เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 มีการแผยแพร่คำปราศัยของ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะแม่กองธรรมสนามหลวง วันเปิดสอบธรรมสนามหลวงนักธรรมชั้นโทและนักธรรมชั้นเอง ในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 ที่จะถึงนี้ตอนหนึ่งว่า
การศึกษาและการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นพันธกิจหนึ่งในพันธกิจทั้ง 6 ด้านของคณะสงฆ์ เป็นภารธุระที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เจ้าคณะพระสังฆาธิการในฐานะผู้บริหารกิจการคณะสงฆ์ จะละเว้นเพิกเฉยต่อหน้าที่นี้มิได้ เพราะความเสื่อมก็ดี ความเจริญก็ดีของคณะสงฆ์และของชาติบ้านเมือง ย่อมขึ้นกับการศึกษาเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ท่านทั้งหลายที่เข้าสอบวัดความรู้ในวันนี้ ได้ศึกษาสำเร็จหลักสูตรนักธรรมชั้นตรีมาแล้วเป็นอย่างน้อย ย่อมมีความรู้ทางพระพุทธศาสนาเบื้องต้นพอสมควร ทั้งยังอุตสาหะเข้าศึกษาอบรมในหลักสูตรชั้นสูงจนจบ นับว่าท่านเป็นบรรพชิตในทางพระศาสนานี้ที่ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง คือ เมื่อบวชแล้วต้องเรียน เพราะหากไม่เรียนย่อมไม่รู้ เมื่อไม่รู้ย่อมปฎิบัติผิดและสอนผิด เมื่อปฎิบัติผิดและสอนผิด ย่อมนำพาทั้งตนเองให้ตกต่ำและผู้อื่นก็พลอยวิบัติ กลายเป็นมิจฉาทิฐิไปด้วย วันนี้ทุกท่านได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า ท่านไม่เป็นพระภิกษุนอกรีต ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาอบรมในแบบแผนจารีตของคณะสงฆ์อย่างถูกต้องตามบทบาทหน้าที่แล้ว จึงขออนุโมทนาสาธุการด้วยใจจริง
การไม่ศึกษาปริยัติธรรม ไม่เข้าถึงปฎิบัติธรรม ย่อมไม่มีวันถึงปฎิเวธธรรมได้ กระบวนการเข้าถึงธรรมในพระศาสนานี้ ย่อมไม่อาจสมบูรณ์ได้หากขาดกระบวนการแห่งพระปริยัติธรรมเป็นรากฐาน จึงขอให้ทุกท่านผู้บริหารการศึกษา จงพยายามช่วยกันรักษาและพัฒนากระบวนการจัดการพุทธศาสนศึกษา ให้เป็นไปตามหลักพระไตรปิฎก และคัมภีร์สำคัญอันอ้างอิงเชื่อถือได้ โดยยึดถือหลักสูตรของคณะสงฆ์ได้ตั้งไว้อย่างรอบครอบแล้วเป็นสำคัญ เพื่อให้พระธรรมวินัยยังคงประดิษฐานอยู่อย่างมั่นคง เป็นกลไกในการสร้างเสริมคุณสมบัติที่พึงประสงค์สำหรับพุทธศาสนิกชนตามพระบรมราชโบายในรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้เมื่อพุทธศักราช 2529 ความตอนหนึ่งว่า “เมื่อชาวพุทธรู้ธรรมะ ปฎิบัติอย่างถูกต้องทั่วถึง พระศาสนาก็จะมั่นคงขึ้นได้ ทั้งนี้เพราะเหตุที่บ่อนเบียดพระศาสนาให้เศร้าหมองนั้น มักจะมาจากการกระทำของชาวพุทธผู้ไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่ปฎิบัติตามธรรมะนั่นเองเป็นสำคัญ..”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น