วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2565

"มูลนิธิชัยพัฒนา-กปร."เซ็น MOU ขยายผลองค์ความรู้ศาสตร์พระราชาสู่เยาวชน ในงาน SX 2022 ศูนย์สิริกิติ์

เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2565  ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  วันแรกของงาน Sustainability Expo 2022 หรือ SX 2022 มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่สุดในอาเซียน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  ระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2565 โดยเวลา 11.00 น. สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการขยายผลองค์ความรู้โครงการตามแนวพระราชดำริสู่เยาวชน เพื่อให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปสามารถนำองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ มาปรับเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินชีวิตให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น และส่งมอบรถโมบายล์ เพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนที่อยู่ห่างไกลได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาโครงการในพระราชดำริ


การลงนามดังกล่าว มี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา พร้อมด้วย นายลลิต ถนอมสิงห์ เลขาธิการ กปร. นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ สพฐ. และ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไทยเบฟเวอเรจ เป็นผู้แทนจากแต่ละหน่วยงาน ร่วมลงนาม MOU ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้ร่วมจัดทำโครงการดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลได้มีความรู้ความเข้าใจในแนวพระราชดำริ ด้วยการเชื่อมโยงองค์ความรู้การพัฒนาจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สังเคราะห์ให้สอดคล้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ได้รับความรู้ในรูปแบบ Play and Learn


ความร่วมมือนี้ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา จะสนับสนุน แนะนำ การจัดทำองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ประสานงานเครือข่ายในการจัดทำองค์ความรู้ และขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่โครงการ ขณะที่ สำนักงาน กปร. จะกำหนดและกำกับการนำเสนอองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ เพื่อจัดทำสื่อการเรียนการสอน พร้อมทั้งสนับสนุนข้อมูล ให้คำแนะนำ ในการจัดทำสื่อองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ


สพฐ. จะเผยแพร่สาระความรู้และขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริไปสู่โรงเรียนในสังกัด รวมถึงขยายผลองค์ความรู้ไปยังโรงเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่ง ศูนย์สาขา โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล และโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ รวมถึงกำกับดูแลการจัดการเรียนการสอน พัฒนาศักยภาพครูผู้สอนและนักเรียน ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ ตลอดจนติดตามและประเมินผลการถ่ายทอดองค์ความรู้


ไทยเบฟเวอเรจ จะสนับสนุนการจัดทำสื่อองค์ความรู้ ผลิตสื่อ อุปกรณ์ ในการเผยแพร่องค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ รวมถึงสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการผลิตสื่อ อุปกรณ์สำหรับครูและนักเรียน พร้อมสนับสนุนการขยายผลองค์ความรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ เพื่อบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ในโรงเรียนเครือข่ายที่ทำงานร่วมกับไทยเบฟเวอเรจ โดยผลิตสื่อและอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเรียนรู้ได้ตามยุคสมัย บรรจุในรถยนต์ (Mobile Unit) ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ห่างไกลได้ง่ายขึ้น


เลขาธิการ กปร. ในฐานะแกนหลักในการดำเนินโครงการ เผยว่า ความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงานครั้งนี้ มีเป้าหมายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้โครงการตามแนวพระราชดำริ มีกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ โรงเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่ง และศูนย์สาขา โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงเยาวชนและประชาชนทั่วไปที่อยู่ในเขตพื้นที่โรงเรียน ที่มีการจัดทำโครงการความร่วมมือเพื่อการขยายผลองค์ความรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เข้ามาเรียนรู้ร่วมกันเพิ่มมากขึ้น


ภายใต้กรอบความร่วมมือระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี ทั้ง 4 หน่วยงานจะร่วมกันพัฒนาสื่อ องค์ความรู้ผลิตสื่อ และอุปกรณ์ ในการเผยแพร่ขยายผลองค์ความรู้โครงการตามแนวพระราชดำริไปสู่โรงเรียนในกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ของโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


เลขาธิการ กปร. กล่าวว่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,000 โครงการ ก่อกำเนิดขึ้นตามแนวพระราชดำริ ใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง


"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 6 แห่ง ที่ได้จัดตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริ เพื่อเป็นแหล่งทำการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย วิธีการพัฒนาด้านต่างๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับภูมิสังคมที่แตกต่างกัน ความรู้ผลิตสื่อ และอุปกรณ์ ในการเผยแพร่ขยายผลองค์ความรู้โครงการตามแนวพระราชดำริไปสู่โรงเรียนในกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ของโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


เลขาธิการ กปร. กล่าวว่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,000 โครงการ ก่อกำเนิดขึ้นตามแนวพระราชดำริ ใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง


"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 6 แห่ง ที่ได้จัดตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริ เพื่อเป็นแหล่งทำการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย วิธีการพัฒนาด้านต่างๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับภูมิสังคมที่แตกต่างกัน


"ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงเปรียบเสมือน'พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต' และ 'ต้นแบบ' ของความสำเร็จ ที่จะเป็นแนวทางและตัวอย่างให้พื้นที่อื่นๆ ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่จริงได้" นายลลิตกล่าว พร้อมเผยว่า


ด้วยเหตุนี้ ทั้ง 4 หน่วยงาน จึงรวมพลังเพื่อขับเคลื่อนขยายผลองค์ความรู้ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามพระราชปณิธานใน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต


SX 2022 จัดโดย 5 องค์กรชั้นนำด้านความยั่งยืนของไทย ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ จีซี, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 100 องค์กร และวิทยากรผู้เชี่ยวชาญกว่า 100 รายจากทั่วโลก นำเสนอประเด็นเรื่องความยั่งยืน ผ่านนิทรรศการ 7 โซนหลัก เวทีเสวนา เวิร์กช็อป ฯลฯ โดยมุ่งหมายให้เป็น 'collaboration platform' ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมทั้งไทยและต่างประเทศ เครือข่าย Thailand Supply Chain Network (TSCN) และสถาบันการศึกษา ได้มาพบปะพูดคุย ร่วมกันพัฒนาสังคมในภาพรวม พร้อมเดินหน้าเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจังต่อเนื่อง


ติดตามรายละเอียดงาน SX 2022 ได้ทางเฟซบุ๊กhttps://www.facebook.com/SX.SustainabilityExpo/ และเว็บไซต์ https://sustainabilityexpo.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การวิเคราะห์ “มหาวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์

  การวิเคราะห์ “มหาวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พร...