วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ศ.ดร.กำพล ปัญญาโกเมศ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวถึงนโยบายเปลี่ยนวิถีชีวิตเกษตรกรไทย เพื่อนำไปสู่การสร้างอนาคตเกษตรกรไทยว่า วันนี้ การปฏิรูปคงไม่พอสำหรับภาคการเกษตร แต่ต้องปฏิวัตินโยบายภาคการเกษตร ที่ออกแบบนโยบายโดยมองจากปัญหาของเกษตรกรเป็นศูนย์กลาง (Farmer Centric Policy) และต้องเป็นนโยบายที่มีเป้าหมายในการเพิ่มเงินได้สุทธิ (Gross Domestic Income: GDI) ของเกษตรกร ว่าเกษตรกร ทำเกษตรกรรมแล้วหลังหักต้นทุน ต้องมีเงินได้สุทธิเท่าไร ถึงสามารถปลดหนี้ มีเงินเหลือเพียงพอ ที่จะทำให้เกษตรกรและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ตนมองว่าสถานการณ์ของภาคการเกษตรมีความย้อนแยังกันมาก โดยด้านหนึ่งประเทศไทยเป็นแชมป์การส่งออกข้าว ขณะที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกลับติดกับดักปัญหาหนี้สินสืบทอดกันมาทุกช่วงอายุเหมือนมรดกบาป ซึ่งทำให้ตนเกิดคำถามว่า ภาครัฐจะภูมิใจไปทำไมว่าประเทศไทย เป็นแชมป์ส่งออกข้าว แชมป์ส่งออกยาง ในเมื่อเกษตรกรไทยยังเป็นหนี้เป็นสิน ในเมื่อเกษตรกรรมไทยยังเป็นอาชีพที่ผลตอบแทนต่ำแต่ความเสี่ยงสูง ในเมื่อเกษตรกรไทยยังต้องส่งลูกหลานไปทำงานในเมืองใหญ่ เพื่อส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวเพื่อใช้หนี้เกษตรกร
ศ.ดร.กำพล กล่าวต่อว่า แนวทางการแก้ปัญหาหลักของเกษตรกรต้องมี 3 น. ได้แก่ หนี้ น้ำ และ หนังสือเอกสารทำกิน ซึ่งหนี้สินเกษตรกร ณ ปี 2564 ยอดกว่า 6 แสนล้านบาท โดยค่าเฉลี่ยต่อครัวเรือนรายภาค ณ ปี 2564 ได้แก่ กรุงเทพ 96,610 บาท ภาคกลาง 346,267 บาท ภาคเหนือ 313,752 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 264,471 บาท ภาคใต้ 395,112 บาท
ขณะที่น้ำ: 58% ของพื้นที่ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำเพื่อการการเกษตร และสุดท้ายหนังสือเอกสารทำกิน: 40% ของครัวเรือนเกษตรกร ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน ต้องเช่าที่ดินเพื่อทำการเกษตร
ทั้งนี้ พรรคสร้างอนาคตไทย มองว่าแนวทางสำคัญในการสร้างอนาคตให้เกษตรกรไทย ต้องมุ่งเน้นการใช้องค์ความรู้จากศาสตร์พระราชา ปราชญ์ชาวบ้าน เกษตรผสมผสาน ผนวกกับส่งเสริม AgriTech Startup ให้นำองค์ความรู้ด้าน Big Data, Data Analytics, AI, Digital Technology รวมถึงนวัตกรรมด้านการเงิน มาออกแบบนโยบายด้านการเกษตร เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร เพื่อเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย ลดความเสี่ยง เพิ่มโอกาสการเข้าถึงสิทธิในที่ดินทำกิน รวมถึงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร โดยมุ่งเพิ่มเงินได้สุทธิของเกษตรกรไทย และพัฒนาภาคการเกษตรของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ซึ่งแนวคิดดังกล่าว พรรคจะขับเคลื่อนภายใต้นโยบายตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย 3 แสนล้านบาท ซึ่งกองทุนนี้สามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาหนี้ ทั้งการพักหนี้และเติมทุน เพื่อต่อลมหายใจให้กับเกษตรกร รวมถึงการส่งเสริมเกษตรกรในด้านต่างๆ ทั้งด้านส่งเสริมองค์ความรู้ การเข้าถึงเทคโนโลยีและปัจจัยการผลิตผ่านระบบเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) การสร้างบ่อน้ำเพื่อการเกษตร เป็นต้น เพื่อทำให้เกษตรกรสามารถยืนด้วยขาของตัวเอง
ด้านการลดต้นทุนและสร้างรายได้เสริม ทางพรรคสร้างอนาคตไทย มีนโนยาย 4 โซลาร์ ประกอบด้วย 1.โซลาร์รูฟท็อป ที่สามารถสร้างรายได้และลดรายจ่ายให้เกษตรกร 2.โซลาร์ฟาร์มบนมิติโรงไฟฟ้าชุมชน ที่สามารถผสมผสานพลังงานเกษตรและแสงอาทิตย์ 3.โซลาร์สูบน้ำบาดาลทั่วทั้งประเทศ ทำให้เกษตรกรมีน้ำเพื่อการเกษตรด้วยแสงอาทิตย์ และ 4.โซลาร์ลอยน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพและความมั่งคงด้านพลังงานของประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น