศาสตร์ 4 ด้านในการขับเคลื่อนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้เป็นสถาบันการศึกษาระดับโลกของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านการศึกษา แต่ยังส่งผลต่อการสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืนและพัฒนาทักษะของคนไทยในทุกระดับให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ.

 ยุทธศาสตร์ 4 ด้านในการขับเคลื่อนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ก้าวสู่การเป็นสถาบันการศึกษาระดับโลกตามมุมมองของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย โดยพิจารณาจากหลักการ อุดมการณ์ วิธีการ และวิสัยทัศน์ พร้อมแผนงานและโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในระยะยาว รวมถึงการสะท้อนผลกระทบและอิทธิพลต่อสังคมไทยในด้านต่าง ๆ

หลักการและอุดมการณ์

ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทยมุ่งเน้นการพัฒนาและขับเคลื่อนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้เป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลกโดยมีหลักการสำคัญคือการสร้างความเป็นผู้นำในด้านวิชาการ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระดับสากล และการทำงานร่วมกันในลักษณะบูรณาการ อุดมการณ์ของการพัฒนาคือการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติและการสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อสังคม

ยุทธศาสตร์ 4 ด้าน

ยุทธศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI University)

การพัฒนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้เป็นสถาบัน AI โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี AI ในทุกคณะและหลักสูตร ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรและนิสิตในการใช้ AI เป็นเครื่องมือในการทำงานและพัฒนาองค์ความรู้ แม้ว่าจะไม่เน้นการพัฒนา AI ใหม่ แต่จะเน้นการใช้ประโยชน์จาก AI ให้มีประสิทธิภาพที่สุด การใช้ AI จึงถูกมองว่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ส่งผลต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ยุทธศาสตร์ด้านการเชื่อมต่อสู่สากล (Internationalization)

การทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก โดยพัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ การนำอาจารย์และนิสิตต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนการสอน รวมถึงการดึงดูดนักศึกษาและสถาบันการศึกษาจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศไทย ยุทธศาสตร์นี้ยังเน้นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในภูมิภาค เช่น MIT และมหาวิทยาลัย Tsinghua เพื่อพัฒนาและยกระดับการศึกษาระหว่างประเทศ

ยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน (Sustainability)

การให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาด้านภูมิอากาศและความยั่งยืนของสังคม โดยการบูรณาการสาขาวิชาต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างสังคมที่ยั่งยืน การถอดบทเรียนเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของยุทธศาสตร์นี้

ยุทธศาสตร์ด้านงานเพื่อสังคม (Social Engagement)

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคมผ่านโครงการเพื่อชุมชนและการสร้างความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เช่น การพัฒนาพื้นที่สยามสแควร์ให้เป็นพื้นที่สำหรับคนทุกกลุ่ม และการส่งเสริมชุมชนด้วยการสร้าง Walking Street ที่เป็นพื้นที่สำหรับคนพิการและนิสิตในการแสดงผลงาน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างรายได้และเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อสังคม

วิธีการและแผนงานโครงการ

การพัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างชาติ

เช่น การจัดหลักสูตรปริญญาโทร่วมกับ MIT ในด้านนวัตกรรมที่เชื่อมโยงกับภาคธุรกิจและการวิจัย

การพัฒนาหลักสูตรระยะสั้นและ Upskill/Reskill

การจัดอบรมและพัฒนาทักษะใหม่ให้กับนิสิต ศิษย์เก่า และบุคลากรภายนอก เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและตลาดแรงงาน

การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของศิษย์เก่า

การจัดสัมมนาและพัฒนาหลักสูตรโดยใช้ความร่วมมือกับศิษย์เก่าในหลากหลายภาคส่วน

วิสัยทัศน์และผลกระทบต่อสังคมไทย

ยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้านนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างสถาบันการศึกษาที่สามารถแข่งขันในระดับโลกและสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย โดยการพัฒนาทั้งทางด้านเทคโนโลยี การศึกษา การยั่งยืน และการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคม การทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคส่วนต่าง ๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างนวัตกรรมและความรู้ที่ทันสมัยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการพัฒนา AI และนวัตกรรมการศึกษา รัฐบาลควรสนับสนุนทุนวิจัยและการพัฒนาบุคลากรด้าน AI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาค ส่งเสริมการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทยกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา

การพัฒนาหลักสูตรเพื่อสังคมที่ยั่งยืน มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาที่ช่วยแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น ภูมิอากาศ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เป็นต้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ชูศักดิ์" เดินทางไปจีนเตรียมการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ววัดหลิงกวงมาประดิษฐานที่ไทยชั่วคราว

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการประสานงานการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสา...