วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562

รมช.พาณิชย์​สั่งใช้แต้มต่อ FTA ดันผลิตภัณฑ์​โคนมไทยบุกตลาดสิงคโปร์​




 "วีรศักดิ์" เผยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศนำสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคแปรรูปไทย เข้าร่วมงานแสดงสินค้า​ที่สิงคโปร์​ กรุยทางใช้ FTA เป็นใบเบิกทางขยายตลาดสินค้ผลิตภัณฑ์​โคนมไทยเจาะกลุ่มผู้บริโภค​ที่มีกำลังซื้อสูง 

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562  นายวีร​ศักดิ์​ หวัง​ศุภกิจ​โกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ความคืบหน้า​ในการดำเนินนโยบายขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยโดยใช้ประโยชน์​จากข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี หรือ FTA ล่าสุดกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้นำคณะสหกรณ์โคนม และผู้ประกอบการนมโคแปรรูปที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ "จัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วย FTA" จำนวน 13 ราย เข้าร่วมชมงานแสดงสินค้า​อาหาร Food Japan ซึ่งงาน Food Japan ดังกล่าว ถือเป็นเป็นงานแสดงสินค้าญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์​ 

โดยผู้ประกอบการ​ที่นำสินค้ามาแสดงในงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสหกรณ์ที่มีการรวมตัวเข้มแข็ง นำเสนอสินค้าพื้นถิ่นของแต่ละชุมชน โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร หรือสินค้าอาหาร และเครื่องดื่ม ที่มีความหลากหลาย ที่สำคัญ​คือมีการใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิต เช่น ผักและผลไม้ออแกนิกส์ ชาเขียวฮาลาล ชีสผสมผลไม้ หรือข้าวสีน้ำตาล (Brown Rice) ที่นำมาผ่านขั้นตอนทำให้กลายเป็นวัตถุดิบที่ในการผลิตสินค้าหลากหลายประเภท เช่น ผงชงดื่มเพื่อสุขภาพ และสาเก เป็นต้น ซึ่งการทึ่กระทรวงพาณิชย์​ไทย โดยกรม​เจรจา​การค้า​ระหว่าง​ประเทศ​ ได้นำตัวแทนสหกรณ์​และผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมชมงาน Food Japan ในครั้งนี้ ก็เป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ทั้งในด้านการผลิตสินค้า การนำ นวัตกรรม​มาใส่ในตัวผลิตภัณฑ์​ รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์​ ที่สวยงามทันสมัย ดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจในสินค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการและตัวแทนสหกรณ์​ไทย ยังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับบริษัทที่นำสินค้ามาจัดแสดงในงานดังกล่าว ทำให้ได้รับประสบการณ์​ใหม่ๆ เกี่ยวกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ให้มีความน่าสนใจ สามารถดึงจุดเด่นของสินค้ามานำเสนอต่อผู้บริโภคได้ ขณะเดียวกัน​ ยังได้รับทราบแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือ เทรนด์ทางการค้า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและสหกรณ์​โคนมไทยเป็นอย่างมาก



ทั้งนี้ ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีอำนาจการซื้อสูง บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพและมีความหลากหลาย และเป็นศูนย์กลางการค้าที่สามารถกระจายสินค้าของไทยไปยังตลาดโลกได้ โดยในช่วงปี 2559-2561 มูลค่าส่งออกนมโคแปรรูปของไทยในภาพรวม มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ช่วง 8 เดือนแรก ของปี 2562 มีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 1,238 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 7.4 สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ โยเกิร์ต บัตเตอร์มิลค์ นมและครีม ตลาดหลักเป็นประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น กัมพูชา (ขยายตัวร้อยละ 17) ฟิลิปปินส์ (ขยายตัวร้อยละ 14) และสิงคโปร์ (ขยายตัวร้อยละ 8) รวมทั้งฮ่องกงและจีน เป็นต้น

"จุรินทร์-เฉลิมชัย" kick off!จ่ายเงินประกันยางทั่วประเทศ




"จุรินทร์-เฉลิมชัย" kick off! จ่ายเงินช่วยประกันรายได้ชาวสวนยาง kick off ส่วนต่างยางพารา วันนี้ทั่วประเทศ 

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562  เวลา 8.30-9.30น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ชี้แจงการจ่ายเงินวันแรก โครงการ ประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง  นายจุรินทร์ กล่าวว่า ถือโอกาส สวัสดีพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศที่มาประชุมกันอยู่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะแห่งนี้ และก็ชาวสวนยางทั่วทั้งประเทศอีกครั้ง วันนี้เป็นวันแรกที่มีการจ่ายเงินส่วนต่างไปถึงมือเกษตรกรชาวสวนยางทุกคนตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล 

โดยนโยบายประกันรายได้ไม่ใช่นโยบายประกันราคาหลายคนยังเข้าใจสับสนที่บอกว่าไม่ใช่เพราะว่าราคานั้นประกันไม่ได้เพราะมันจะขัดกับหลักการขององค์การการค้าโลก WTO ราคาจึงต้องเป็นไปตามกลไกตลาดนั้นก็คือขึ้นอยู่กับผลผลิตถ้าผลผลิตมากความต้องการใช้น้อยราคาก็ต่ำถ้าผลผลิตน้อยความต้องการใช้มากราคาก็สูงขึ้นอดีต และที่ผ่านมาก่อนมีรัฐบาลนี้เกษตรกรชาวสวนยางจะมีรายได้ทางเดียวคือรายได้จากการขายยางตามราคาตลาดซึ่งที่ผ่านมามีปัญหาเพราะราคายางทั่วโลกตกต่ำและเพราะมีผลกระทบกับประเทศไทยด้วยทำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้น้อยลงตรงนี้จึงเป็นที่มาของโยบายรัฐบาลชุดนี้  ที่ได้จัดให้มาโครงการประกันรายได้ขึ้นมา จากนี้ไปเกษตรกรจะมีรายได้ทางที่สองด้วย ก็คือรายได้จากเงินส่วนต่างที่รัฐบาลนี้จะจ่ายให้กับชาวสวนยางทั่วประเทศ ในหนึ่งปีฤดูกาลผลิตเราจะโอนให้ทุกสองเดือน และจะดำเนินการไปเรื่อยเรื่อยตราบเท่าที่ยังมีรัฐบาลชุดนี้ 



การคำนวณการประกันรายได้ให้เอารายได้ที่ประกันเป็นตัวตั้ง รัฐบาลชุดนี้ประกันรายได้ ยางแผ่นดิบคุณภาพดีที่กิโลกรัมละ 60 บาท และน้ำยางสด 57 บาทต่อกิโลกรัม และยางก้อนถ้วยที่ 23 บาทต่อกิโลกรัม โดยยางแผนดิบที่กิโลกรัมละ 60 บาทเป็นตัวตั้งแล้วเอาราคาตลาดเป็นตัวลบ เราประกันรายได้ให้ชาวสวนยางหัวละไม่เกิน 25 ไร่ขึ้นอยู่กับผลผลิตของพี่น้องว่าได้กี่กิโลกรัม และจะเป็นเงินส่วนต่างที่พี่น้องได้รับซึ่งพี่น้องผลิตยางแผ่นดิบชั้นสามประกันรายได้กิโลละ 60 บาทนั้นถ้าพี่น้องมีสวนยาง 25 ไร่พอดี พี่น้องจะได้รับเงินส่วนต่าง 10,515 บาทและในหนึ่งฤดูกาลผลิตจะโอนให้ทุกสองเดือนโดยเงินงวดต่อไป 10,515 บาท สวนยางก้อนถ้วยกรณี 25 ไร่ได้รับ 6,810 บาท และรัฐบาลจะโอนให้ทุกสองเดือนโดยงวดแรกคือวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 งวดต่อไป วันที่ 1 มกราคม 2563 และงวดต่อไปงวดที่3 วันที่ 1 มีนาคม 2563 

และดำเนินการไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่จะมีรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลชุดนี้ถือว่าโยบายประกันรายได้ชาวสวนยางเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อวุฒิสภาและเป็นคำมั่นสัญญาต่อพี่น้องประชาชนชาวสวนยางทั้งประเทศไว้แล้ว เราใช้เวลาแค่ 98 วันก็โอนเงินส่วนต่างได้ทำได้ไวและทำได้จริง 

"สำหรับเกษตรกรบัตรสีชมพูมีสิทธิ์ได้เงินส่วนต่างหรือไม่ ผมถามท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัยตอบว่าได้ครับโดยขออย่างเดียวคือขอให้ปลูกจริง แจ้งจริงว่าปลูกชนิดไหน กี่ไร่ ไม่ใช่ทำยางก้อนถ้วยแต่ไปแจ้งทำยางแผ่นดิบอันนี้ไม่ได้เพราะเงินส่วนต่างไม่เท่ากัน การยางฯจะเข้าไปตรวจสวนจากนั้น ธกส.จะโอนเงินส่วนต่างเข้าบัญชีพี่น้องประชาชน ทำให้พี่น้องมีเงินเข้ากระเป๋าสองด้าน ด้านที่หนึ่งคือการขายได้ตามราคาตลาด และเงินส่วนต่างเข้ากระเป๋าขวา ทำให้มีรายได้สองกระเป๋าและรัฐบาลชุดนี้ยังมีนโยบายเสริมที่ต้องดึงให้ราคายางในประเทศสูงขึ้นด้วย" นายจุรินทร์ กล่าว 

ประการแรก คือ อีก 1 เดือนหน้าพาพี่น้องประชาชนสู่การประเมินสวนยางยั่งยืนคือการที่จะเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนเกษตรกรชาวสวนยางไม่ต้องพึ่งพาต้นยางอย่างเดียวในพื้นที่แต่เปิดโอกาสให้ปลูกพืชแซม นี่คือนโยบายประการที่หนึ่ง ประการที่สอง จะเพิ่มการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น โดย ส่งเสริมให้มีการลงทุนอุตสาหกรรมยางเพื่อมาผลิต ผลิตผลในประเทศมากขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีข่าวดีที่ภาคตะวันออก คือจะมีการตั้งโรงงานขยายการผลิตอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท จะทำยางพาราจะใช้ยางในประเทศมากขึ้น ขายดียิ่งขึ้น

สำหรับภาคราชการจากนี้ไปการยางจะนำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อรายงานให้รัฐมนตรีทราบว่า ที่เคยสัญญาว่าจะนำยางไปทำถนนไปทำสนามกีฬา ทำไปแล้วมากน้อยอย่างไรเพื่อกระตุ้นการใช้ยางภายในประเทศ เราจะได้ราคายางที่ดีขึ้น และกระทรวงพาณิชย์ กำลังดำเนินการที่จะทำอย่างไรให้ยางไทยส่งออกไปตลาดต่างประเทศมากขึ้นภายใต้โดยนโยบายตนและรัฐมนตรีเฉลิม ชัยศรีอ่อน จะให้ฑูตพาณิชย์ทั่วโลก จะต้องช่วยขายยางให้พี่น้องเกษตรกร 

"และที่สำคัญไปผมอินเดียมาเมื่อไม่กี่วันก่อนเราสามารถพานักลงทุนไปเปิดตลาดยางที่อินเดียได้สำเร็จขายยางได้ 100,000 ตัน นำเงินเข้าประเทศ 9,000 กว่าล้านบาท จากนี้ไปอีกไม่กี่วันกลางเดือนพฤศจิกายนหลังประชุมอาเซียน ผมขออนุญาตท่านเฉลิมชัยไปบุกตลาดยางที่ตุรกีและเยอรมัน และมั่นใจว่าจะมีข่าวดีให้กับพี่น้อง สุดท้ายนี้มันใจว่าการสั่งการของท่านรัฐมนตรีเฉลิมชัยบวกการยางอีกไม่กี่วันข้างหน้าเราจะมีข่าวดีให้เกษตรกรชาวสวนยาง เราจะขายยางในปริมาณที่มากมายทีเดียว จะแถลงข่าวให้ทราบเมื่อได้เซ็นสัญญาไม่เกินกลางเดือนขอแสดงความยินดีกับเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศที่จะได้รับเงินส่วนต่างครั้งแรกในประวัติศาสตร์  และทำให้ผมและท่านเฉลิมชัยสามารถทำนโยบายประกันรายได้ชาวสวนยังทำได้ไว้ทำได้จริง" นายจุรินทร์ ประกาศ ท่ามกลางเสียงปรบมือของเกษตรกร 

ทางด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายในส่วนของการประกันรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรในพืชห้าชนิดข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารามันสำปะหลัง ข้าวโพด ซึ่งณวันนี้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่นโยบายจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 98 วันที่รัฐบาลชุดนี้ทำได้ไวทำได้จริงคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 อนุมัติโครงการประกันรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางระยะที่หนึ่งซึ่งนับจากวันนั้นจนกระทั่งถึงวันนี้ที่ชาวสวนยางได้รับเงินจากการประกันรายได้ใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง 16 วันในการให้พี่น้องเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างที่เป็นการประกันรายได้ช่วยครองชีพของพี่น้องชาวเกษตรกรชาวสวน ซึ่งเป็นพืชลำดับที่ 3 ที่ชาวเกษตรกรได้รับจากโครงการประกันรายได้

วันนี้ถือเป็นวันที่พี่น้องเกษตรกรได้จดจำจารึกไว้วันหนึ่งว่าสิ่งที่เราได้สัญญาไว้กับพี่น้องในการที่จะประกันรายได้เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนเราสามารถทำตามคำพูดและดำเนินการจนกระทั่งเงินมาถึงมือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางได้ สำหรับหลักเกณฑ์ของการคือเอาเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทยก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2512 และเปิดโอกาสให้พี่น้องตามหลักเกณฑ์ที่การยางแห่งประเทศไทยกำหนดคือยังอายุเจ็ดปีขึ้นไปและเปิดน่ากินแล้วรายละไม่เกิน 25 ไร่ได้ทั้งเอกสารบัตรสีเขียวและบัตรสีชมพูทั้งสิ้น จำนวน 1,711,252 ราย พื้นที่สวนยางรวม 17,201,391 ไร่ หรือประมาณ 86% ของพื้นที่ทั้งหมด ปริมาณยางที่จะประกันรายได้ (ยางแห้ง) 240 กิโลกรัม/ไร่/ปี หรือ 20 กิโลกรัม/ไร่/เดือน ระยะเวลาดำเนินการ (ตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) ระยะเวลาประกันรายได้ 6 เดือน (ตุลาคม 2562 – มีนาคม 2563) จ่ายเงินชดเชย 2 เดือน 1 ครั้ง

โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรชาวสวนยาง งวดที่ 1 จ่ายระหว่าง วันที่ 1 – 15 พ.ย. 62, งวดที่ 2 จ่ายระหว่างวันที่ 1 – 15 ม.ค. 63 และงวดที่ 3 จ่ายระหว่างวันที่ 1 – 15 มี.ค. 63 โดยแบ่งสัดส่วนรายได้เจ้าของสวนร้อยละ 60 และคนกรีดร้อยละ 40  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่อาคารเอศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะเต็มไปด้วยตัวแทนของเกษตรกรจากทุกภาคร่วม 1000 คน พร้อมเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่การยางแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์  พร้อมผู้บริหารระดับสูงทุกหน่วยงาน  ในโครงการนี้ได้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวีเพื่อแจ้งเกษตรกรสวนยางพาราทั่วประเทศพร้อมกันซึ่งเงินส่วนต่างนั้นจะเริ่มต้นจ่ายวันที่ 1 พฤศจิกายนจนกระทั่งถึง 15 พฤศจิกายน รอบแรกเนื่องจากว่าจะต้องมีการตรวจสอบบัญชีอย่างถูกต้องทุกบัญชี

3 พ.ย.62 บุญทอดกฐินวัดรางหมัน เจ้าภาพกองกฐินรับเหรียญเม็ดแตงอายุยืน ปัจจัยสมทบทุนสร้างวิหารอายุยืน



วัดประชาราษฎร์บำรุง หรือ "วัดรางหมัน"ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มีพระเถราจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่แผ้ว ปวโร" ได้รับการขนานนามว่า "เทพเจ้าแห่งเมืองกำแพงแสน" เป็นพระเถระผู้ถือครองเพศบรรพชิตแบบเรียบง่าย สมถะ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย 




ท่านไม่มีตำแหน่งทางปกครองคณะสงฆ์ ด้วยไม่มีความปรารถนาในลาภยศตำแหน่งใดๆ เป็นที่เลื่อมใสของคนจำนวนมาก โดยท่านออกต้อนรับญาติโยมที่มาทำบุญทุกวันๆละ 2 ช่วงเวลาคือ ช่วงเช้า 06.30-07.00 น. ช่วงกลางวัน 10.30-11.00 น. แสดงธรรมให้กับญาติโยม ขณะนี้ทางวัดกำลังก่อสร้างวิหารขนาดใหญ่ และพระพุทธรูปต่างๆมากมาย โดยเปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาเข้ากราบไหว้ได้แล้ว หากแล้วเสร็จจะนับเป็นสถานที่ที่งดงามมากอีกแห่งหนึ่ง

ทั้งนี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 ต.ค. 2562 หลวงปู่แผ้วได้อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว วาระพิเศษ แซยิด วัตถุมงคลฉลองอายุครบ 8 รอบ 96 ปี รุ่น "เจ้าสัว" "รุ่นเจริญพร" และรุ่น"แซยิดอายุยืน"





1.เหรียญแซยิดอายุยืน  เหรียญเจริญพร เหรียญเจ้าสัว เพื่อสมทบสร้างอาคาร ร.พ อนุสรณ์ 96 ปี  ซื้อเครื่องมือแพทย์ร.พ.กำแพงแสน

2.เหรียญเม็ดแตงอายุยืน หรียญเจ้าภาพกองกฐิน ปัจจัยสมทบทุนสร้างวิหารอายุยืน

3.เหรียญเจริญพร ครบ 8 เหรียญรางวัลงานประกวดพระเครื่อง

เหรียญเจ้าสัว อายุครบ 8 รอบ จัดพิธีพุทธาภิเษก 3 วาระ คือ  วาระแรก พิธีพุทธาภิเษกเหรียญนำฤกษ์ต้นแบบ ณ กุฏิร่มเย็น

วาระที่ 2 ในวันพิธีไหว้ครูครบ 8 รอบ อายุ 96 ปี และ

วาระที่ 3 ครบไตรมาส ในวันพฤหัสบดี ที่ 10 ต.ค. 2562 ณ กุฏิหลวงปู่แผ้ว วัดรางหมัน

เหรียญเจ้าสัว อายุครบ 8 รอบ จัดสร้างขึ้นเพื่อสมทบทุนสร้างอาคารโรงพยาบาลอนุสรณ์ 96 ปี และซื้อคุรุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ มอบเป็นเป็นสาธารณประโยชน์โรงพยาบาลกำแพง แสน จ.นครปฐม

ส่วนเหรียญเจริญพร ครบ 8 รอบจะนำไปเป็นรางวัลงานประกวดพระเครื่อง พระบูชา แบะเหรียญพระคณาจารย์ท้องถิ่น ในวันที่ 1 ธ.ค. 2562 ณ วัดราษฎร์บำรุงธรรม (วัดรางหมัน) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 

เหรียญเม็ดแตง รุ่น"แซยิด อายุยืน"ทางวัดรางหมันจะนำมาเป็นวัตถุมงคลที่ระลึกแก่ผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพกองกฐิน ปัจจัยสมทบทุนสร้างวิหารอายุยืน และกุฏิร่มเย็น โดยจะจัดงานทอดกฐินในวันอาทิตย์ ที่ 3 พ.ย. 2562 (ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 12)

กำหนดการ เวลา 10.30 น. ทอดกฐินสามัคคีเวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารพระภิกษุสงฆ์ ณ วิหารอายุยืน 

สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าภาพกฐินกองละ 1,500 บาท รับเหรียญเงิน 1 เหรียญ เจ้าภาพกองละ 1,000 บาท รับเหรียญชนวน 1 เหรียญ เจ้าภาพกองละ 500 บาท รับเหรียญฝาบาตร 1 เหรียญ เจ้าภาพกองละ 100 บาท รับเหรียญทองแดง 1 เหรียญ

ผู้ที่สนใจวัตถุมงคล สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) และศูนย์จองพระเครื่อง รุ่นเจ้าสัวหลวงปู่แผ้ว ปวโร คุณปริญญา บัวศรี โทร. 086-757-7280, ID LINE : 0867577280 ติดตามความเคลื่อนไหวทาง Facebook Fanpage : วัตถุมงคลหลวงปู่แผ้ว ปวโร วัดรางหมัน

กมธ.กฎหมายสภาฯเปิดเวที มอ.ปัตตานี "ช่อ" แฉคนกรุงเทพฯไม่เห็นโอกาสศก.ฮาลาล




"ปิยบุตร-พรรณิการ์" นำเปิดเวทีเสวนา "กมธ.กฎหมาย พบประชาชน" - ด้านปชช.ในพื้น ร้องยกเลิกกฎหมายพิเศษ 3 จังหวัดชายแดนใต้ "ช่อ"แฉคนกรุงเทพฯไม่เห็นโอกาสศก.ฮาลาล

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562  ที่หอประชุมอิหม่าม อัล-นาวาวีย์ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานกรรมมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วย นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่และรองประธานกรรมาธิการ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ โฆษกกรรมาธิการ นายนิรมิต สุจารี ส.ส.พรรคเพื่อไทย โฆษกกรรมาธิการ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.พรรคประชาชาติ เลขานุการคณะกรรมาธิการ นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะกรรมาธิการ และนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมเสวนาเปิดเวทีรับฟังปัญหาด้านกฎหมายรวมถึงสิทธิมนุษยชนในสามจังหวัดชายแดนใต้ โดยมีผศ.กุสุมา กูใหญ่ และอสมา มังกรชัย อาจารย์มอ.ปัตตานี เป็นผู้ดำเนินรายการ

ในเวทีเสวนาครั้งนี้นายปิยบุตร เริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ของสภาผู้แทนราษฏร วันนี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสเดินทางมามอ.ปัตตานี เรากลับมาสู่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา มีสภาผู้แทนราษฏรเกิดขึ้น มีการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญขึ้นมา 35 คณะ ขอบเขตอำนาจหน้าที่ 3 เรื่องใหญ่ๆของคณะกรรมาธิการนี้คือ ทำหน้าที่เกี่ยวกับกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและเรื่องของสิทธิมนุษยชน ในวาระที่ตนได้รับโอกาสเข้ามาเป็นประธานคณะกรรมาธิการก็ตั้งใจเอาไว้ว่า จะใช้กลไกลของคณะกรรมาธิการสามัญชุดนี้ขับเคลื่อนใน 3 ประเด็นดังกล่าวให้เกิดผลอย่างมากที่สุด เพราะเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองของคณะคสช. ประเทศไทยมีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย มีประกาศคำสั่งของคสช. เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีเนื้อหาขัดต่อหลักนิติรัฐและนิติธรรม และตลอด 5 ปีของคสช. ก็มีปัญหาเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน ประเทศไทยเคยเป็นผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียน แต่ในระยะหลัง เมื่อเกิดรัฐประหาร สิทธิมนุษยชนก็ลดน้อยถอยลงทุกที 

"คณะกรรมาธิการที่มาในวันนี้ต่างเป็นผู้แทนของราษฏร ราษฏรเป็นผู้เลือกขึ้นมา ดังนั้นพันธกิจที่สำคัญก็คือ เป็นตัวแทน เป็นปากเป็นเสียงให้แก่ประชาชน ดังนั้นการเดินทางมาของคณะกรรมาธิการชุดนี้ จึงเป็นบทบาทที่สำคัญของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร เราต้องการเดินทางมารับฟังปัญหาที่ประชาชนประสบพบเจอ เราใช้คำว่ากรรมาธิการพบประชาชน เพราะตั้งใจว่าคณะกรรมาธิการชุดนี้ จะเดินทางไปทุกๆภาคของประเทศไทย เพื่อจะได้เข้าถึงปัญหาของประชาชนให้ได้มากที่สุด ภายใต้บรรยากาศที่ประเทศกำลังรื้อฟื้นประชาธิปไตยกลับมา ในอดีตที่ผ่านมาประชาชนไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ที่อาจกังวลใจว่า หากแสดงออกอาจจะถูกดำเนินคดีต่างๆ แต่ในตอนนี้ระบบเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ ผมคิดว่าการเปิดเวทีเสวนาแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างน้อยก็เป็นการสื่อสารภายใต้สภาวการณ์ปกติที่ทุกท่านมีสิทธิเสรีภาพในการพูด ในการแสดงออกได้อย่างเท่าเทียม ภายใต้รัฐธรรมนูญ" ปิยบุตร กล่าว 

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ตนเลือก มอ.ปัตตานี เป็นที่แรกในการเดินสายพบประชาชนของคณะกรรมาธิการชุดนี้ เพราะในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า มีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน มีปัญหาเรื่องการใช้อำนาจของรัฐตามกฎหมายพิเศษ กฎหมายความมั่นคงต่างๆ ดังนั้นเราจึงเลือกที่นี่เป็นที่แห่งแรก เพราะเชื่อได้ว่าจะได้รับเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชน เพื่อนำไปผลักดันในประเด็นต่างๆในชั้นสภาผู้แทนราษฏรต่อไป

ด้านน.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีความทับซ้อนกันเป็นอย่างมาก ปัญหาความรุนแรงที่เห็นได้ชัดเจน คือการซ้อม การทรมาน การกักคน 7 วัน ต่อเนื่องยาวนาน 30 วัน หรือแม้แต่การอุ้มหาย สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่าในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงความไม่ไว้วางใจกันระหว่างประชาชนในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่รัฐ นี่คือสิ่งที่เห็นได้ชัด แต่ปัญหาที่ทับไปอีกชั้นหนึ่งก็คือ การพรากสิทธิที่จะเติบโตตามศักยภาพของพื้นที่ ตนมาแต่ละครั้งไม่ได้ไปพบแต่ผู้ที่สูญเสีย ผู้ที่บาดเจ็บ หรือญาติผู้เสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังได้ไปรับรู้ถึงความอุดมสมบูรณ์ คามสวยงามและศักยภาพในพื้นที่ 





"คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่มอง 3 จังหวัดชายแดนใต้โดยคิดถึงแต่ปัญหาเพียงอย่างเดียว ไม่ได้คิดถึงศักยภาพและโอกาสทางเศรษฐกิจ ทรัพยากรธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยว ชายหาดหรืออุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเติบโตได้แค่ไหนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ นี่คือสิ่งที่ถูกกดทับภายใต้ปัญหาความรุนแรง นี่คือความสูญเสียที่ไม่ใช่แค่ในพื้นที่ชายแดนใต้ แต่เป็นการสูญเสียของประเทศ เรามีความจำเป็นต้องสื่อสารออกไปให้คนทั้งประเทศเห็น วันนี้ตนมีความเชื่อส่วนตัวว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาชายแดนใต้ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งที่เวลาล่วงเลยมากว่า 15 ปี เป็นเพราะว่าคนในประเทศไทยไม่ได้มองว่าปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็น 'ปัญหาของเรา' แต่มองว่าเป็น 'ปัญหาของคุณ' ตราบใดที่ไม่สามารถทำให้คนไทยทั้งประเทศเห็นว่า จังหวัดชายแดนใต้คือพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม มีวัฒนธรรมที่ดี มีอาหารที่อร่อย มีคนที่น่ารัก ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในพื้นที่ได้ เราต้องทำให้คนทั้งประเทศเห็นว่า คุณกำลังสูญเสียอะไรบ้างในปัญหาชายแดนภาคใต้ และเราทุกคนจำเป็นต้องแก้ปัญหาร่วมกัน"น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการเสวนา ได้มีการเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมถาม-ตอบ ถึงปัญหาด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน โดยผู้เข้าร่วมรับฟังเสวนาท่านหนึ่งได้สะท้อนปัญหาว่า การมีกฎหมายพิเศษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นตัวปัญหาทำให้ประชาชนเดือดร้อน ขอเรียกร้องและขอความอนุเคราะห์ผ่านคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ ไปยังผู้มีอำนาจ ขอให้ยกเลิกกฎหมายพิเศษในพื้นที่ เนื่องจากหากคนใดคนหนึ่งในครอบครัวถูกตัดสินจากกฎหมายพิเศษ คนครอบครัวนั้นก็เดือดร้อนตามไปด้วย ดังนั้นการถูกตัดสินจากกฎหมายพิเศษ คือการตัดสินชะตาชีวิตของครอบครัวนั้นๆไปด้วย

นอกจากนี้ ในเวทียังมีการยื่นข้อร้องเรียนต่างๆอีกหลายปัญหาเช่นการเวนคืนพื้นที่ทำกินชาวบ้านเพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำพญา จ.ยะลา การร้องเรียนเรื่องการที่กอ.รมน. ขอให้ประชาชนในสามจังหวัดลงทะเบียนซิมการ์ดแบบสองแชะ มิฉะนั้นจะถูกตัดสัญญาณหลังวันที่ 31 ตุลาคม รวมถึงการร้องเรียนเรื่องการเก็บดีเอ็นเอของประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และการร้องเรียนสภาพความเป็นอยู่ที่แออัดในเรือนจำกลางปัตตานี

"ยุทธพล"แถลงจับลักลอบ"นาก-ชะนีมือขาว"พรากจากศพแม่



"ยุทธพล"แถลงข่าว"หน่วยพญาเสือ"จับกุมดำเนินคดีเครือข่ายลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองรายใหญ่ พบ "นาก-ชะนีมือขาว" ถูกพรากจากศพแม่



วันที่ 31 ตุลาคม​ 2562​ นายยุทธพล อังกินันทน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงข่าวการจับกุม-ดำเนินคดี ผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองในภาคใต้ โดยหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า "หน่วยพญาเสือ" ปฏิบัติการร่วมกับสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปราบที่ 4 (ภาคใต้) และอีกหลายหน่วยงาน ได้ของกลางเป็นนากเล็กเล็บสั้นจำนวน 17 ตัว ซากนากเล็กเล็บสั้น 1 ตัว นาอาย 1 ตัว และชะนีมือขาว 1 ตัว 



จากกรณีที่มีการโพสต์ภาพและข้อความ เสนอขายนากเล็กเล็บสั้น และ ชะนีมือขาว บนเฟซบุ๊ก หน่วยพญาเสือ จึงได้ลงพื้นที่จ.สงขลาและพัทลุง เพื่อสืบหาข้อมูล ติดต่อขอซื้อสัตว์ป่าจนทราบที่อยู่อาศัยของ นายวุฒินันต์ แสงแก้ว อายุ 27 ปี ผู้ต้องสงสัย จึงได้สนธิกำลังเข้าจับกุม โดนระหว่างการจับกุม นายวุฒินันต์ได้รับโทรศัพท์จากนาย เอกรัฐ วงษ์สวัสดิ์ อายุ 62 ปี ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ สั่งให้นำนากไปส่งจำนวน 10 ตัว จึงขยายผลจับกุมเพิ่ม และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พัทลุง ดำเนินคดีต่อไป 

นายยุทธพล กล่าวว่า ตนขอวิงวอนทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย โดยเฉพาะผู้ซื้อ ขอให้ใช้วิจารณญานและศึกษาข้อมูลและกฏหมายให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะมีโทษปรับหลักล้านบาท อย่าเพียงแค่เสพสื่อทางโซเชียลมีเดีย แล้วเห็นความน่ารักของสัตว์ป่าจนอยากครอบครองโดยไม่สนใจข้อกฏหมาย เพราะส่วนใหญ่สัตว์ป่าที่ถูกนำมาเข้าสู่กระบวนการค้าสัตว์ป่า ล้วนถูกพรากมาโดยการยิงแม่ให้ตาย แล้วได้ลูกมาขายต่อ ส่วนด้านผู้ค้าที่ทำผิดกฏหมายมาหลายครั้งหลายคราว ต่อไปจะไม่มีการผ่อนผันและจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด  โดยระหว่างนี้ สัตว์ของกลาง จะถูกนำไปอนุบาลรักษาสุขภาพ อย่างดีที่สุด เพื่อฟื้นฟูความแข็งแรง รอวันปล่อยคืนสู่ป่าที่เป็นบ้านที่แท้จริง ตามนโยบายของ รมว.ทส.ต่อไป

"พิพัฒน์"พัฒนาสำนักวัดเขาอ้อพัทลุง เป็นแหล่งท่องเที่ยวว่าน-สมุนไพรใต้



รมว.พิพัฒน์ ลงพื้นที่สำนักวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์กลางการศึกษาเชิงอนุรักษ์ว่านและพืชสมุนไพรในพื้นที่ภาคใต้

วันที่ 31 ตุลาคม​ 2562​ นายพิพัฒน์​ รัช​กิจ​ประการ​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงการ​ท่องเที่ยว​และ​กีฬา​ เป็น​ประธาน​เปิดการประชุมหารือเรื่อง กำหนดยุทธศาสตร์ สำนักวัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์กลางการศึกษาเชิงอนุรักษ์ว่านและพืชสมุนไพรในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีนายคณนาถ หมื่นหนู โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะ​ผู้บริหาร​ฯ​ นางสาวศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอควนขนุน นายสุกษม อามระดิษ เลขานุการสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย นายเอกระพีร์ สุขกุลพิพัฒน์ รองประธานชมรมอนุรักษ์ว่านและพืชสมุนไพรวัดเขาอ้อ นายอนั้นต์ มณีประสิทธิ์ กำนันตำบลมะกอกเหนือและประธานกรรมการวัดเขาอ้อ  ให้การต้อนรับ นำชม และรายงานความคืบหน้าของโครงการ ณ วัดเขาอ้อ ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง

โดยที่ประชุม​ได้จัดทำข้อเสนอต่อรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงการ​ท่องเที่ยว​และ​กีฬา​ ดังนี้
  
1.โครงการมหกรรมการท่องเที่ยวเมือง​สมุนไพรไสยเวทย์ 560 ปี สำนักเขาอ้อ ส่งเสริมสนับสนุนจุดเด่นวัดเขาอ้อ ด้านอนุรักษ์พืชสมุนไพร การใช้สมุนไพรเพื่อไสยเวช เพิ่มช่องทางการเพิ่มมูลค่าสมุนไพร รวมถึงเรื่องเล่าตำนานความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นจุดขายวัดเขาอ้อ ที่มีคุณค่า และสร้างกระแสนิยมให้กับนักท่องเที่ยว
  
2.โครงการพัฒนาโครงสร้างสำคัญบริเวณวัดเขาอ้อ สนับสนุนการพัฒนาปรับภูมิทัศน์ โครงสร้างสำคัญบริเวณวัดเขาอ้อ ตามความเรียกร้องของนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวก มองเห็นภูมิทัศน์ที่ชัดเจน เช่น โครงการก่อสร้างบันไดคอนกรีตขึ้นจุดชมวิวยอดเขาอ้อ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณรอบวัดเขาอ้อ โครงการก่อสร้างอาคารบริการนักท่องเที่ยว จำหน่ายผลิต​ภัณฑ์ชุมชนและบริการสมุนไพรเพื่อสุขภาพ พร้อมอุปกรณ์แปรรูปสมุนไพร โครงการคลินิกแพทย์แผนไทยวัดเขาอ้อ โครงการศูนย์เรียนรู้แปลงสมุนไพรพร้อมดูแล
  
3.โครงการพัทลุงเมืองสมุนไพร ส่งเสริมจังหวัดพัทลุงและวัดเขาอ้อให้มีจุดเด่นในการอนุรักษ์พืชสมุนไพร​ และการใช้สมุนไพรเพื่อบำบัดรักษา

รมว.พิพัฒน์ กล่าวว่า วันนี้มาลงพื้นที่ ณ วัดเขาอ้อ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อประชุมหารือการส่งเสริมมหกรรมการท่องเที่ยวเมืองสมุนไพรไสยเวทย์ 910 ปี สำนักเขาอ้อ ซึ่งเป็นจุดเด่นของวัด อาทิ ด้านการอนุรักษ์พืชสมุนไพร การใช้สมุนไพร นับเป็นการเพิ่มช่องทางการเพิ่มมูลค่าสมุนไพร รวมถึงสามารถเล่าขานตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของวัดให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้รับทราบ ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันต่อไป


"อนุดิษฐ์"รับเรื่องเกษตรกร แก้ไขปัญหาหนี้สินและหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ




เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ที่รัฐสภา เกียกกาย กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย นำโดย นางปิ่นแก้ว แก้วสุกแท้ เกษตรกรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้ายื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคร่วมพรรคค้านทั้ง 7 พรรค ผ่าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และ ส.ส.กทม.พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่และนาย ชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส. อุบลราชานี เป็นตัวแทนรับหนังสือเพื่อขอให้ช่วยผลักดันให้พรรคฝ่ายค้านสนับสนุนให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องปัญหาหนี้สิน ที่ดินทำกิน โครงการที่รัฐเข้าไปเสริมสร้างแล้วล้มเหลว และแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ อีกทั้งกรรมการกองทุนฯ ที่มีวาระเพียง 2 ปี ไม่มีความต่อเนื่องในการทำงานขอให้เพิ่มเป็น 4 ปี แม้ที่ผ่านมาจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายคณะแต่การแก้ปัญหาไม่มีความคืบหน้า ดังนั้นกลุ่มเครือข่ายฯ เห็นว่าจำเป็นต้องตรากฎหมายเพื่อกำหนดทิศทางและเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ปัญหาหนี้สินของเกษตรกรนั้น ในอดีตกองทุนฟื้นฟูถือเป็นเรื่องสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร แต่ พ.ร.บ.ปัจจุบัน กลับทำให้เกษตรกรเดือดร้อน โดยเฉพาะการกำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรต้องมีหลักทรัพย์ถึงจะได้รับการฟื้นฟู ทำให้การแก้ไขหนี้สินเกษตรกรมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าจะนำหนังสือทั้ง 7 ฉบับ ส่งให้ถึงมือหัวหน้าพรรคร่วมพรรคค้านทั้ง 7 พรรค และขอให้มั่นใจว่า สิ่งใดที่เป็นความทุกข์ของเกษตรกร เราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ให้กฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านการพิจารณาของสภาฯ


"อธิบดี พช."ลงพื้นที่ติดตามโครงการ"หมู่บ้านคนรักษ์ช้าง" หวังลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง



เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนในพี้นที่ โอกาสนี้ได้ร่วมพบปะผู้นำชุมชน และชาวบ้านเพื่อสอบถามข้อมูลและรับทราบผลกระทบจากช้างกับชาวบ้าน ณ พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลทรายขาว จังหวัดจันทบุรี ทั้งนี้ปัญหาระหว่างคนกับช้างในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีมีมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจังหวัดจันทบุรี เป็นพื้นที่ปลูกพืชเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง ข้าวโพด และพืชอื่นๆ ที่เป็นอาหารช้าง โดยช้างจะออกจากป่ามากินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านเกิดความเสียหายมูลค่าหลายล้านบาท



อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ตามคำสั่งคณะกรรมการดำเนินงานการจัดการปัญหาเพื่อการร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนและช้าง โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานที่มีบุคลากรทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน ตำบล ได้ร่วมเป็นคณะทำงานในการจัดการปัญหาคนกับช้างเพื่อให้เกิดความสมดุล และอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีปัญหา เช่น ปลูกพืชที่ช้างไม่กิน การปลูกต้นไม้เป็นแนวกันช้าง เพื่อป้องกันช้างเข้ามาทำลายพืชผักสวนครัวของชาวบ้าน โดยมอบหมายให้พัฒนาการจังหวัด และทีมงาน พช. ร่วมดำเนินการในพื้นที่ ด้วยการจัดกิจกรรมรณรงค์ และแนะนำชาวบ้านทำอาชีพเสริมนอกจากการปลูกพืช ผัก ผลไม้ เพื่อเป็นรายได้เสริมอีกช่องทางหนึ่ง เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผลไม้ การจักสาน และอาชีพอื่นๆ ที่สามารใช้วัสดุในพื้นที่ โดยเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป 

อธิบดี พช.กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ "หมู่บ้านคนรักษ์ช้าง" มุ่งหวังที่จะป้องกัน แก้ไขปัญหาช้างป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 183 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 5 จังหวัดป่ารอยต่อภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และจังหวัดสระแก้ว เพื่อตอบสนองการขับเคลื่อนภารกิจตามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือโครงการฟื้นฟูแหล่งอาหารช้างป่าพื้นที่ป่าตะวันออก โดยการสร้างองค์ความรู้เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างคนและช้างในระดับหมู่บ้าน ท่านจะได้เข้าใจพฤติกรรมของช้าง การปฏิบัติต่อช้าง การลดปัญหาความขัดแย้งกับช้าง ซึ่งผู้นำหมู่บ้านที่ประสบปัญหาจากช้างป่า จะได้นำองค์ความรู้นั้นไปขยายผลต่อในระดับหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาตามที่คณะทำงานพัฒนาชุมชนมุ่งหวังให้ชาวบ้านในพื้นที่รู้จักช้าง เข้าใจช้าง รักษ์ช้าง และสามารถอยู่ร่วมกันกับช้างได้อย่างสมดุลโดยแท้จริง

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ดร.วันดีนำ"SPCG"ผงาดกรุงปารีส ยันรบ.หนุนพลังงานแสงอาทิตย์ มีแผนติดตั้งถึง 12,275 MW ปี 2037



ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SPCG บรรยายงาน  OECD Forum on Green Finance and Investment ครั้งที่ 6 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม 2562 โชว์พัฒนาการพลังงานแสงอาทิตย์ไทย ยันรัฐบาลมีแผนสนับสนุนติดตั้ง ถึง 12,275 MW ในปี 2037

ระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม 2562 ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้รับเกียรติจากองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ( Organization Economics Corporation Development ) ร่วมประชุมและร่วมเวทีเสวนา โดยเฉพาะหัวข้อเสวนาเรื่อง Clean Energy Finance and Investment Mobilization in Emerging Market โดยมี Ms.Cecilia Tam,Team Leader , Clean Energy Finance and investment Mobilaization of OECD เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ได้กล่าวว่า การให้การสนับสนุนทางแนวคิดการกำหนดนโยบายและการเงินแก่กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา ในการขับเคลื่อนการใช้พลังงานสอาด นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุน ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย 

ดร.วันดี กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความงดงามทางธรรมชาติ มีวัฒนธรรม มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี มีแหล่งทองเที่ยวมากมาย คนไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวถึงปีละ กว่า 40 ล้านคน จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาท่องเที่ยวเมืองไทยนอกจากนี้ยังเป็นประเทศผู้นำในเรื่องการพัฒนา เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้พลังงาน จากปี 2009 มีพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งใช้เพียง 2 MW แต่ในปี 2019 มีการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ถึง 4,000 MW และรัฐบาลมีแผนสนับสนุนให้มีการติดตั้ง ถึง 12,275 MW ในปี 2037 ทั้งนี้ไม่นับสวมการลงทุนเองในภาคเอกชน นับได้ว่าเป็นแบบอย่างของประเทศในกลุ่ม Asean ที่รัฐบาลให้ความสำคัญสำคัญในการออกนโยบาย มีการจัดทำแผนการใช้พลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบในอีก 20 ปีในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนในอัตราส่วนกว่า 30% ของการใช้พลังงานรวม SPCG เป็นผู้บุกเบิกการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เมื่อปี 2010 และจากความสำเร็จของการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นที่ยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของพลังงานที่สร้างความมั่นคงให้กับประเทศ

Mr.Tim Gould จาก IEA กล่าวว่า การมีพลังงานใช้อย่างพอเพียงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่การรักษาสิ่งแวดล้อมก็มีความสำคัญยิ่งเช่นเดียวกัน ดังนี้การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การนำพลังงานหมุนเวียน มาใช้เพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันจึงมีประเทศที่กำลังพัฒนา อาทิ อินเดีย เวียดนาม หันมาผลักด้นกสรใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมอย่างมาก

Mr.Ole Thonke ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานจากประเทศเดนมาร์ก กล่าวว่า ประเทศเดนมาร์กในปัจจุบันมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เพียง 0.6% และสนับสนุนให้ใช้พลังงานลมเพื่อลดการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมัน ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ

Mr.Voung Thanh Long Executive Vice President,Bank for Investment and Development of Vietnam (BIDV) กล่าวว่าเวียดนามเป็นประเทศสวยงามกล่าวว่าประเทศเวียดนามเริ่มสนับสนุน การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอาทิ พลังลม พลังงานแสงอาทิตย์ แต่มีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจในการลงทุนการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

Mr.Reynold Hermansjah from PT Infrastructure Finance ประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า สถาบันการเงินในประเทศ
 ให้การสนับสนุนเงินลงทุนในด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และรัฐบาลเริ่มให้ความสำคัญนำพลังงานทดแทนมาใช้ในพื้นที่เหมาะสม

"เทวัญ"ร่วมแถลง! สอบธรรมศึกษาวิถีพุทธปี2562 กว่า 2 ล้านคนเข้าร่วม


  
"เทวัญ"ร่วมแถลง! "90 ปีสอบธรรมศึกษา สร้างสังคมอุดมปัญญาวิถีพุทธ"  ปี2562 กว่า 2 ล้านคนร่วมสอบ

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562  ที่อาคารหอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม มหาเถรสมาคม(มส.) โดยสำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง และรัฐบาล โดยพศ. ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดน่าน แถลงข่าวโครงการเปิดสอบธรรมศึกษาประจำปีการศึกษา2562 “90ปี สอบธรรมศึกษา สร้างสังคมอุดมปัญญาวิถีพุทธ”



ในการนี้มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ กรรมการ มส. ในฐานะแม่กองธรรมสนามหลวง นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณรงค์ ทรงอารมณ์ รอง ผอ. รักษาราชการแทน ผอ.พศ. ทั้งนี้มีพระเทพเวที,รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต มหาวิทยลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) และรักษาการเจ้าคณะภาค 6 พร้อมผู้แทนคณะสงฆ์จังหวัดน่านร่วมเวทีด้วย

นายเทวัญ กล่าวว่า รัฐบาลได้มอบให้ พศ. ร่วมกับคณะสงฆ์ โดยสำนักงานแม่กองธรรมฯ จัดโครงการเปิดสอบธรรมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2562 เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้เยาวชน ข้าราชการ และประชาชน ได้ดำรงชีวิตและประกอบหน้าที่การงาน โดยยึดหลักคุณธรรมและศีลธรรม ซึ่งคือ หลักธรรมาภิบาล และได้ศึกษาเรียนรู้หลักวิชาการพุทธศาสนาในฐานะเป็นพุทธศาสนิกชน เพื่อจะได้น้อมนำหลักธรรมที่ได้ศึกษาแล้วนั้นไปพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

ด้านนายณรงค์ กล่าวว่า การเปิดสอบธรรมศึกษา มีขึ้นครั้งแรก เมื่อปี 2472 ซึ่งการจัดสอบธรรมศึกษาในปี 2562 ได้เข้าสู่ปีที่ 90 แล้ว ซึ่งจะมีการจัดพิธีเปิดสอบในสนามสอบกลาง ในวันที่ 29 พ.ย. ที่วิทยาลัยสงฆ์นครน่าน อ.ภูเพียง จ.น่าน พร้อมกันกับสนามสอบธรรมศึกษาจำนวนกว่า 6,000 แห่ง ทั่วประเทศ โดยมีผู้สมัครสอบธรรมศึกษารวมกว่า 2 ล้านคน 

Cr.เพจPrayoon Chothivaro

"ปิยบุตร"ลุยใต้เข้า"ค่ายอิงคยุทธ"! "กอ.รมน.ภาค4"แจง"กำลังพล-งบฯ



"ปิยบุตร" นำคณะ "กมธ.กฎหมายฯ" ลุยพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ เก็บข้อมูลแก้ปัญหาละเมิดสิทธิ - เข้า "ค่ายอิงคยุทธ"  เชิญ กอ.รมน.ภาค4 ชี้แจง ปมกำลังพล - งบประมาณ- การเสียชีวิต "อับดุลเลาะ อีซอมูซอ" 
    

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 คณะกรรมาธิการ​กฎหมาย การยุติธรรม​และสิทธิมนุษยชน​ นำโดย นายปิยบุตร​ แสงกนกกุล เลขาธิการ​พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธาน​กรรมาธิการ พร้อมคณะ อาทิ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่และรองประธานคณะกรรมาธิการ​ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ​พรรคอนาคตใหม่และโฆษกคณะกรรมาธิการ​ ศึกษาดูงานและตรวจเยี่ยมการแก้ไขปัญหา​เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมาย​และสิทธิมนุษยชน​ ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดน​ใต้ และบางส่วนของจังหวัดสงขลา​ ในระหว่างวันที่ 30-31 ตุลาคม​ โดยในช่วงเช้าของวันแรก ได้เข้าตรวจเยี่ยมห้องกักด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา​ และร่วมแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อรับฟังสภาพปัญหา​ผู้หลบหนีเข้าเมือง ที่มีสถานะผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา​และชาวอุยกูร์​ 
    
นายปิยยุตร กล่าวว่า วัตถุประสงค์​ของ กมธ. นอกจากจะเดินทางมาเพื่อสอบถามข้อมูลแล้ว ก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ​ได้สะท้อนกลับมาด้วย ว่าเจ้าหน้าที่มีปัญหาในเรื่องงบประมาณ​ หรือกฎหมายข้อบังคับต่างๆ ที่ทำให้ทำงานไม่สะดวกหรือไม่ ด้วยระบบราชการภายในทำให้การเสนอเรื่องขึ้นไปอาจจะไม่สะดวกและล่าช้า สามารถฝากเรื่องผ่านมายังคณะกรรมาธิการ​กฎหมาย​ฯนี้ได้ ซึ่งตนจะช่วยผลักดันในช่องทางต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน​เป็นไปอย่างรวดเร็ว

ฟังปัญหา จนท.- ผู้ถูกกักขัง ด่าน "สะเดา" 
     
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสะเดา เสนอว่า การกักขังไว้ที่ศูนย์​กักขังคนเข้าเมืองสะเดา อาจทำให้มีแรงจูงใจในการหลบหนีมากกว่ากักขังในที่อื่น เพราะหากผู้ถูกกักขังสามารถหลบนี้ได้จากศูนย์กักขังสะเดา จะดูกลมกลืนกับคนในพื้นที่ ทำให้ยากต่อการตามจับ แต่ถ้ากักขังไว้ที่อื่น หากผู้ถูกกักขังหลบหนีได้ จะดูแปลกตากับคนในพื้นที่นั้นทันที ทำให้ผู้ต้องกักจะไม่มีแรงจูงใจในการหลบหนี โดยในระหว่างที่คณะกรรมาธิการ​ได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องกัก ได้สอบถามข้อมูลจากผู้ถูกกักโดยผู้อพยพชาวอุยกูร์​รายหนึ่งเล่าว่าติดอยู่ในศูนย์กักขังนี้เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว ซึ่งขณะนี้​ก็ยังไม่ทราบว่าโดนกักในคดีหรือข้อหาอะไร อีกทั้งยังขอว่าต้องการจะไปประเทศที่ 3 ซึ่งระบุว่าเป็นประเทศตุรกี หรือ มาเลเซีย​ก็ได้ แต่จะไม่ยอมถูกส่งไปประเทศจีน 


สำหรับศูนย์กักคนเข้าเมืองสะเดา แบ่งเป็น 2 อาคาร โดยอาคารที่ 1 เป็นที่กักขังระยะยาว เป็นบุคคล​ไร้สัญชาติ​(ตุรกี)​13 ราย ชาวเมียนมา(โรฮิงญา)​ 11 ราย ชาวเมียนมา(อิสลาม)​ 10 ราย รวมผู้ต้องกักระยะยาวทิ้งสิ้น 34 ราย โดยผู้ที่ถูกกักขังนานสุดเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี ส่วนอาคารที่สอง เป็นอาคารแรกรับ/หมุนเวียน มีผู้ต้องกักชายชาวโรฮิงญา​ 115 ราย หญิง 18 ราย เด็กผู้ชาย 19 ราย เด็กผู้หญิง​ 8 ราย รวม 160 ราย และหากรวมสองอาคาร มีผู้อพยพรอการส่งตัวไปประเทศที่ 3 ที่ศูนย์​กักคนเข้าเมืองสะเดาทิ้งสิ้น 194 ราย

เข้าค่าย "อิงคยุทธ" เค้นปมใช้งบ - การเสียชีวิต "อีซอมูซอ" 
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ในช่วงบ่าย คณะกรรมาธิการเดินทางไปยังศูนย์​ซักถามหน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้า จังหวัดชายแดนใต้ และกรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธ​บริหาร จ.ปัตตานี​ เพื่อศึกษาดูงานและตรวจเยี่ยมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.กฤษดา พงษ์สามารถ รองแม่ทัพภาค 4​ และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้า ให้การต้อนรับ  กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงแนวทางการทำงานและเปิดโอกาส​ได้ซักถาม 
   
โดย น.ส.พรรณิการ์ ได้ซักถาม 4 ประเด็นเป็นที่ต้องสงสัย คือ 1.หลักการใช้กำลังและข้อสงสัยถึงมาตราการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ 2.จากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2563 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ​งานข่าวกรอง ซึ่งมีการจัดสรรงบส่วนนี้โดยตรง กว่า 900 ล้านบาทซึ่งมากกว่างบประมาณจังหวัดของ 3 จังหวัดชายแดนใต้รวมกัน จะใช้งบไปพัฒนาในส่วนใดบ้าง 3.กรณีนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ที่เสียชีวิตขณะถูกคุมตัวในศูนย์ซักถามค่ายอิงคยุทธ เหตุใดจึงไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดก่อนหรือหลังเหตุการณ์​ 4.สถิติการเสียชีวิตของประชาชน ขณะที่อยู่ในระหว่างควบคุมตัวที่ศูนย์​มีจำนวนเท่าใด





เปิดเวทีครั้งแรก "กมธ.กฎหมายฯ พบประชาชน" 
   
ด้าน นายทหาร จาก กอ.รมน.ภาค 4 ได้ตอบข้อซักถามว่า 1.จากที่เห็นตามหน้าข่าวต่างๆ ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่เห็นว่าขบวนรถของทหารมีจำนวนหลายคัน ใช้บุคคลากรเกินกว่าเหตุหรือไม่ อยากชี้แจงว่าการทำงานจะแบ่งเป็นชุดๆ ทีมอีโอดีชุดหนึ่ง ชุดเคลียร์​พื้นที่​ ชุดพิสูจน์​หลักฐาน​ ชุดสนับสนุน​ หากรวมทุกชุดจะดูว่ามีจำนวนมาก แต่การทำงานก็หน้าที่ใครหน้าที่มัน 2.งบเพิ่มประสิทธิภาพ​หน่วยงานข่าวกรองนั้น เป็นงบของงานข่าวกรองทั่วประเทศ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้าใช้เป็นโครงการนำร่องเพียงเท่านั้น 3.ขณะที่นายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ถูกควบคุมตัวนั้น อยู่ในศูนย์​ซักถามแห่งใหม่ที่พึ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน แต่งบการติดกล้องวงจรปิดนั้นอยู่คนละส่วนกัน ซึ่งขณะนั้นได้ติดตั้ง แต่มีปัญหาที่มุมกล้องเป็นมุมอับ ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและระบบไฟขัดข้อง 4.สถิติการเสียชีวิตของผู้ที่อยู่ระหว่างถูกควบคุมในศูนย์​ซักถาม นับตั้งแต่ปี 2547 - ปัจจุบัน​ มีจำนวน 5 ราย เสียชีวิตในศูนย์ 2 ราย และเสียชีวิตนอกศูนย์ 3 ราย
   
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นของการเดินทางมาเยือนชายแดนใต้วันแรก คณะกรรมาธิการ​กฎหมาย​ฯ ​ จัดกิจกรรม "กมธ.กฎหมาย​ฯ พบประชาชน" ครั้งที่ 1 เวลา 19.00-21.00 น. ที่ห้องประชุมอิหม่ามอัล-นาวาวีย์ วิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี​ จ.ปัตตานี

"สมคิด"ควง รมว.4กระทรวงขึ้นเหนือ เข็น"โครงการประชารัฐ" หวังเสริมความเข้มแข็งสังคมไทย



"สมคิด"ควง รมว.4กระทรวงขึ้นเหนือ มอบนโยบาย "ประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน" ที่ ม.แม่โจ้สันทราย หวังเสริมความเข้มแข็งสังคมไทย
  
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม 2562    ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบาย “ประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน” โดยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างเข้าถึงแบบครบวงจร มุ่งดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการฯ และเกษตรกร ผู้ประกอบการราย่อยให้หลุดพ้นความยากจน โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ และผู้บริหารแบงก์รัฐ ทั้งออมสิน ธ.ก.ส. เอสเอ็มอีแบงก์ และภาคีเครือข่ายสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นให้ทุกหน่วยงาน ร่วมกัน แก้ไขปัญหาความยากจนให้กับพี่น้องประชาชน โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการต่างๆที่ได้ออกมาอาทิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ชิมช็อปใช้จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือภาคประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ก้าวเดินต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง



นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อดูแลรายย่อยในระยะสั้นให้มีกำลังซื้อผ่านหลายมาตรการ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ส่งเงินเข้าบัญชีช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้ว 34,000 ล้านบาท โครงการชิมช้อปใช้ ทั้งเฟส 1 มีผู้ลงทะเบียน 10 ล้านคน และเฟส 2 ลงทะเบียนเกือบครบ 3 ล้านคน มีร้านค้ารายย่อยแห่งใหม่เข้าร่วมนับแสนราย เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนมนระบบเศรษฐกิจ ในส่วนของการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เมื่อลดค่าธรรมเนียมการโอน จดจำนองเหลือร้อยละ 0.01 จะทำให้มีแรงซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้นในช่วงปลายปี



นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนยื่นขอสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนยอดลงทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยมีกลุ่มชาวบ้านร่วมถือหุ้น เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในชุมชน ลดปัญหาการเผาซังข้าวโพด ทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และใช้ผลิตโรงไฟฟ้าชุมชน การส่งเสริมผลิตแก๊สหุงต้ม ใช้ในครัวเรือน การส่งเสริมติดตั้งโซล่าเซลล์ เพื่อการเกษตร ผ่านความร่วมมือทั้งกระทรวงพลังงาน อุตสาหกรรม ธ.ก.ส. ออมสิน คาดว่ามีเงินลงทุนในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท 



ด้านนายสุริยะ จีงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสหากรรม กล่าวชี้แจงว่า เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีทุนในการประกอบธุรกิจ ขณะนี้มีวงเงินสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท รองรับเกษตรแปรรูป วงเงินกู้ระยะสั้น 3 ปี วงเงินกู้ 3 ล้านบาทต่อราย และสินเชื่อวงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 เวลาเงินกู้ 7 ปี เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการในพื้นที่ให้มีเงินทุนหมุนเวียน 

ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลายหน่วยงานรัฐได้มุ่งช่วยเหลือรายย่อยเกษตรกร เช่น การนำที่ดิน สปก. พื้นที่ 40 ล้านไร่ ที่มีอยู่พร้อมผลักดันนำมาจัดสรรให้กับเกษตรกรใช้ที่ดินทำกิน รัฐบาลพร้อมส่งเสริมบัตรสวัสดิการฯ เพื่อดูแลรายย่อยอย่างต่อเนื่อง 

ขณะที่ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ชี้แจงว่า ธนาคารออมสินขับเคลื่อนนโยบายรัฐ ผ่านยุทธศาสตร์ 3 สร้าง คือ 1.สร้างอาชีพ สร้างความรู้ 2.สร้างตลาด สร้างรายได้ และ 3.สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนรายย่อยในระดับฐานราก โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการฯ เข้าถึงการพัฒนาอาชีพ ได้ฝึกฝนและสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อนำไปเป็นทุนประกอบอาชีพ 

เชื่อมั่นว่าจะทำให้ประชาชนอาชีพนอกภาคเกษตรกรในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน สามารถข้ามเส้นความยากจนมีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อปี คิดเป็น 33% และหลุดพ้นจากความยากจน ซึ่งมีรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อปี คิดเป็น 1% พร้อมทั้งเตรียมสินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการประชารัฐสร้างไทย เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย ผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย และผู้มีรายได้น้อย ได้นำเงินไปเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ โดยใช้บุคคล หรือ บสย. เป็นหลักประกัน วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.50% ต่อเดือน (Flat Rate) ระยะผ่อนชำระเกิน 5 ปี (60 งวด) สามารถยื่นเรื่องขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2562 ซึ่งทั้งหมดจะมีศูนย์ยกระดับคุณภาพชีวิตเศรษฐกิจฐานราก 17 ศูนย์ของธนาคารออมสิน ที่ครอบคลุม 8 จังหวัดภาคเหนือ จะให้การสนับสนุนทั้งการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การให้คำปรึกษาทางการเงิน และเป็นแหล่งข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและสินค้าชุมชนด้วย รวมถึงเป็นศูนย์พัฒนาอาชีพด้วย โดยคาดว่าปีหน้าจะขยายเป็น 100 ศูนย์ทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในด้านต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และเป็นรูปธรรม เชื่อมั่นว่า ด้วยการผลักดันนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ร่วมกับการประสานพลังประชารัฐของทุกภาคส่วน และภาคีเครือข่ายสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก จะทำให้การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ล้านนา 8 จังหวัดนำร่อง ประสบความสำเร็จสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่มีความกินดีอยู่ดี มีความสุข เพื่อสร้างพื้นฐานและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งจะขยายผลประชารัฐสร้างไทยไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศต่อไป

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ธอส.ได้มอบสินเขื่อ "ประชารัฐ ทำให้คนไทยมี 'บ้าน' ได้จริง" ตามมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ให้แก่ลูกค้าที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อดังกล่าว ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ หอประชุมกาญจนาภิเษก ม.แม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2562




16พันธมิตรโชวห่วยตบเท้าร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ติดปีกร้านค้าโชวห่วยไทย



"วีรศักดิ์  หวังศุภกิจโกศล" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือ 16 หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคมการค้า ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ซัพพลายเออร์ สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา และผู้ให้บริการ Application ข่าวดี! ทุกฝ่ายพร้อมร่วมมือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงบพาณิชย์ในการขับเคลื่อนการพัฒนาร้านค้าโชวห่วยไทยทั่วประเทศ
  
เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562  นายวีรศักดิ์  หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเช้านี้ (วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562) ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชิญหน่วยงานพันธมิตร 16 หน่วยงาน เข้ามาประชุมหารือแนวทางการพัฒนาร้านค้าโชวห่วยร่วมกัน  พร้อมทั้งกำหนดบทบาทและหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานพันธมิตรให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าใครจะต้องทำอะไรบ้าง เน้นให้เห็นเป็นรูปธรรมสามารถจับต้องได้ และนำไปปฏิบัติได้จริง โดยแบ่งออกเป็น 4 ด้านประกอบด้วย 1) ด้านการปรับภาพลักษณ์ร้านค้า 2) ด้านส่งเสริมการตลาดและบริการเสริมเพิ่มรายได้ 3) ด้านส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและฐานข้อมูลเพื่อบริหารจัดการร้านค้า 



และ 4) ด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุน  โดยสมาคมการค้าและซัพพลายเออร์ จะมาช่วยปรับภาพลักษณ์ร้านค้า ส่งเสริมการตลาดและบริการเสริมเพิ่มรายได้  สถาบันการศึกษาจะช่วยสร้างองค์ความรู้และสร้างทีมพี่เลี้ยงพัฒนาร้านค้า  สถาบันการเงินจะเข้ามาสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ส่วนสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและผู้ให้บริการ Application จะช่วยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและฐานข้อมูลเพื่อบริหารจัดการร้านค้าให้มีประสิทธิภาพ  

นอกจากนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะทำการเชื่อมโยงสินค้า SME สินค้า OTOP และสินค้าชุมชนจากท้องถิ่นเข้าไปจำหน่ายในร้านค้าโชวห่วยด้วย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มช่องทางการขาย เพิ่มรายได้ให้กับผู้ผลิตสินค้าชุมชนอีกทางหนึ่ง อันจะส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างยั่งยืน บรรลุเป้าหมายตามแนวนโยบายของกระทรวงพาณิชย์และของรัฐบาลด้วย

“ร้านค้าโชวห่วย มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดของพวกเรา และอยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน เป็นธุรกิจพื้นฐานที่คนเริ่มหัดทำมาค้าขายต้องเคยทำ ก่อนที่จะขยายและแตกสาขาพัฒนาไปเป็นธุรกิจอื่นๆ  จากข้อมูลการสำรวจของ The Nielsen Company (Thailand) ว่าในปี 2562 มีร้านค้าปลีกโชวห่วยทั่วประเทศ จำนวน 443,123 ร้าน แบ่งสัดส่วนเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 34% ภาคกลาง 22% ภาคเหนือ 16% ภาคใต้ 15% และกรุงเทพและปริมณฑล 13% แสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวของธุรกิจในส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่นของไทยให้เข้มแข็ง แต่ด้วยสภาวะการตลาดของธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย ที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านรูปแบบการแข่งขัน การตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาสั่งซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับร้านค้าโชวห่วยเองยังขาดองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการที่เป็นระบบ เข้าไม่ถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่มีการจัดทำบัญชีและภาษี ไม่มีทายาทรับช่วงต่อ ราคาสินค้าแข่งขันไม่ได้ เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน อีกทั้งไม่มีช่องทางรายได้อื่น ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับร้านค้าขนาดใหญ่ได้ ดังนั้น ร้านค้าโชวห่วยในท้องถิ่นจึงต้องปรับตัวด้วยการจัดร้านให้เป็นระบบ นำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับรูปแบบการทำธุรกิจ เช่น เครื่อง POS มีโปรโมชั่นสนับสนุนจากซัพพลายเออร์ มีสินค้าชุมชนที่เป็นอัตลักษณ์ มีบริการเสริมเพิ่มรายได้ และขยายสู่ออนไลน์ จึงจะสามารถบริหารธุรกิจให้ Smart และเติบโตอย่างยั่งยืน”

"พิพัฒน์"ชมนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร



 รมว.ท่องเที่ยวและ​กีฬา​ เยี่ยมชมนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ที่ท้องสนามหลวง  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเยี่ยมชมนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 โดยมีนาย​โชติ​ ตราชู​ ปลัด​กระทรวง​การ​ท่องเที่ยว​และ​กีฬา​ นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนให้การต้อนรับและเข้าร่วมชมการแสดง


รัฐบาล มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน อาทิ กระทรวงกลาโหม สำนักนายกรัฐมนตรี จัดแสดงนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น. ณ ท้องสนามหลวง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ตลอดจนเพื่อเผยแพร่ อนุรักษ์ สืบทอดและต่อยอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่ โดยภายในนิทรรศการฯ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย 

ส่วนที่ 1 “เถลิงถวัลย์ราชสมบัติ สยามรัฐสีมา” มีรูปแบบการจัดแสดงแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ได้แก่

ห้องที่ 1 “มหามงคลสมัยพระขวัญไผทเถลิงรัช” จัดแสดงองค์ความรู้เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน โดยมีเนื้อหาและภาพพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์และการแสดงมหรสพสมโภชทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ผ่านจอแอลอีดีและแท่นอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตา รวมทั้งห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ E-book สำหรับสืบค้นและศึกษาข้อมูล ภาษาไทยและอังกฤษ

ห้องที่ 2 “นิรมิตเรืองนทีเถลิงหล้า” จัดแสดงแสง สี เสียง และสื่อผสม นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความสุขของคนไทยใต้ร่มพระบารมีผ่านจอแอลอีดีในรูปแบบ 3 มิติ ประกอบการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากดารา นักแสดงที่มีชื่อเสียง และการแสดงขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค เรือพระราชพิธีจำลอง 52 ลำ พร้อมกาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย

ห้องที่ 3 “ขบวนนาวาอารยศิลป์แผ่นดินสยาม” จัดแสดงองค์ความรู้เกี่ยวกับขบวนพระยุหยาตราทางชลมารคตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนำเสนอภาพขบวนเรือจากอดีตถึงปัจจุบันผ่านจอแอลอีดี รวมทั้งกาพย์เห่เรือ จำลองภาพเรือ 52 ลำ ประกอบคำบรรยาย พร้อมทั้งจัดแสดงเครื่องดนตรีประกอบการเห่เรือและหุ่นแสดงเครื่องแต่งกายของพนักงานประจำเรือ ทั้งนี้ ภายในพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการฯ ทั้ง 3 ห้อง จัดทำอารยสถาปัตย์และจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการและผู้สูงอายุอีกด้วย
       
ส่วนที่ 2 “ศรีศุภยาตรา ปวงประชารวมใจถวายพระพร” จัดแสดงเรือพระที่นั่งจำลอง 4 ลำ  ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9, เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ประกอบการแสดงเห่เรือจากกองทัพเรือ รวมทั้ง มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมจาก 4 ภูมิภาค และการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ การแสดงละครนอก ละครใน โดยนักแสดงจากกรมศิลปากรและสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
       
ส่วนที่ 3 “ม่านธาราลือขจรเฉลิมราชย์องค์ราชัน” จัดแสดงม่านน้ำประกอบแสง สี เสียง เฉลิมพระเกียรติฯ  นำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตคนไทยกับสายน้ำที่ผูกพันมาอย่างยาวนาน และความวิจิตร ตระการตาของโขนเรือขบวนพยุหยาตราทางชลมารค รวมทั้งพระราชกรณียกิจต่างๆ ผ่านเทคนิคม่านน้ำ 
       
ส่วนที่ 4 “เอมอิ่มสุขสันต์ครบครันสำรับไทย” จำหน่ายสุดยอดอาหารไทยเลิศรสจากร้านที่มีชื่อเสียง 
       
รัฐบาล ขอเชิญชวนประชาชนร่วมชมนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในพระราชประเพณีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของไทยที่สืบทอดมายาวนานจนถึงปัจจุบัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม 1765 และ www.m-culture.go.th


  

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562

"จุรินทร์"มอบ 3 ทูตไทยที่สหรัฐฯ ถกผู้แทนการค้าแก้ตัดGSP!



"จุรินทร์"สั่งตั้งวอร์รูม กรอ.พาณิชย์ รับมือสหรัฐฯตัด GSP เร่งเจาะตลาดรายมณฑล-รายรัฐด่วน! พร้อมมอบทูตพาณิชย์กรุงวอชิงตันประสานทูตไทยและทูตแรงงานหารือกับผู้แทนการค้า USTR

วันที่ 30  ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าสำหรับความคืบหน้าเรื่องจีเอสพีนั้น วันนี้ตนได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ที่กรุงวอชิงตันดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ประสานงานกับเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันดีซีและทูตแรงงานเพื่อที่จะได้นัดหมายไปหารือกับผู้แทนการค้า(USTR) ที่กรุงวอชิงตันดีซีซึ่งได้รับรายงานมาแล้วว่าจะมีการนัดหมายเข้าพบ เพื่อหารือกันในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ผลเป็นอย่างไรก็จะรายงานมาให้ทราบต่อไป
 




ประการที่สอง คือในส่วนของการเตรียมการสำหรับการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการตลาดก็จะมี 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งในภาพรวมทั้งหมดก็มีการเตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้วในการบุกตลาดใหญ่ใหญ่ทั่วโลก 10 กลุ่มตลาดใหญ่ ซึ่งมีการประชุม กรอ.พาณิชย์โดยก่อนหน้าที่จะทราบว่ามีการตัดสิทธิ GSP สินค้าไทย โดย 10 ตลาดใหญ่ก็อย่างที่ตนได้รายงานให้ทราบแล้วว่าตลาดสำคัญโดยเฉพาะประเทศใหญ่ใหญ่ที่มีประชากรมากมีศักยภาพสูง เช่น จีน อินเดีย สหรัฐอเมริกา การการดำเนินการจะลงลึกถึงหลายมณฑล เช่น ในจีน หรือรายรัฐในรายสหรัฐอเมริกา จึงได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทำรายละเอียดมาว่ารัฐไหนมีความต้องการสินค้าบริการอะไรของเรา และเราสามารถเจาะตลาดได้ในรูปแบบไหนอย่างไรควรจะไปขายอะไร ดำเนินการลงลึกถึงรายละเอียดและผมจะทำหน้าที่ในการนำทัพเอกชนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ไปบุกตลาดทั้ง 10 ตลาด +3 ประเทศใหญ่ดังที่เรียน 

สำหรับหมวดสินค้าที่ถูกตัด GSP มี 500 กว่ารายการด้วยกันนั้ยแต่มีภาระภาษีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 4-5 โดยประมาณแต่ตั้ง 500 กว่ารายการมีผลกระทบที่แตกต่างกันเช่นบางรายการเคมีภัณฑ์มีภาระภาษีจาก 0% เป็น 0.01% ซึ่งเกือบจะเรียกได้ว่าไม่กระทบเลยแต่บางรายการก็เสียภาษี 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ตนได้มอบให้ท่านปลัดกระทรวงจัดตั้งวอร์รูมในเรื่องนี้ขึ้นมาใน กรอ.พาณิชย์ เพื่อหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนที่ได้รับผลในเรื่องของภาษีที่ต้องจ่ายในการนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐเฉพาะตัวที่ได้รับผลกระทบสำคัญๆ โดยให้หารือกันและข้อสรุปร่วมกันว่ากระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือคลี่คลายปัญหานี้อย่างไรชดเชยอย่างไร หรือเจาะตลาดอื่นหรือเข้าไปดูแลช่วยเหลืออย่างไร และจะจับมือร่วมกันทำตัวเลขเก่าให้คงเดิมหรือเพิ่มขึ้นได้อย่างไร ตนจะเชิญประชุมอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่วอร์รูมได้ข้อสรุปมาแล้วนี่คือสิ่งที่ขอเรียนให้ทราบความคืบหน้า

สำหรับการประชุมอาเซียนซัมมิท มีการประชุมกัน โดยถ้าเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและ  RCEP หรือ มีอาเซียน + สหรัฐ + จีน อินเดีย ตนจะเป็นประธานในที่ประชุมเวทีนี้ต้องดูความเหมาะสม เพราะเป็นเวทีอาเซียน แต่กรณี GSP นี้เป็นประเด็นเฉพาะไทยกับสหรัฐไม่ใช่อาเซียนกับสหรัฐ สำหรับการนำเข้าหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดงตามที่ถามอันนั้นเป็นสิ่งที่เขาเรียกร้องมานานแล้วแต่เที่ยวนี้เป็นเรื่องแรงงาน ไม่ใช่เรื่องที่ใช้ในการตัดสิทธิ์ในรอบนี้ อย่างไรก็ตามเราต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักถ้าปล่อยให้มีการนำเข้าเนื้อแดงที่มีสารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐจะกระทบกับสุขอนามัยของผู้บริโภคเราหรือไม่อย่างไร 

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 30 จนถึงวันที่ 4-5 พย.2562 มีหลายวงทั้งวงรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนทั้งวงรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน + จีน + อินเดีย + ออสเตรเลีย + นิวซีแลนด์ + เกาหลีญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งการประชุมวันศุกร์นี้กับ USTR (ผู้แทนการค้า) จะตรงประเด็นที่สุดและเร็วที่สุดแล้ว

ฮือฮา!วัตถุมงคลงานทอดกฐินวัดช้างบ้านนานครนายก แจก"ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคลรุ่น 1"



ฮือฮา!...วัตถุมงคลงานทอดกฐินวัดช้าง อ.บ้านนา จ.นครนายก  แจก "ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น 1"  เป็นที่ระลึกแก่ ญาติโยม ผู้เป็นเจ้าภาพกฐิน วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562


งานบุญทอดกฐินสามัคคี  วัดช้าง ในวันที่ 3 พ.ย.2562  นี้  พระครูโสภณนาคกิจ หรือ พระอาจารย์เดช อายุวฑฺฒโก เจ้าคณะอำเภอบ้านนา เจ้าอาวาสวัดช้าง ได้เมตตาจัดสร้างวัตถุชัยมงคล ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น 1 ทั้งก่อนที่จะได้ร่วมบุญกับทางวัดพระอาจารย์เดชก็จะทำการปลุกเสกวัตถุชัยมงคลตามวาระฤกษ์มงคลของท่านให้ดีที่สุดที่ได้ดำเนินการจัดสร้าง เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้เพิ่มพูนร่วมบุญกฐิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างเสนาสนะภายในวัดให้แล้วเสร็จสืบต่อไป  มาร่วมบุญอนุโมทนาบุญกฐินกับทางวัด

สำหรับการจัดสร้างวัดถุมงคลนี้ โบร่ำโบราณเชื่อกันว่าใช้สำหรับ ตัก ตวง เพิ่มพูนทรัพย์สิน เงินทอง นำพาเป็นโภคทรัพย์หนุนนำสิ่งมงคลต่างๆ เข้าบ้านเรือน ตามความเชื่อโบราณท่านว่า หากบ้านไหนมีช้อนเงิน ช้อนทองอยู่ในบ้านจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้นพบเจอแต่ความเจริญรุ่งเรือง ในทุกๆ ด้าน เพราะช้อนเงินช้อนทองคู่นี้จะสามารถตักเงิน ตักทอง เข้าบ้าน

หากแม้นเป็นงานมงคลสมรสของคู่บ่าวสาว หลาย ๆ คู่ ก่อนที่จะจัดงานมงคลระหว่างกัน ก็มักจะมองหาสิ่งที่มีความประทับใจและมีนัยยะความหมายดี ๆ และเหมาะสม เป็นเครื่องหมายสำหรับผู้มาร่วมงานแสดงความยินดีให้กับผู้เป็นเจ้าของงาน และมอบให้เป็นสิ่งตอบแทนกลับไปเป็นที่ระลึกในงานมงคลอีกด้วย

จำนวนการจัดสร้างไม่มากนัก  ประกอบด้วย  เนื้อเงิน  59  ชิ้น เนื้อขาวซิลเวอร์พลัส 1,000 ชิ้น เนื้อเหลืองทองทิพย์  1,000  ชิ้น เนื้อแดงสัมฤทธิ์  1,000  ชิ้น ในงานบุญทอดกฐินสามัคคีวัดช้าง




ในวาระอันเป็นมงคลนี้หลวงพ่อท่านได้เมตตาจัดสร้างวัตถุชัยมงคล ช้อนเงิน ช้อนทอง มหามงคล รุ่น ๑ ก่อนที่จะได้ร่วมบุญกับทางวัดหลวงพ่อท่านก็จะทำการปลุกเสกวัตถุชัยมงคลตามวาระฤกษ์มงคลของท่านให้ดีที่สุดที่ได้ดำเนินการจัดสร้าง เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้เพิ่มพูนร่วมบุญกฐิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างเสนาสนะภายในวัดให้แล้วเสร็จสืบต่อไป 

ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบุญทอดกฐิน กลับวัดบ้านนา ได้ที่ Page https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=2859568004053253&id=100000002455353

ส.ส.แรงงาน"อคน."แนะ 6 มาตรการแก้สหรัฐตัด"จีเอสพี"




เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ และประธานคณะกรรมธิการแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) ของไทยในวันที่ 25 เมษายน 2563 โดยให้เหตุผลว่า ประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาแรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยหลังจากที่ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกมาให้สัมภาษณ์ ที่นอกจากจะไม่ได้ตอบคำถามข้อสงสัยว่า สิทธิแรงงานข้อไหนที่เป็นปัญหาจนนำมาสู่การ ตัดสิทธิพิเศษนี้ อีกทั้งยังไปพาดพิงประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นเรื่อง นิสัยส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า 

ในฐานะตัวแทนของชนชั้นแรงงานเสนอว่า การแก้ปัญหาด้านสิทธิแรงงานข้างต้นอย่างเป็นระบบเท่านั้นจึงจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานให้มีชีวิตที่มั่นคงปลอดภัยได้ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่เสนอกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 6 ข้อ เพื่อแก้ระยะแรก 

1.รัฐต้องรับ อนุสัญญา ILO 87 , 98 ว่าด้วยเรื่องการรวมตัวเจรจาต่อรอง เพื่อสนับสนุนเพิ่มอำนาจให้คนทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถต่อรองกับนายจ้างได้ จะไม่นำมาสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการจ้างงานในที่ทำงานเดียวกัน

2.การต้องปรับเปลี่ยนพนักงานรายวันสู่การเป็นพนักงานรายเดือนเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับชีวิตของคนทำงาน ที่ปัจจุบันในสายการผลิตเดียวกันทำงานเดียวกัน แต่คนนึงเป็นพนักงานรายเดือนที่ได้เงินที่มั่นคงทุกเดือน อีกคนเป็นพนักงานรายวันที่หากวันไหนเกิดป่วยหรือวันหยุดที่ไม่ได้มาทำงานก็จะขาดรายได้ไปชีวิตไม่มั่นคงรายได้ไม่แน่นอน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดมาเป็นทศวรรษ 

3. ต้องปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรืออัตราเงินเฟ้อตามแต่ค่าใดสูงกว่า เพื่อให้รายได้ของผู้ใช้แรงงานสอดรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

4. ต้องลดชั่วโมงการทำงานรายสัปดาห์ เป็น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อเพิ่มเวลาพักผ่อนให้กับคนทำงานให้คนทำงานได้มีเวลาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เพิ่มวันหยุดพักร้อนเป็น 10 วันต่อปีและสามารถสะสมได้ 

5. การเพิ่มสิทธิการลาคลอดและการเลี้ยงดูบุตรโดยได้รับค่าจ้างเป็น 180 วัน เพื่อให้สอดรับกับสังคมผู้สูงอายุที่มีประชากรรุ่นใหม่จำนวนน้อยลง 

6. การกำหนดค่าจ้างตามประสบการณ์และมาตรฐานแรงงานเพื่อป้องกันการที่ผู้ใช้แรงงาน ต้องอยู่กับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตลอดชีวิต

"สิ่งต่างๆเหล่านี้พรรคอนาคตใหม่มีความพยายามเป็นอย่างยิ่ง เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรส่วนหนึ่งของพรรคมาจากคนงาน มาจากผู้ใช้แรงงาน เพื่อสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และอยากให้ภาคสังคมรวมไปถึงผู้บริหารประเทศ เข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง มิเช่นนั้นจะโดนบิดเบือนอยู่อย่างนี้ ซึ่งเรื่องของวัฒนธรรมไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม และยกระดับมาตรฐานสากล ประชาชนต้องตื่นตัวกับปัญหา GSP นี้ ที่จะต้องแก้ไขโดยด่วน โดยอาจจะส่งผลต่อไปกับภาคธุรกิจ และพี่น้องผู้ใช้แรงงาน" นายสุเทพ กล่าว





"แพนเค้ก​ เขมนิจ​"พร้อมครอบครัวทำบุญทอดกฐินที่วัดไทยเมืองลียง​ฝรั่งเศส

  


"แพนเค้ก​ เขมนิจ​"พร้อมครอบครัวทำบุญทอดกฐินที่วัดไทยเมืองลียง​ฝรั่งเศส  สมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นประธาน

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณกรรมการฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา กรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปเป็นประธานในการทอดกฐินสามัคคี​ ณ​ วัดนวมินทรราชูทิศ​ เมืองลียง​ ประเทศฝรั่งเศส ในโอกาสนี้มี"แพนเค้ก​ เขมนิจ​ เขมนิจ​ จามิกรณ์" นางนวลอนงค์​ จามิกรณ์​ พร้อมครอบครัวและคณะ​ ได้เดินทางไปร่วมทำบุญด้วย



Cr.เพจ Watnawamin Lyon

กรุงศรีฯบุกญี่ปุ่นรุกหนักใช้จ่ายเงินผ่านคิวอาร์โค้ดประสบความสำเร็จงดงาม




 กรุงศรีฯบุกญี่ปุ่นรุกหนักใช้จ่ายเงินผ่านคิวอาร์โค้ดประสบความสำเร็จงดงาม นำร่องห้างใหญ่ตึกม่วงประสบความสำเร็จเกินคาด คนไทยแห่ช้อปพุ่งขึ้นเท่าตัว เตรียมขยายบริการอีก 5 ร้านยอดนิยมของคนไทย  พร้อมรุกต่อร้านดิวตี้ฟรีสนามบินทุกแห่งในญี่ปุ่น 

วันที่ 29 ต.ค.62 นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงศรี มีแผนรุกตลาดการชำระเงินผ่าน คิวอาร์โค้ด ในประเทศญี่ปุ่น หลังนำร่องร่วมกับห้างทาเคยะ หรือตึกม่วง แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมของคนไทย เป็นแห่งแรก และได้ผลสำเร็จเป็นอย่างดี อีกทั้งเตรียมแผนขยายคิวอาร์โค้ดไปยัง ร้านดิวตี้ฟรี ทุกสนามบินในญี่ปุ่น และเจรจา กับร้านค้ายอดนิยมของคนไทยในญ่ปุ่น ได้แก่ เอบีซี มาร์ท (ABC- MART) บิ๊ก คาเมร่า (BIC CAMERA) อะเมโยโกะ มาร์เก็ต (Ameyoko Market) และอะซากุสะ มาร์เก็ต (Asakusa Market) และดองกี้ (Donki)

“กรุงศรี ได้รับการสนับสนุนจากเอ็มยูเอฟจี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ให้ไทยคิวอาร์เปย์เม้นท์ ใช้รับชำระเงินในญี่ปุ่น ปัจจุบัน คิวอาร์โค้ด นอกจากแบงก์กรุงศรี ยังมีธนาคารขนาดใหญ่ของไทย 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ  โดยกรุงศรีรับเป็นตัวกลาง ชำระเงิน ในญี่ปุ่น และในอนาคต เตรียมขยายให้ธนาคารทุกแห่งของไทยสามารถชำเงินผ่านคิวอาร์โค้ดได้ทั้งหมด นอกจากในญี่ปุ่นแล้ว ยังมีแผนนำคิวอาร์โค้ดของไทย ไปชำระเงิน ที่กัมพูชา เวียดนาม และลาว”

ทั้งนี้ การชำระเงินคิวอาร์โค้ดที่ตึกม่วง ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนไทย โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ใช้บริการ 39 ครั้ง คิดเป็นเป็นเงิน 260,000 บาท เดือนกันยายน มีผู้ใช้บริการ 56 ครั้ง คิดเป็นเป็นเงิน 400,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1-15 ตุลาคม มีผู้ใช้บริการ 80 ครั้ง คิดเป็นเงิน 520,000 บาท โดยการใช้บริการแบ่งเป็น ธนาคารกรุงศรี 175 ครั้ง  ธนาคารกสิกรไทย 83 ครั้ง ธนาคารไทยพาณิชย์ 76 ครั้ง และธนาคารกรุงเทพ 52 ครั้ง

สำหรับ สินค้ายอดนิยมที่คนไทยซื้อมากที่สุด อันดับ 1 ยาและวิตามิน อันดับ 2 เครื่องสำอาง อันดับ 3 ขนม และอันดับ 4 สินค้าแบรนด์เนม ขณะที่ ยอดใช้จ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด ปัจจุบัน คิดเป็น 2.33% เมื่อเทียบกับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และเชื่อว่า ยอดใช้จ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือ 5-6%  เมื่อเทียบกับยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต นอกจากนี้ ธนาคารพร้อม ทำแคมเปญร่วมกับตึกม่วงอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้คนไทยใช้จ่ายผ่านคิวอาร์โค้ด

นายชินโสะ ทาเคทานิ ประธาน บริษัท ทาเคยะ จำกัด หรือ เจ้าของตึกม่วง กล่าวว่า ตึกม่วงร่วมกับธนาคารกรุงศรีทำแคมเปญการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต มาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว และการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด ในเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก และเชื่อว่าอัตราการเติบโตจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยคนไทยมาซื้อสินค้าที่ตึกม่วง หากนับเป็นจำนวนคนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของลูกค้าต่างประเทศ แต่หากเป็นจำนวนเงิน คนจีน ยังเป็นอันดับ 1

“โดยแต่ละเดือนยอดขายสินค้าทีตึกม่วง   660 ล้านเยน ต่อเดือน ถ้าเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ มียอดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ลูกค้าคนไทยมาใช้บริการต่อเดือน 3,500 คน แต่ช่วงสงกรานต์ เพิ่มขึ้นเป็น 14,000 คน “


"ก้อง ห้วยไร่"ถวายเพลเณรโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดภูเก็ตน่าน



"ก้อง ห้วยไร่"พาคณะเข้าวัดทำบุญถวายเพลเณรโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดภูเก็ตน่าน ตามโครงการของวัด "หนึ่งพันบาทเลี้ยงพระเณรได้ทั้งโรงเรียน" 

วันที่ 29 ต.ค.2562  ที่วัดภูเก็ต อำเภอปัว จังหวัดน่าน "ก้อง ห้วยไร่" นักร้องลูกทุ่งดังเจ้าของผลงานเพลงดัง "ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน" และคณะไปทำบุญเลี้ยงเพลสามเณรโรงเรียนวัดภูเก็ต ตามโครงการของวัด "หนึ่งพันบาทเลี้ยงพระเณรได้ทั้งโรงเรียน"  ซึ่งมีพระภิกษุ สามเณรอาศัยอยู่ในวัดเพื่อศึกษาเล่าเรียนทั้งนักธรรม บาลีและแผนกสามัญ


พบตำรับยาวัดโพธิ์ที่มีกัญชาผสมด้วย! โชว์สัปดาห์ “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ”




1 ปีมีครั้งเดียวเปิดแล้ววันนี้ งานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติปีที่ 4 สานต่อภูมิปัญญาของชาติ โชว์ตำรับยาวัดโพธิ์ผสมกัญชา  ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09.00 น.- 17.00 น.


วันที่ 29 ต.ค.2562 ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) กรุงเทพมหานคร นายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย  จักรพันธุ์ ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ 3  “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” และเปิดงาน “สัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” ประจำปีพุทธศักราช 2562 

โดยมีนายแพทย์มรุต  จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวรายงานความเป็นมาของการจัดงานว่า    ตามที่รัฐบาล ได้กำหนดให้ วันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี เป็น "วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ" เพื่อสดุดี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ในฐานะ "พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย" ที่ทรงมีคุณูปการต่อการแพทย์แผนไทยในทุกด้าน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ด้านเภสัชกรรมไทย  การนวดไทย  ดังปรากฏอยู่ตามศาลารายและแผ่นจารึกตำรายาในวัดโพธิ์ 



ปีนี้ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ ตลอดทั้ง 6 วัน ได้แก่ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” นิทรรศการประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน ภูมิปัญญาชาติกว่า 2 ศตวรรษ...ก้าวสู่ตำรับยาแห่งชาติ กว่า 200 ตำรับ พร้อมเปิดตัวตำรับยาของชาติจากจารึกวัดโพธิ์ ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม   นิทรรศการกัญชา            ทางการแพทย์ โดยโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จัดแสดงโมเดล จำลองการปลูกกัญชา นิทรรศการให้ความรู้กัญชาตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย การให้บริการตรวจ รักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย และการแพทย์ทางเลือก มีเวทีสอน สาธิตองค์ความรู้ทางวิชาการตำรับ  ตำรา ยาไทย และฝึกปฏิบัติการดูแลสุขภาพด้วยแพทย์แผนไทย และสมุนไพร  แจกกล้าพันธุ์ไม้สมุนไพร พบการออกร้านจำหน่ายสินค้า และผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย สมุนไพรต่าง ๆ รวมทั้งอาหารพื้นเมืองที่ได้มาตรฐานจากทุกภาคทั่วประเทศ



สำหรับปีนี้ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะมีพิธีส่งมอบต้นฉบับตำรับยา ตำราการแพทย์แผนไทย ซึ่งได้รับการส่งมอบจากพสกนิกรชาวไทยส่งต่อให้กับกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดเก็บรวบรวมให้เป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป

จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจมาร่วมงาน “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” ระหว่างวันที่  29 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2562 ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เวลา 09.00 น. – 17.00 น.

โครงสร้างนิยายเรื่อง "น่านรัก"

โครงสร้างนิยายเรื่อง "น่านรัก" 1. บทนำ เปิดเรื่อง : สันติสุข ชายหนุ่มนักเขียนนิยายธรรมะที่ต้องการค้นหามิติใหม่ของการเล่าเรื่องธรรม...