วันที่ 22 สิงหาคม 2562 ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข จ. นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานแถลงนโยบายการพัฒนาสมุนไพรไทยสร้างเศรษฐกิจชาติ ในโครงการ นำสมุนไพรไทยคุณภาพสู่ตลาดโลก (Thailand kiss the world)
มีนายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และภาคีเครือข่าย เข้าร่วม พร้อมกับผู้แทนจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, กรมการค้าภายใน, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, กลุ่มผู้ประกอบการ อาทิ ผู้บริหารบริษัทคิงเพาเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, ผู้บริหารซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
นายอนุทิน กล่าวว่า สมุนไพรของไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล เวลาไปต่างประเทศ อดปลื้มไม่ได้ เป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยในปีที่ผ่านมาตลาดสมุนไพรของประเทศไทยมีการเติบโตมากกว่าร้อยละ 30 เป้าหมาย ณ ปัจจุบัน คือต้องส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เป็นที่ 1 ในอาเซียน จำเป็นต้องได้รับการร่วมมือจากหลายภาคส่วน
ในส่วนของฝ่ายราชการก็ต้องทำงานให้เร็ว อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ เมื่อขอให้ออกใบอนุญาต ต้องเร่งตรวจสอบ ถ้าไม่มีอันตราย ต้องรีบออกใบอนุญาตให้แล้วเสร็จโดยไว ได้ใน 1 วันยิ่งดี เพราะการทำธุรกิจ ต้องใช้ความเร็ว หากผู้ประกอบการเดินหน้ากิจการได้เร็ว ขายของได้มาก ก็มีเงินมาจ่ายภาษี รัฐจะได้นำเงินนั้น ไปพัฒนาประเทศ สำหรับคนไทย ก็ต้องช่วยกันสนับสนุนของไทย เริ่มจากใช้สมุนไพรไทยก่อนเลย ส่วนผู้ประกอบการ ขอให้ช่วยนำของไทยเข้าไปขายในร้านค้าของท่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงแผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรแห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2560-2564) แผนดังกล่าวกำหนดเป้าหมายให้เพิ่มมูลค่าการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพร 1 เท่าตัวจาก 180,000 ล้านบาท เป็น 360,000 ล้านบาท และเป็นผู้นำการส่งออกสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ปัจจุบันตลาดสมุนไพรในโลกมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ มีการขยายตัวและได้รับความนิยมสูงคืออาหารเสริมและเวชสำอางค์
ในปี 2561 ไทยมีมูลค่าการบริโภคสมุนไพร 280,168 ล้านบาท ส่งออก 2,241 ล้านบาท ถูกจัดให้มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจด้านสมุนไพรสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก มีขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมจากตลาดโลก คิดเป็นมูลค่าการตลาดประมาณ 570 ล้านเหรียญ หรือมากกว่า 18,340 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น