วันที่ 2 ส.ค.2562 ที่โรงแรมอิสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์การเภสัชกรรม และภาคีเครือข่ายการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ได้จัดงานสัมนาเชิงปฏิบัติการวิจัย เรื่อง Mapping the Thai Approach มุมมองหลากมิติของการกำหนดทิศทางกัญชาทางการแพทย์ มีผู้บริหารจากกระทรวงสาธารณสุข ร่วมงานจำนวนมาก อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์พิศิษ ฐ์ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิสงค์, นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม, นายแพทย์โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม และ ดร.ภก.อนันต์ชัย อัศวเมฆิน จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทย มีองค์ความรู้ทางกัญชาเป็นของตัวเอง เพราะรู้จักกัญชามาหลายร้อยปีแล้ว แต่วันหนึ่ง เมื่อกัญชากลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย องค์ความรู้ทั้งหลายก็ลบเลือนไป การใช้กัญชา กระทำอย่างหลบซ่อน ขณะเดียวกัน ในหลายประเทศ กลับพยายามนำกัญชามาใช้ประโยชน์ สกัดสารต่างๆ มาใช้ทางการแพทย์ จึงต้องตระหนักว่าประเทศไทย ก็มีของดี สมควรนำมาใช้ให้เกิดคุณค่า
การดำเนินนโยบายเรื่องนี้ มีความเสี่ยง แต่เชื่อเสมอว่าถ้าตั้งใจทำประโยชน์ อย่างบริสุทธิ์ใจ ย่อมไม่มีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการช่วยมนุษย์ ยิ่งสมควรทำ ล่าสุด มีผู้เชี่ยวชาญจากต่าวชาติมาคุยด้วย มีความสงสัยว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนต่างชาติ ขอย้ำว่า ผู้ที่มาหารือด้วย เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กัญชา ซึ่งประเทศไทยต้องการความรู้ในเรื่องดังกล่าว ถ้าเขาจะมาค้าขาย ก็ต้องซื้อของคนไทย จากคนไทย ให้ประโยชน์ตกแก่คนไทยเป็นลำดับแรก เพราะนโยบายคือ Thailand First ซึ่งถือเป็นหลักการที่สำคัญมาก ในอนาคต กัญชานอกจากเป็นยา และยังเป็นรายได้เสริมให้กับครัวเรือนด้วย
นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายให้ประชาชนปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น ว่า ต้องเกิดแน่นอน แต่ขอให้นโยบายทางการแพทย์สำเร็จก่อน ที่ตนให้นโยบายคือโรงพยาบาลในเครือของกระทรวงสาธารณสุข ต้องใช้กัญชารักษาผู้ป่วยได้ แต่จะมาถึงจุดนั้น ต้องมีผลการศึกษายืนยัน ว่ากัญชามีประสิทธิภาพทางการแพทย์ เมื่อใช้แล้ว อาการต้องไม่ทรุด
การวิจัยหาประสิทธิภาพของกัญชา ทางกระทรวงสาธารณสุขมีโครงการกัญชา 1 ล้านขวด กำลังเร่งให้ภาครัฐผลิตกัญชามาใช้กับผู้ป่วยที่เข้าโครงการ ทั้งนี้ การปลูกต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดจากทางภาครัฐ เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพ ซึ่งทางปลัดกระทรวงยืนยันว่าทำได้ เพราะตัวเลข 1 ล้านขวดอาจจะมาก แต่จริงๆแล้ว คือ 5 หมื่นลิตร คิดว่าไม่เกินกำลัง ระหว่างใช้กัญชารักษาโรคจะบันทึกผลการรักษาไว้ด้วย
เมื่อผลการศึกษามาเป็นบวก สังคมยอมรับเรื่องกัญชาทางการแพทย์ คนไทยจะเปิดรับกัญชามากขึ้น มีความรู้มากขึ้น
เรื่องกัญชา 6 ต้นจะเกิด เมื่อคนไทยมีวินัย และมีความรู้อย่างเหมาะสม ถ้าปล่อยเสรีไปตอนที่ยังไม่มีความรู้ แล้วเกิดพกพาน้ำมันกัญชาขณะเดินทางไปมาเลเซีย หรือสิงคโปร์ โดยที่ไม่รู้ว่ามีโทษถึงประหารชีวิต อะไรจะตามมา
“นโยบายกัญชา เป็นเรื่องใหม่ แม้จะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ แต่ก็อ่อนไหวมาก มีทั้งคนเชียร์ และคนค้าน คนรู้ และคนไม่รู้ จำเป็นต้องเดินหน้าอย่างมีขั้นตอน ถ้าเกิดทำผิด ทำพลาด นโยบายอาจจะล้มในที่สุด”
นายอนุทิน เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้า จะมีการคืนสถานะหมอพื้นบ้าน ที่เคยได้รับการรองรับมาก่อนหน้านี้ แต่ด้วยประกาศบางฉบับ ทำให้สถานะเหล่านั้นหายไป ล่าสุด มีการหารือเรื่องคืนสถานะ ให้คนที่เคยเป็นหมอพื้นบ้าน ต้องเอาใบรับรองจากนายแพทย์สาธสรณสุข จังหวัดมายืนยัน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน เลยสั่งการให้ต่ออายุได้เลย เป็นงานภายใต้ความรับผิดชอบของกรมการแพทย์แผนไทย สัปดาห์หน้า จะทยอยรับรองสถานะของหมอพื้นบ้าน ให้สามารถจ่ายยาได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น