เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2562 ที่จังหวัดขอนแก่น มีการประชุมวิชาการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย (National Health R2R Forum) โดย พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital transformation) เข้าร่วมบรรยายในหัวข้อ “ก้าวกระโดดทางการแพทย์ในยุค5G”
พ.อ.ดร.เศรฐพงค์ กล่าวว่า ในยุคการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องมีผลต่อวงการแพทย์และสาธารณสุขด้วย เพราะเทคโนโลยี 5G ที่เข้ามาสู่สังคมไทยนั้น จะทำให้พลิกโฉมวงการแพทย์ การรักษา สาธารณสุข แบบหน้ามือเป็นหลังมือ เนื่องด้วยความเร็วในการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วกว่ายุค 3G 4G อย่างมาก ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาทางไกล การส่งเสริมข้อมูลด้านการแพทย์ทำได้สมบูรณ์แบบ จะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศให้เข้าถึงการรักษาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น แน่นอนว่าพรรคภูมิใจไทยเองที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคฯ ที่สำคัญยังได้ดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญและกำชับให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเป็นลำดับต้นๆ กับนโยบายเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะนำมาใช้ทางการแพทย์ และท่านรัฐมนตรีฯ ได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งเรามีนโยบายพัฒนาและยกระดับความรู้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้เป็นหมอประจำบ้าน โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารทางการแพทย์ หรือโทรเวชกรรม (Telemedicine) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้ง่ายรวดเร็วขึ้น และเป็นการแก้ปัญหาผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลอีกด้วย
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมามีความคืบหน้าไปอีกขั้นกับความพยายามผลักดันเทคโนโลยีสื่อสารความเร็วสูงมาใช้กับวงการแพทย์ โดยเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 ได้มีการทำบันทึกความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) กับ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เรื่อง การกำหนดแนวทางการพัฒนาและการประยุกต์ใช้งานบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชนบท (Telehealth) เพื่อเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพในการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อปรับปรุงการให้บริการสุขภาพ การบริหารจัดการสุขภาพ และการสื่อสารด้านสุขภาพ โดยทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาและประยุกต์ใช้ระบบโทรคมนาคมเพื่อการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมมือกันเสนอแนะกำหนดแนวทางงานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขกับโทรคมนาคม เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างประเทศไปสู่สังคมดิจิทัล Thailand 4.0
“การทำบันทึกความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญ ที่หน่วยงานภาครัฐแสดงความจริงใจต่อการทำงานพัฒนาวงการแพทย์และระบบสาธารณสุขของประเทศ โดยมองเป้าหมายผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ แน่นอนว่าพรรคภูมิใจไทยเราไม่นิ่งนอนใจ จะผลักดันนโยบาย Telemedicine อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมให้ได้” พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น