เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และรองอธิการบดี สจล. ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน มุ่งหนุนเสริม “เสาหลักของประเทศชาติ” คือ ชาติ ศาสนา และมหากษัตริย์ ให้เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 09.00 น. ที่พระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และศาสตราจารย์ ดร. สุรินทร์ คำฝอย รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายแผนงาน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยมี พระธรรมวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา รองประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศของมหาเถรสมาคม พระเทพวชิรโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย พระเถรานุเถระ รองศาสตราจารย์วรวรรณ โรจนไพบูลย์ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ร่วมในพิธี
เนื่องโอกาสอันเป็นมงคลนี้ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เมตตาแสดงสัมโมทนียกถา ความว่า วันนี้เป็นโอกาสดี เป็นนิมิตมงคลที่ดีอย่างสำคัญยิ่ง ที่หน่วยงานภาคีเครือข่ายได้ตั้งกุศลและเจตนาในการที่จะสนองงานภารกิจของคณะสงฆ์ ในฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม โดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชนในประเทศ พร้อมด้วยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่สนองงานคณะสงฆ์มาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน และเป็นสักขีพยาน ซึ่งพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย
เนื่องด้วยชนชาติไทยนับตั้งแต่มีประวัติความเป็นชาติมาได้นับถือและยกย่องเทิดทูนพระพุทธศาสนาเป็นสรณะชีวิต พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ทรงให้ความสำคัญและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาตลอดมา สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นแก่อาณาประชาราษฎร์ ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและแนวพระราชดำริต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน สร้างความมั่นคงและความวัฒนาสถาพรให้กับประเทศชาติ ซึ่งฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้ขับเคลื่อนงานปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ด้วยการดำเนินโครงการยุทธศาสตร์ 2 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่าย และโครงการสาธารณสงเคราะห์เพื่อสังคมที่ยั่งยืน ตามหลักการดำเนินการ 4 ประการ คือ 1) สงเคราะห์ 2) เกื้อกูล 3) พัฒนา และ 4) บูรณาการ โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเมตตาประทานคติธรรม ในการประชุมสัมมนาขับเคลื่อนงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ตามแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา จากนโยบายสู่การปฏิบัติงานระดับจังหวัด ความตอนหนึ่งว่า “บุคคลพึงบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อเกื้อกูลกันและกัน ด้วยการละคลายความเป็นตัวตนให้มากที่สุด ให้สมดังพุทธศาสนีที่ว่า “ภูตํ เสสํ ทยิตพฺพํ” แปลความว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ควรเกื้อกูลกัน”
เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ แสดงสัมโมทนียกถาต่อว่า คณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม มีหน้าที่ในการสนองงานคณะสงฆ์ ด้วยการดำเนินการ กำกับ สอดส่อง ดูแล สนับสนุน ส่งเสริม แนะนำ การสาธารณสงเคราะห์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดีงาม เหมาะสมแก่ท้องถิ่น และสอดคล้องกับพระธรรมวินัยและวัตรปฏิบัติ รับเป็นธุระนำหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการทำงานทางพระพุทธศาสนาสู่การปฏิบัติให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดแก่ประชาชนโดยส่วนรวม พัฒนางานสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์และบูรณาการงานอบรมประชาชนกลาง หรือ อ.ป.ก. โดยความร่วมมือของวัด ชุมชน โรงเรียน และส่วนราชการ อีกครั้งได้ช่วยกันพัฒนาสร้างสังคมสุขภาวะสู่นโยบายระดับชาติ ระดับหน ระดับภาค ระดับจังหวัด และระดับพื้นที่ ให้มีการรับรู้และทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อเป็นแผนปฏิบัติงานในระยะยาวต่อไป ซึ่งการเข้าร่วมพัฒนาชุมชนของคณะสงฆ์ถือเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ของพระบรมศาสดา ซึ่งทรงมุ่งหวังให้พระสงฆ์เข้าไปช่วยเหลือสังคมเท่าที่จะทำได้ ดังพุทธพจน์ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ในคราวส่งพระภิกษุเป็นพระธรรมทูตชุดแรกออกไปประกาศพระศาสนาว่า “พระภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเที่ยวจาริกไป เพื่อการบำเพ็ญประโยชน์ต่อปวงชน เพื่อการเสริมสร้างความสุขต่อปวงชน และเพื่อเมตตานุเคราะห์ต่อประชาชนชาวโลกทั้งปวง”
“ในการลงนาม MOU ร่วมกันในวันนี้เป็นการประสานพลังความร่วมมือเพื่อสนับสนุนส่งเสริมบทบาทหน้าที่ซึ่งกันและกัน โดยใช้หลักแห่งความเมตตาธรรม คือความหวังดี ความปรารถนาดีต่อกัน ในการจะอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันบรรเทาทุกข์ ทั้งในส่วนของวิชาการและพัฒนา เพื่อก่อให้เกิดทิฏฐธัมมิกัตถะประโยชน์ อันหมายถึงประโยชน์ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 1) อุฏฐานสัมปทา คือ ความถึงพร้อมในการขยันหา ทั้งในความรู้และการทำหน้าที่ 2) อารักขสัมปทา มีความพร้อมในการรักษาสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาโดยถูกวิธี รู้จักประหยัด รู้จักเก็บ อดออม 3) กัลยาณมิตตตา รู้จักคบคนดีเป็นมิตร 4) สมชีวิตา ประกอบสัมมาอาชีพ เลี้ยงชีวิตให้เหมาะสมกับฐานะ โดยอาศัยหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาเป็นต้นทาง สร้างสังคมชุมชนให้เอื้อต่อการพัฒนา ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดและสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงประกาศเป็นปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร” ตลอดไป เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวในช่วงท้าย
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายสักการะเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ พร้อมกล่าวถวายรายงาน ความว่า “วันนี้เป็นวันที่สำคัญยิ่งของชีวิตของพวกเราชาวมหาดไทย และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ได้เมตตา ให้พวกเราชาวมหาดไทยและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้มีโอกาสดีของชีวิตในการมาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน เพื่อส่งเสริมฟื้นฟูภูมิปัญญาในเรื่องการหาเลี้ยงชีพของประชาชนคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ทั่วโลกเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ประยุกต์สู่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนากสิกรรมธรรมชาติสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงในรูปแบบโคก หนอง นา โมเดล เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น อันเป็นการสนองพระบรมราชปณิธานในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ที่ทรงพระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์ โคก หนอง นาแห่งน้ำใจและความหวัง ให้กับพสกนิกรชาวไทย
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า เจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของการลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ เพื่อให้คณะสงฆ์ซึ่งเป็นฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้หนุนเสริมความหวังของประเทศชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุข ตลอดจนพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วัดและพระสงฆ์ได้ดำเนินงานด้านสาธารณะสงเคราะห์ คือ เป็นครู คลัง ช่าง หมอ ด้วยการอบรมสั่งสอน เป็นคลังอาหาร สรรพวิทยาการ โดยพระสงฆ์ที่มีความสามารถทางด้านงานช่าง และวัดเป็นศูนย์กลางของความรู้ทางด้านยาสมุนไพร แพทย์ทางเลือก ดังเช่นที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร แห่งนี้ โดยที่จะนำองค์ความรู้นวัตกรรมของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการหนุนเกื้อนำมาใช้นำแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในหลากหลายมิติ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เป็นภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทยในการหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยพร้อมที่จะขับเคลื่อนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างยั่งยืน
“ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งในความเมตตาของพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ที่เมตตาส่งลูกศิษย์เอก คือ พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม และพระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ มาเป็นที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย และได้เมตตาที่มาช่วยขับเคลื่อนผลักดันให้เกิด Change for good สร้างสิ่งที่ดีงามในสังคมไทย โดยกระทรวงมหาดไทยและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตลอดจนภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย ทั้งข้าราชการฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครต่าง ๆ และภาคประชาชนในทุกจังหวัด จะได้ร่วมกันขับเคลื่อน สิ่งที่เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ และคณะสงฆ์ ได้ตั้งใจในการที่จะบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนอย่างเต็มสติกำลัง ร่วมแรง ร่วมใจ สานพลังร่วมกันระหว่างภาครัฐ วัด และชุมชน เพื่อเกื้อหนุนส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเอง และสามารถปรับตัวได้ต่อบริบทความเปลี่ยนแปลงท่ามกลางภาวะวิกฤตในปัจจุบัน ด้วยการน้อมนำเอาแนวพระราชดำริและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักในการทำงาน ซึ่งความเข้มแข็งของชุมชนจากภายในนี้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะขยายผลไปสู่การพัฒนาสังคมไทยและสังคมโลกด้วยความเมตตาของพระเดชพระคุณคณะสงฆ์ต่อไปอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ
จากนั้นเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และศาสตราจารย์ ดร. สุรินทร์ คำฝอย รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายแผนงาน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยพระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญชัยมงคลคาถา เป็นอันเสร็จพิธี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น