วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

รอง กมธ.ศาสนาฯสภาฯ เผยจ่อเรียก "ตำรวจ ปปป.-สอบสวนกลาง" แจงปมบุกปราบเงินทอนวัดเฟส 4

 


วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณี ผบก.ปปป. รวมกว่า 60 นาย เปิดปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี ทุจริตเงินทอนวัด” ได้กระจายกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด ในพื้นที่ จ.นครนายก จ.นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อตามจับผู้กระทำผิดทุจริตเงินอุดหนุนวัด ของสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) รวมถึงตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด รวมทั้งมีการแถลงข่าวที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 อาคารสำนักงานกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ในชื่อปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี” ดำเนินคดีผู้ร่วมขบวนการทุจริตเงินอุดหนุนวัด ความเสียหายกว่า 110 ล้านบาท

นายเพชรวรรต กล่าวว่า จากที่ตนได้ลงพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและเชียงราย ตามกำหนดการลงพื้นที่ของ กมธ.ศาสนาฯ ตนได้รับการร้องเรียนจากพระสงฆ์และประชาชนเป็นจำนวนมาก ที่กล่าวว่า ปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี” จะเป็นการเชิดชูพระพุทธศาสนาให้ดีขึ้น หรือจะเป็นการทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียมากกว่าเดิม เพราะเป็นการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกสู่ที่รโหฐานของพระภายในวัด โดยนำนักข่าวเข้าไปปฏิบัติการทำข่าวด้วย ทำให้ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยไม่สบายใจว่าจะทำให้ความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ที่เสื่อมถอยอยู่แล้ว จะยิ่งแย่กว่าเดิมหรือไม่ ในแนวคิดของผู้ร้องเรียนเห็นว่า เหมาะสมหรือไม่ ที่จะสนธิกำลังจำนวนมากมายถึง 60 คน ซึ่งเป็นงบประมาณแผ่นดินทั้งสิ้น

อีกทั้งตนเห็นการห่มดองครองผ้า โดยปกติพระจะดำเนินกิจกรรมสงฆ์อยู่ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังเข้าไปกว่า 60 รูป จะผิดตาม มาตรา 207 ผู้ใดก่อให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในที่ประชุมศาสนิกชนเวลาประชุมกัน นมัสการ หรือกระทำพิธีกรรมตามศาสนาใด ๆ โดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือไม่ ทั้งนี้ยังมีข้อร้องเรียนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปในกุฏิพระสงฆ์ที่ยังไม่มีข้อพิพากษา แต่สวมหมวกใส่รองเท้าไม่ให้เกียรติสถานที่ จะผิดตาม มาตรา 206 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ แก่วัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยามศาสนานั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือไม่


อย่างไรก็ตาม การนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก และนำนักข่าวเข้าไปทำข่าวเพื่อเผยแพร่ไขข่าว จนอาจทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสียรวมถึงพระสงฆ์ผู้ต้องคดี ตนเห็นว่าเพื่อให้เกิดความสบายใจของประชาชนชาวพุทธที่ร้องเรียนมายังกรรมาธิการ ตนก็จะเสนอให้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติการดังกล่าวเข้ามาชี้แจงในชั้นกรรมาธิการ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แนะแนวแก้ "ขัดแย้ง-รุนแรง" ของชาวพุทธ ในปริบทพุทธสันติวิธี

การใช้หลักพุทธสันติวิธีในการแก้ไขความขัดแย้งในวงการพระสงฆ์และสังคมไทยสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดปัญหาความรุนแรงและเสริมสร้าง...