วันที่ 3 ส.ค.2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “วิพากษ์&เสนอแนะ นโยบายรัฐบาลประยุทธ์ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และการป้องกันผลกระทบจากสงครามการค้าโลก ทำได้จริงหรือภาพลวงตา” จัดโดย สภาที่ 3 ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ว่า รู้สึกเป็นห่วงเศรษฐกิจของไทยในปีนี้อย่างมาก เพราะสัญญาณเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันยังแย่ถึงแย่มาก การขยายตัวในไตรมาสที่สองที่จะประกาศกลางเดือนนี้ น่าจะออกมาแย่มากพอๆกับไตรมาสแรก แต่ที่น่าตกใจและประหลาดใจอย่างมาก คือ พลเอกประยุทธ์ ที่พึ่งแสดงความไม่รู้เรื่องทางเศรษฐกิจในการอภิปรายนโยบายกลับกล้ารับตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หลังจากที่เป็นนายกฯ ควบ รมว. กลาโหม ดูแลตำรวจ และ ดีเอสไอ แล้ว และยังปล่อยให้เกิดระเบิดใน กรุงเทพ 5 แห่งในเวลาใกล้กันได้ และยังจะมาดูแลเศรษฐกิจที่ไม่ถนัดอีก ซึ่งจะยิ่งทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจปีนี้ทำให้สงสัยว่าเศรษฐกิจจะดีได้อย่างไร ทั้งนี้เชื่อว่าการที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ผลักดันให้พลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแทนตัวเอง มีเหตุผล 2 ประการ ดังนี้
1. นายสมคิดน่าจะทราบดีว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อย่างไรก็ย่ำแย่ การตั้งพลเอกประยุทธ์เท่ากับเป็นการปัดความรับผิดชอบในความล้มเหลวทางเศรษฐกิจในปีนี้ให้กับพลเอกประยุทธ์ และเมื่อพลเอกประยุทธ์ล้มเหลวก็ต้องขอร้องนายสมติดให้กลับมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแทนตน
2. นายสมคิดทราบดีว่าไม่สามารถคุม รองนายกฯ และ รมต เศรษฐกิจ จากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นได้ ขนาดช่วง 5 ปีที่คุมได้หมดยังทำเศรษฐกิจล้มเหลว นี่คุมไม่ได้เลยจะยิ่งล้มเหลวเข้าไปใหญ่ จึงอาศัยพลเอกประยุทธ์เข้ามาช่วยคุมและสั่งการ รมต. ต่างพรรคแทน แต่พลเอกประยุทธ์จะไม่เข้าใจว่าต้องสั่งอะไร สั่งอย่างไร เพื่อให้เกิดผลในภาพรวมเช่นไร ในที่สุดแล้ว ก็จะล้มเหลวอย่างหนัก และ ต้องรับผิดชอบเต็มๆ เพราะเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวยและเศรษฐกิจไทยก็แย่มาตลอด 5 ปีอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ต่างกับที่นายอุตตมพูด
นอกจากนี้ การที่นายสมคิดอภิปรายในสภาซึ่งฟังแล้วเหมือนจะดี คล้ายว่าความผิดพลาดล้มเหลวทั้งหมดในปัจจุบันเกิดจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ทั้งๆที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำมา 5 ปีแล้ว แต่ไม่มีผลงานอะไร และ พูดเหมือนว่าได้วางรากฐานไว้แล้วทั้งๆที่ไม่ได้สร้างรากฐานอะไรไว้เลย เอาเรื่องที่ยังไม่เกิดมาเป็นผลงาน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นความล้มเหลวทั้งหมด จึงอยากให้ข้อคิด 8 ประเด็นดังนี้
1. การที่นายสมคิดบอกว่าสามารถทำเศรษฐกิจของประเทศเติบโต มาทุกปี จาก 1% มา 3% มา 3.3 มา 3.8 จนมา 4% แต่ ปีนี้จะทรุดอีก ซึ่งใช้เวลาถึง 5 ปี ซึ่งเป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพมาก และ เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำที่สุดในอาเซียนมาตลอด เหมือนอยู่ในภาวะกบต้ม แต่นายสมคิดกลับกล้านำมาเป็นผลงาน ความจริงคือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต้องฟื้นแบบก้าวกระโดดเช่น ในปี 54 ที่เศรษฐกิจโตเพียง 0.1 % เพราะน้ำท่วมใหญ่ แต่พอปี 55 กลับโตได้ถึง 7.2 % เป็นต้น หรือ ในสมัย รัฐบาลอภิสิทธิ์ช่วงวิกฤตการณ์แฮมเบอเกอร์เศรษฐกิจติดลบ 2.3% แต่อีกปีถัดมาก็โตได้ 7.5% ไม่ได้โตแบบซึมๆเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา และยังกล้านำมาโม้อีก
2. ตามที่นายสมคิดได้โทษรัฐบาลก่อนหน้านี้ ทำเศรษฐกิจไทยปี 2556 โตได้เพียง 2.9% ปี 2557 โต 1% ในไตรมาสแรกปี 2558 ติดลบ 4% แต่นายสมคิดไม่ได้บอกว่าสาเหตุหลักของเศรษฐกิจตกต่ำมาจากการประท้วงปิดบ้านปิดเมือของของ กปปส. ซึ่งนำมาสู่การปฏิวัติ จึงทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ เพราะถ้าไม่ประท้วงเศรษฐกิจจากปี 2555 ที่โตได้ถึง 7.2% จะส่งโมเมนตัมให้ปี 2556 โตได้ 4% และ ปีต่อๆมาน่าจะโตได้ 4-5 % เป็นอย่างตำ่ ไม่ใช่ 2-3% เหมือน 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากโยงไปถึงการอภิปรายในสภาที่เผยกันว่ามี การเตรียมการกันมา 3 ปีแล้ว อีกทั้ง แกนนำ กปปส. ก็ได้เป็น รัฐมนตรีกันหลายคน ใน ครม. นี้ ก็คงน่าจะพอบอกได้ว่าใครควรรับผิดชอบกับเศรษฐกิจที่ตกต่ำในช่วงนั้น
3. นายสมคิดอ้างว่าการส่งออกไทยตกต่ำมาตลอด เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ดี ซึ่งไม่จริง ตอนเศรษฐกิจโลกดีเศรษฐกิจไทยก็ไม่ดี ขยายตัวต่ำมาตลอด ส่งออกย่ำแย่มาตลอด ในขณะที่ประเทศในอาเซียนโดยเฉพาะเวียดนามกลับขยายการส่งออกได้มากมาตลอด ซึ่งขึ้นกับการบริหารของรัฐบาลมากกว่า 5 ปี ส่งออกไทยโตเฉลี่ยเพียงปีละ 2 % กว่าเท่านั้น
4. นายสมคิดอ้างว่านักลงทุนไทยไม่ลงทุนเพราะความเสี่ยงทางการเมือง ความจริงคือไม่เฉพาะแต่นักลงทุนไทยเท่านั้น นักลงทุนต่างประเทศก็ยิ่งไม่ลงทุน สิ่งที่นายสมคิดไม่พูดถึงคือ ความเสี่บงทางการเมืองนี้เกิดมาจากการทำปฏิวัติรัฐประหารใช่หรือไม่ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่การแข่งขันของไทยลดต่ำลงตามการประเมินของ WEF ซึ่งการปฏิวัตินี้ใครเป็นคนทำ นอกจากนี้ การลงทุนใน EEC ยังอยู่ในระดับที่ต่ำมากไม่ได้มากจริงอย่างที่โม้ อยากให้นายสมคิดได้เปิดเผยตัวเลขการลงทุนที่แท้จริงในแต่ละปีทั้งหมด
5. การที่นายสมคิดพูดเหมือนดูถูกคนจนว่าคนจนเห็นอะไรก็คว้าแล้ว เพราะคิดแบบนี้ใช่หรือไม่ ถึงตลอด 5 ปี รัฐบาลถึงทำให้ประชาชนลำบากและยากจนอย่างมากและพึ่งมาแจกเงินผ่านบัตรคนจนก่อนเลือกตั้งไม่นาน เพื่อหวังให้ประชาชนเลือกพรรคที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ อีกทั้งต้องการทำให้คนจนมากๆ เพื่อให้สามารถซื้อเสียงได้ใช่หรือไม่ เพราะสมัยเศรษฐกิจดีงานวิจัยบอกว่าซื้อเสียงไม่มีผลต่อการเลือกตั้ง
6. การที่นายสมคิดอ้างว่าไม่ได้ช่วยคนรวยเพราะคนรวยรวยอยู่แล้ว แต่ความจริงคือตลอด 5 ปีนี้ คนรวยของไทยรวยขึ้นไปอีกคนละหลายแสนล้าน จากการรายงานของนิตยสารฟอร์ป ในขณะที่คนจนจนลงมาก จนทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ของความเหลื่อมล้ำ นายสมคิดจะอธิบายได้อย่างไร
7. การที่นายสมคิดอ้างว่าต่างประเทศจัดอันดับไทยดีขึ้น ก็อยากให้นานสมคิดได้ดูว่าอันดับที่ดีขึ้นนั้นดีกว่าสมัยก่อนการปฏิวัติหรือไม่ เช่น อันดับความสะดวกที่คุยนักคุยหนาว่าดีขึ้นอยู่ที่ 27 แต่ก่อนปฏิวัติอยู่ที่ 18 เป็นต้น อีกทั้ง อยากให้พูดถึงหลายองค์กรหลักต่างประเทศที่จัดอันดับไทยแย่ลงด้วย และ หลายสื่อหลักต่างประเทศที่วิจารณ์ไทยอย่างหนักด้วย เช่น วิจารณ์ไทยย้อนหลัง 30 ปี และ บอกไทยเป็นคนป่วยของอาเซียนและจะป่วยหนัก
8. นายสมคิด บอก ที่ประเทศมีปัญหาเพราะเอาชนะกันมากไป ต้องถามว่าใครเอาชนะมากไป ตลอด 10 กว่าปีนี้ ใครทำทุกวิถีทางที่จะชนะ ทั้งปฏิวัติ และ ทั้งร่างรัฐธรรมนูญแปลกประหลาดที่ใช้กันอยู่ ขนาดดิ อิโคนอมิสต์ ยังบอกพลเอกประยุทธ์บิดทุกกฏหมายเพื่อสืบทอดอำนาจ และ ที่สำคัญคืออยากถามนายสมคิดว่า ตามข้อมูลที่ได้รับมา จริงหรือไม่ที่นายสมคิดเป็นคนไปบอกพลเอกประยุทธ์ให้เรียกนายพิชัย ไปกักตัว 7 วันในปี 2558 เพราะห่วงว่านายพิชัยจะพูดความจริง ทางเศรษฐกิจะทำให้ประชาชนไม่เชื่อถือนายสมคิด ถ้าเป็นจริง ก็อยากถามว่าใครกันแน่ที่เอาชนะมากเกินไป โดยไม่ดูความเสียหายของประเทศ
"นี่เป็นแค่บางเรื่องเท่านั้น หากจะเอาทุกเรื่องที่พูดไม่หมด หรืออาจจะไม่ตรงความจริงยังมีอีกมาก ดังนั้นจึงอยากให้นายสมคิดได้พูดให้ครบ และอยากให้ประชาชนได้พิจารณาทุกด้านอย่างเชื่อแค่ลีลาและท่าทางการพูดโดยไม่พิจารณาความจริงว่าเศรษฐกิจไทยล้มเหลวมา 5 ปี และยังไม่มีทิศทางที่จะดีขึ้นได้อย่างไร" นายพิชัย ระบุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น