เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงลาการประชุม ทรงมีพระบัญชาให้ สมเด็จพระธีรญาณมุนี เป็นประธานในการประชุมมหาเถรสมาคม โดยมีกรรมการมหาเถรสมาคมเข้าร่วม การนี้นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กราบทูลถวายเปิดการประชุม โดยหลังการประชุมเสร็จสิ้น คณะโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แถลงข่าวการประชุมมหาเถรสมาคม ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจนอกจาก มีเรื่องการจัดการศาสนสมบัติ จำนวน 25 ประเด็น อาทิ การจัดการศาสนสมบัติ การขอเช่าที่ดินวัด,ขอเช่าที่ธรณีสงฆ์,การขยายระยะเวลาเช่าที่ดินตั้งวัด,การขยายระยะเวลาการเช่าและขอปรับลดอัตราค่าเช่าธรณีสงฆ์,การต่อสัญญาเช่าที่ดินวัด,และร่างงบประมาณศาสนสมบัติกลาง แล้ว
มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากคือ การขอควาเห็นจากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 44 ) ซึ่งถือว่าเป็น “ปรากฎการณ์ใหม่” ที่นำกฎหมายเข้ามาดูแลปกป้องคุ้มครองคณะสงฆ์ไทย
สอดคล้องกับก่อนหน้านี้มีประเด็นที่ พรรคประชาชาติ ยื่นร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ซึ่ง นายสุพจน์ อาวาส โฆษกพรรคประชาชาติ เปิดเผยบางช่วงไว้ว่า
“ร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญาฉบับนี้ เป็นการเพิ่มเติมมาตรา 206 เป็นมาตรา 206/1 และมาตรา 206/2 สำหรับมาตรา 206 เป็นมาตราอยู่ในลักษณะ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนาซึ่งมีบทบัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่วัตถุ หรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
สำหรับ มาตรา 44 ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 ระบุไว้ว่า “ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์ไทย อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความแตกแยก ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ ..”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น