เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ได้เสนอบทความเรื่อง "การเมืองควอนตัม ประชาธิปไตย 2 ขา พาชาติออกจากวิกฤต" เพื่อชี้ทางออกจากวิกฤตการณ์เรื้อรังของสังคมไทยในขณะนี้ ความว่า
⦁ติดอยู่ใน 'หลุมดำ' เพราะประเทศถูกมัดตราสัง
ประเทศไทยมีทรัพยากรเพื่อพัฒนามาก แทนที่จะเจริญรุ่งโรจน์ กลับติดอยู่ใน "หลุมดำ" แห่งวิกฤตการณ์เรื้อรังมาเกือบ 1 ศตวรรษ ทำอย่างไรๆ
ก็ออกไม่ได้ เพราะเป็นประเทศที่ปิดศักยภาพของตัวเองประดุจถูกมัดตราสัง ระบบการเมืองและระบบราชการมีข้อจำกัดมากมาย เพราะถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ในสถานการณ์เก่า ซึ่งใช้ไม่ได้ผลในสถานการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม สังคมปัจจุบันสลับซับซ้อนและยาก ต้องการมีสมรรถนะใหม่ที่เป็นความร่วมมือ ร่วมคิดร่วมทำ มากกว่าการต่อสู้ ระบบเก่าออกแบบมาเพื่อควบคุมมากกว่าเพื่อสมรรถนะในการจัดการสิ่งยาก ดังที่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง ทั้งหมดกว่า 100,000 ฉบับ ที่ควบคุมการทำงานของระบบรัฐ ทำให้ไม่สามารถริเริ่มหรือตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อเผชิญกับสถานการณ์พลิกผัน
การเมืองแบบแบ่งข้างแบ่งขั้ว เป็นปฏิปักษ์ต่อสู้โค่นล้มกันตลอดเวลา ไม่มีสมรรถนะในการเผชิญสิ่งยาก จนกระทั่งพูดกันว่าประชาธิปไตยแบบดั้งเดิมไม่ได้ผลแล้ว ในสหรัฐอเมริกามีคนตั้งคำถามว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" คือ มีความเหลื่อมล้ำสุดสุด การเมืองที่แบ่งขั้วแบบสุดสุด และมีรัฐบาลที่ไม่มีสมรรถภาพ (Dysfunction Government) คนไทยที่เก่งๆ ดีๆ ก็มีจำนวนมาก แต่ไม่สามารถเข้าร่วมในระบบปิด และการแบ่งข้างแบ่งขั้ว เราจะเปิดระบบที่ปิดให้คนไทยทั้งหมดมีส่วนร่วมได้อย่างไร
⦁ฝรั่งไม่ได้ฉลาดกว่าพระพุทธเจ้า
เราตามก้นฝรั่งเสียจนเคยชินไม่รู้ตัว ชาวยุโรปมีปัญหาเรื่องวิธีคิดที่คิดแบบตายตัวแยกส่วน แยกข้างแยกขั้ว เป็นปฏิปักษ์ เผชิญหน้า จึงเกิดความขัดแย้งและรุนแรงตลอดมา ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยสงคราม สงครามโลก 2 ครั้ง ก็เริ่มในยุโรป สงครามอื่นๆ อีกสารพัดสร้างความขัดแย้งและความรุนแรงไปทั่วโลก
โดยสรุปแนวทางของฝรั่ง คือ สร้างความรู้ เอาความรู้ไปเป็นอำนาจ เอาอำนาจไปแย่งชิง เขียนเป็นรหัสพัฒนาได้ว่า "ความรู้ - อำนาจ - แย่งชิง"
พระพุทธเจ้าสอนเรื่องทางสายกลาง คือ การใช้ปัญญา ไม่แบ่งข้างแบ่งขั้ว ไม่สุดโต่ง ไม่คิดเชิงปฏิปักษ์ แต่เน้นไมตรีจิตและความร่วมมือ เขียนเป็นรหัสการพัฒนาแบบพุทธได้ว่า "ปัญญา - ไมตรีจิต - ความร่วมมือ"
แนวทางตะวันตกกับทางสายกลางแบบพุทธจึงไม่เหมือนกัน ประชาธิปไตยทางสายกลาง คือ ใช้แนวทางปัญญา - ไมตรีจิต - ความร่วมมือ
ถ้าพรรคการเมืองทั้งหมดและคนไทยทั้งหมดร่วมมือกันจะเกิดพลังมหาศาล พาชาติออกจากวิกฤต สู่ความเจริญอย่างแท้จริง
เมื่อทั้งหมดรวมพลังกัน อะไรๆ ก็ทำให้สำเร็จได้ทั้งสิ้น และใครว่าการรวมพลังของคนทั้งชาติไม่ใช่ประชาธิปไตย
⦁ประชาธิปไตย 2 ขา
การยกเลิกประชาธิปไตยแบบเก่าเป็นเรื่องที่ยากจะทำได้ วิธีที่จะทำได้ก็คือ ประชาธิปไตยแบบเก่าก็ทำไป เป็นประชาธิปไตยที่เป็นทางการ
มายาคติของเราอย่างหนึ่ง คือ เคารพความเป็นทางการมากกว่าความไม่เป็นทางการ ความจริงคือ ความไม่เป็นทางการมีมาก่อน ใหญ่กว่า เป็นธรรมชาติมากกว่า และคล่องตัวกว่า ความเป็นทางการ (Formal) ก็ติดฟอร์มหรือรูปแบบ พิธีการ กฎระเบียบมากมาย ทำให้ไม่คล่องตัวและติดขัด
ขนาดคุณทักษิณ ชินวัตร เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เมื่อ พ.ศ.2544 ยังเคยตะโกนว่า "กลุ้มใจชิบหายเลยโว้ย ทำไอ้โน่นก็ไม่ได้ ทำไอ้นี่ก็ไม่ได้" เพราะติดกฎระเบียบข้อบังคับที่เต็มไปหมด
การเลือกตั้ง 2566 มีอะไรเป็นประกันว่ารัฐบาลหลังจากนั้นจะไม่ติดขัดเหมือนเดิม
คำตอบคือ ประชาธิปไตย 2 ขา
ขาหนึ่งก็คือ ทำไปเหมือนเดิม ระหกระเหินไปตามเหตุปัจจัยของมัน แก้ไขอะไรไม่ได้ หรือยิ่งแก้ยิ่งยุ่งมากขึ้น
ประชาธิปไตยขาที่ 2 คือ ร่วมกันทำสิ่งใหม่ที่ดี นั่นคือประชาธิปไตยทางสายกลาง ไม่แยกข้างแยกขั้ว ไม่เป็นปฏิปักษ์
ทุกพรรครวมตัวร่วมคิดร่วมทำกับคนไทยทั้งปวง อย่างไม่เป็นทางการ ไม่มีอะไรที่ห้ามไม่ให้ทำ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม ตรงข้ามเป็นความถูกต้องตามหลักธรรมทางสายกลางคือใช้ ปัญญา - ไมตรีจิต - ความร่วมมือ
ขาหนึ่งเป็นทางการ ก็ทำไปอย่างเคย อีกขาหนึ่ง ไม่เป็นทางการ ทุกพรรครวมตัวร่วมคิดร่วมทำกับประชาชน
เมื่อทุกพรรครวมตัวร่วมคิดร่วมทำกับประชาชน ก็จะก้าวข้ามความแตกแยกทุกชนิด ประเทศไทยเกิดพลังมหาศาล ทำอะไรก็สำเร็จทุกเรื่อง และจะไปช่วยการเมืองเก่าที่มีข้อจำกัดมาก ทำอะไรให้สำเร็จได้ยาก แต่จะสำเร็จด้วยประชาธิปไตย 2 ขา
⦁ความจริงใหม่ - การเมืองใหม่
การเมืองควอนตัม - Quantum Politics
การเมืองควอนตัม - Quantum Politics ชาวยุโรปนั้นคิดแบบตายตัว 1 ไม่ใช่ 2 และ 2 ไม่ใช่ 1 วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ที่เรียกว่า Quantum physics พบว่า ธรรมชาติไม่ตายตัวแยกส่วน เช่น อิเล็กตรอนเป็นอวัตถุ คืออนุภาค หรือเป็นคลื่นพลังงาน คือ โฟตอนก็ได้ ในขณะเดียวกันนั่นคือเป็น 1 และ 2 ก็ได้ในขณะเดียวกัน ตรงกับพุทธศาสนาที่ว่า สรรพสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง คือ ไม่ตายตัว เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย 1 กับ 2 อยู่ที่เดียวกันก็ได้ ถ้าเหตุปัจจัยให้มันเป็นเช่นนั้น มันก็เป็นเช่นนั้น
โลกทัศน์เก่าเป็นโลกแบบตายตัวแยกส่วน โลกทัศน์ใหม่หรือโลกควอนตัม เป็นโลกแบบเชื่อมโยง ไม่มีอะไรดำรงอยู่อย่างแยกส่วนเป็นเอกเทศ
โลกเก่าล้วนพัฒนาแบบแยกส่วน จึงขัดแย้งรุนแรง เสียสมดุล โลกใหม่จะเชื่อมโยง บูรณาการไปสู่สันติสมดุล ประชาธิปไตยเก่าบูรณาการกับประชาธิปไตยใหม่ หรือประชาธิปไตย 2 ขา เป็นทางออกจากวิกฤตการณ์เรื้อรังของไทยและของโลก
ในปี 2566 จะเป็นปีที่ประเทศไทยค้นพบระบบการเมืองใหม่ที่พาไทยออกจากวิกฤต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น