'ชวน หลีกภัย-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' ต้นแบบนักการเมืองน้ำดี : สำราญ สมพงษ์ รายงาน
การประชุมรัฐสภาในวาระการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลโหม ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ความสนใจของคอการเมืองและบุคคลทั่วไปจะมุ่งไปที่การโต้คารมณ์ การโต้เถียง และกริยาอาการของพล.อ.ประยุทธ์ แทนที่จะสนใจเนื้อหาสาระถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างเห็นรูปธรรม ตลอดระหว่างเวลา 2 วันกับอีก 3 คืน แต่ก็ผ่านไปด้วยดี
บุคคลที่ทำให้งานของรัฐสภาออกมาแบบไม่เป็นสภาโจ๊ก สภาฝักถั่ว ยังเป็นสภาของสัตบุรุษที่มีสัปปุริสธรรม 7 ยังมีหลัก มีเกณฑ์ ไม่เป็นไม้หลักปักเลน ไม่มีลักษณ์พวกมากลากไป นั่นก็คือนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา
สิ่งที่เห็นขณะที่นายชวนทำหน้าที่เป็นประธานประชุมคือ การยึดหลักการ ยึดกฏ ระเบียบ และข้อบังคับการประชุมเป็นสำคัญ หากสมาชิกรัฐสภาบุคคลใดไม่ปฏิบัติตามก็จะไม่ยอมเป็นเด็ดขาด โดยไม่ตกอยู่ในวังวนกลเกมทางการเมืองน้ำเน่าหรือวงจรอุบาทว์ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าหากสมาชิกคนใดถูกตำหนิแล้วแทบจะหมดอนาคตทางการเมืองเลยทีเดียว
ดังจะเห็นได้จากการที่นายชวนไม่ยอมให้สมาชิกบางคนประท้วงเพื่อสร้างความเด่นดังหรือหวังเพียงต้องการเป็นข่าวหรือต้องการให้สื่อพวกเดียวกันนำไปเล่นเป็นข่าว หรืออย่างเช่นการไม่อนุญาตให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยได้มีสิทธิอธิปรายอีกครั้ง หลักจากที่ถูกให้ออกจากห้องประชุมขณะอภิปราย แม้ว่านายชวนกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มีความสัมพันธ์อันดีกันมาในอดีต ไม่เหมือนกับคนบางคนที่ประกาศตัดพี่ตัดน้องกันเลยทีเดียวกลางห้องประชุม
ตัวอย่างที่ดีของนายชวนนั้นไม่ใช่มีเพียงทำให้เห็นในห้องประชุมสภาเท่านั้น นอกสภาก็มีให้เห็นเช่นเดียวกัน อย่างเช่นภาพที่เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2562 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กนาม อินเดียน ประชาชนรักษาพระองค์ ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า "เจ้าหน้าที่สภาฯ..ตื้นตัน เกิดมาไม่เคยเจอ ที่ท่านประธานสภาฯมาช่วยเตรียมงานทุกด้าน แต่หนูเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ปกติ สำหรับท่านประธานสภาฯ ชวน หลีกภัย เพราะท่านจะเป็นคนที่มีน้ำใจให้กับผู้อื่นเสมอค่ะ !!" หากเป็กคนอื่นอาจจะรู้สึกแปลก แต่สำหรับเด็กวัดด้วยกันแล้วจะเข้าใจความรู้สึกของนายชวนดี เพราะว่าเด็กวัดส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังให้เป็นคนที่มีจิตอาสา ความเป็นคนมีน้ำใจ มีจิตของความเป็นผู้ให้บริการที่ดี
นี้คือตัวอย่างของนักการเมืองน้ำดีที่มีอายุครบ 81 ปีในวันที่ 28 ก.ค.2562 นี้แล้ว แต่ยังมีสุขภาพร่างกายและจิตใจยังดีเยี่ยม
ตลอดระหว่างเวลา 2 วันกับอีก 3 คืน ของการติดตามการอภิปรายนโยบายของคณะรัฐมนตรีก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับนักการเมืองเท่าใดนัก เพราะการปฏิรูปการเมืองตามที่ประกาศไว้หรือเป็นข้ออ้างของการยึดอำนาจก็ไม่มีผลออกมาเป็นรูปธรรม ประกาศที่จะสร้างความปรองดอง บริหารจัดการความขัดแย้งให้อยู่ในจุดที่ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงทั้งด้านร่างกาย โครงสร้างและวัฒนธรรมก็มีให้เห็นความสงบทางด้านกายภาพที่ถูกกดทับไว้ส่วนด้านโครงสร้างที่เกี่ยวกับกฏ กติกา ก็มีสองมาตรฐานอย่างที่เห็นกรณี ส.ว.250 คนมีหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีได้
แต่ถึงกระนั้นก็มีแสงจากปลายสภาในคืนวันที่สุดท้ายได้เห็บแววของนักการเมืองน้ำดีที่อภิปรายแสดงความคิดเห็นโดยแกะกระดุมให้เห็นถึงแนวทางการบริหารประเทศที่มีประสิทธิภาพตามหลักธรรมภิบาลยึดหลักศาสตร์พระราชาจนครบ 5 เม็ด เขาคนนั้นคือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ส่งผลให้หลักจบการอภิปรายได้รับคำชมทันทีจากพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นชื่นชมรวมถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
รุ่งขึ้นก็ได้รับคำชมจากคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ที่โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว แสดงความชื่นชม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อจากพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้อภิปรายเกี่ยวกับนโยบายทางการเกษตรของรัฐบาลเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ความว่า
"ในท่ามกลางวิถีการอภิปรายในสภาสองวันที่ผ่านมาที่มีการอภิปรายกระทบกระแทกแดกด่า คัดค้าน ตอบโต้ไปมา มีหนึ่งเสียงที่ด้วยเนื้อหาและภาพลักษณ์ทำให้สะดุดใจว่าวิธีพูดวิธีคิดน่าสนใจ จนได้รู้จัก แม้จะอยู่พรรคที่แสดงแต่ผลงานก้าวร้าว น่าสนใจว่าเขาเป็นใครมีประสบการณ์อย่างไรจึงมาอยู่ ณ เวทีนี้
บังเอิญได้สนทนากันก็ให้สนใจว่าเขาแสดงความนอบน้อม และเมื่อบอกเขาว่ากลุ่ม ส.ว. หลายท่านที่นั่งไม่ไกลนักกล่าวชื่นชม หนุ่มน้อยได้แสดงวิถีที่ไม่คาดฝัน เขาขอบคุณที่บอกและบอกว่าอยากจะขอบคุณด้วยตัวเอง แทบไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นอัธยาศัยเช่นนี้ในคนรุ่นใหม่ที่จบจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และไปเรียนต่อเมืองนอกในสาขาที่น่าสนใจยิ่ง ที่สำคัญเขาทราบว่าหมอจบจากวัฒนาวิทยาลัยทำงานอะไรมา ส.ส. คนนี้เป็นอนาคตของชาติที่น่าติดตาม
ก่อนจากกันไปทำหน้าที่ต่อ ได้อวยพรให้เขาดำรงตนเป็นนักการเมืองคุณภาพรุ่นใหม่ ที่สำคัญอย่าลืม หรือดูถูกอดีตของแผ่นดิน อยากเห็นพรรคการเมืองต่างๆ เปิดโอกาสคนรุ่นใหม่เช่นนี้ที่เก่ง ตั้งใจใช้ความสามารถพัฒนาประเทศ มีความนอบน้อม ลงเวทีการเมืองแสดงความสามารถ หมดสมัยใช้วิธีดึงอดีตเสียดสีใส่ร้าย โป้ปดมดเท็จแล้วค่อยขอถอน ช่วยกันใส่น้ำดีในระบอบการเมือง ก็จะไม่มีใครสามารถปฏิวัติได้อีก"
จึงได้ตั้งสมมติฐานว่าการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้ทำหน้าที่อภิปรายเสร็จแล้วได้รับคำชมเช่นนี้ คงมาจากพื้นฐานการศึกษา การทำวิจัย การรายงานผลการวิจัย และประสบการณ์การทำงาน จึงทำให้รู้สึกว่าการเมืองไทยพอมีความหวังอยู่บ้างกับนักการเมืองรุ่นใหม่ ส่วนนักการเมืองรุ่นเก่านอกจากนายชวนแล้วก็ยังไม่เห็นใครพอที่จะเป็นน้ำยาได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น