วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ส.ส.อนาคตใหม่โชว์! ข้าวเกษตรอินทรีย์ ขายได้เกวียนละ 3 หมื่น



วันที่ 26 ก.ค.2562 ที่หอประชุมใหญ่ทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ได้อภิปรายนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตร โดยยกตัวอย่างเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ ทำน้ำหมักจุลทรีย์เอง บริหารจัดการน้ำเอง รวมกลุ่มกันสามารถผลิตข้าวและขายได้เกวียนละ 3 หมื่นบาท ทำให้ชีวิตครอบครัวเขามีความสุข ลูกหลานที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯก็เดินทางกลับ แต่จำนวนเกษตรกรอย่างนี้มีเพียง 1 เปอร์เซนต์เท่านั้น  ดังนั้นถามคือรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับเกษตรกรกลุ่มนี้อย่างไร

พร้อมกันนี้นายพิธาต้องการให้รัฐบาลผลักดันกัญชาเพื่อการแพทย์ให้เป็นจริง เพราะว่าตนก็ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะเป็นโรคลมชัก และต้องป้องกันการผูกขาด

ทั้งนี้นายพิธา กล่าวว่า นโยบายที่รัฐบาลนำเสนอคือนโยบายที่เคยเขียนมาแล้วเมื่อ 10 -30 ปีที่ผ่านมา และที่ระบุว่าจะแก้ไขปัญหาเกษตรกรโดยกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนอาจเป็นไปไม่ได้ หากขาดการแก้ไขใน 5 ขั้นตอนโดยเรียงลำดับ คือ 1.แก้ไขเรื่องที่ดิน
          
ปัจจุบันเกษตรกรที่เช่าที่ดินเพื่อทำเกษตร คิดเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ของเกษตรกรทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่จะปลดล็อคได้ คือ การออกมาตรการฉุกเฉินและรัฐต้องยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นกับประชาชนเรื่องที่ดิน ที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ซึ่งมีข้อพิพาทว่าด้วยการบุกรุกพื้นที่ป่า รวมถึงรับรองสิทธิชุมชน 2.แก้ปัญหาหนี้สิน โดยชาวนากว่า 40 เปอร์เซ็นต์ พบอัตราการเป็นหนี้ที่สูง โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ดังนั้นต้องแก้ไขผ่านระบบเครดิตทางเลือก 3.ประกันราคาพืชผลเกษตรและยาฆ่าแมลง 4.ใช้นวัตกรรมและการแปรรูป เพื่อเพิ่มราคาของสินค้าเกษตร และ 5.ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรโดยประชาชนและเกษตรกร
          
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชื่นชมการอภิปรายของนายพิธา และพร้อมรับข้อเสนอดังกล่าวไปปฏิบัติ แต่แนวทางที่จะแก้ไขปัญหาเกษตรกร อาทิ ที่ดินทำกิน การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ต้องใช้มาตรการแก้ไขกฎหมายเพื่อปลดล็อคให้เกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ทำกินดังกล่าวได้
          
ขณะที่ที่ดินทำกินในส่วนของพื้นที่ป่านั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฐานะหน่วยงานที่ดูแลผืนป่าทั่วประเทศให้คนไทยต้องเป็นผู้พิจารณาด้วย ที่ผ่านมากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เคยปลดล็อคพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และ ชั้น 2 พื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน
          
"ที่อภิปรายว่าคนไทยนายทุนมีเงินถือครองที่ดินของรัฐ ผมขอพูดฐานะคนที่อยู่ในตระกูล ว่า ไม่มี ยกเว้นที่ดินที่บ้าน และพร้อมรับการตรวจสอบ เฉพาะปู่ของผม หากเป็นคนละปู่ผมไม่รับรอง ทั้งนี้ผมกล้าพูดได้ว่าไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีปัญหาไม่มีไฟฟ้า หรือน้ำประปาใช้ ตามหลักการหากขอเลขที่บ้าน ไม่ว่าชั่วคราว หรือ ถาวร สามารถขอน้ำ และไฟได้ แต่หากเป็นพื้นที่ป่าไม่สามารถปักเสาได้เพราะถือว่าผิด ทั้งนี้เคยมีข้าราชการเคยทำ และโดนลงโทษฐานะมีพฤติกรรมประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง" พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ดร.นิยม เวชกามา" จับมือกรรมาธิการศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหาตั้งวัดในศรีสะเกษกว่า 300 แห่ง

วันที่ 24 เมษายน 2567 ดร.นิยม เวชกามา ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่งและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม  เวชยชัย ในฐานะอนุกรรมมา...