วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ถกสันติภาพกรุงโซลนำวิปัสสนาเป็นฐานสร้างเมตตาธรรม

เจ้าคุณสวีเดนผงาดกลางงานสันติภาพกรุงโซล เกาหลีใต้ ฐานะเป็นผู้นำตัวแทนองค์กรสันติภาพทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและจากทวีปยุโรป นำวิปัสสนาเป็นฐานสร้างเมตตาธรรมอภัยให้แก่กันเป็นฐานสร้างสันติภาพ


ระหว่างวันที่ 10-14 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 มีการประชุมผู้นำศาสนาเพื่อสันติภาพ Interreligious Leadership Conference ที่ World cup stadium และLotte Hotel กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีพระวิเทศปุญญาภรณ์ (เจ้าคุณสวีเดน) ทูตสันติภาพ  เลขานุการสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ได้เข้าร่วมประชุมด้วยในฐานะเป็นผู้นำตัวแทนองค์กรสันติภาพทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและจากทวีปยุโรป ขณะที่ประเทศไทยนั้นได้มีผู้ตัวแทนทั้งจากศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลามเข้าร่วม


การประชุมเริ่มขึ้นด้วยกาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อนสันติภาพ ตามด้วยการอ่านสารจากผู้นำสำคัญๆ  ทุกวงการที่เข้าร่วมประชุมทั้งผู้นำศาสนาและอดีตนักการเมือง และผู้แทนจากรัฐบาล ทั้งนี้พระวิเทศปุญญาภรณ์  ได้นำเสนอบทความต่อที่ประชุมความว่า

     
"โลกที่มีการแข่งขันในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดของทุกมนุษย์ ต่างคนต่างมองเรื่องของตนเป็นหลัก จึงทำให้มนุษย์เริ่มเห็นแก่ตัวมากขึ้น โลกเริ่มร้อนขึ้นทุกๆวัน ตราบใดที่คนต่างคิดต่างทำต่างมองเอาเรื่องส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ทำให้มนุษย์เกิดความโลภ โกรธ หลง จนแทบจะมองไม่เห็นว่าผิดถูกตรงไหน สุดท้ายทำความชั่วโดยมิเกรงว่าคนอื่นจะเดือนร้อนหรือไม่
     

หากปล่อยให้โลกเราเป็นไปอย่างนี้ จะทำให้ผู้นำทุกระดับชั้นหลงอำนาจจนลืมตัวและมองไม่เห็นอะไรผิดถูก ขาดจริยธรรม ขั้นพื้นฐานของทุกศาสนา ดังนั้น เราจึงต้องกลับมาคิดและหันหน้าเข้าหากันโดยทิ้งประโยชน์ตน ไว้ภายหลังใช้หลักเมตตาธรรมนำหน้า การมุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลักยอมอภัยให้แก่กัน และต้องยอมรับที่จะทำความดีร่วมกัน ยอมรับการเปลี่ยนเปลงที่จะเกิดขึ้นแบ่งปันกันอยู่ให้มีความเสมอภาคช่วยกันกำจัดความทุกข์ยากลำบากหิวโหยให้มนุษย์ชาติมีสวัสดิภาพสวัสดิการพื้นฐานเท่าเทียมกันให้โลกเกิดสันติภาพอย่างยั่งยืน
 

สงครามอาจจะเกิดขึ้นอีกไม่นานถ้าผู้นำขาดเมตตาธรรม หรือคิดที่เอาเอาชนะการด้านอาวุธ อำนาจการเมือง เราต้องยอมรับความจริงว่าเราไม่อาจจะปฏิเสธเรื่องเทคโนโลยีที่ไปไกลเกินกว่าที่จะหยุดยั่งไว้ได้ และมีคนจำนวนมากที่ไม่อาจตามทัน แต่สิ่งที่เราจะหยุดได้คือใจเรา สิ่งสำคัญคือการสร้างสันติภาพให้เกิดที่ใจให้ได้แล้วโลกจะเกิดสันติภาพแบบยั่งยืน ให้มนุษยชาติอยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพ ภราดรภาพ โดยมิจัดกันเชื้อชาติและศาสนา เพราะสุดท้ายแท้ที่จริงทุกคนเกิดมามีความเสมอกันแต่ต้นจนสุดท้านคือความเป็นอนัจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่คือหลักธรรมชาติและเป็นไตรลักษณ์ที่คู่กับโลกนี้ตราบชั่วนิจนิรันดร์
     

ขอให้การประชุมผู้นำศาสนาและสันติภาพครั้งนี้จนสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทุกประการ และขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมประชุมและมอบรางวัลสันติภาพ  ในงานworld peace 2018 ในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การวิเคราะห์ “มหาวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์

  การวิเคราะห์ “มหาวรรค” ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 14 อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ ในปริบทพุทธสันติวิธี บทนำ พร...