วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

พรรคชาติพัฒนากล้าลุยสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเศรษฐกิจสายมู จากความศรัทธาสู่การสร้างรายได้อย่างไม่รู้จบ



เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ นายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วยนางสาวยศยา ชิยาปภารักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร นางสาววิเวียน จุลมนต์ และนางสาวกชพร คีรีโชติ ทีมนโยบายพรรค เดินทางสำรวจแหล่งท่องเที่ยวสายมู ณ วัดโบสถ์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี , วัดไชยวัฒนาราม และอุทยานหลวงปู่ทวด จ.พระนครศรีอยุธยา 

โดยวัดโบสถ์นั้น มีการสร้างหลวงพ่อโต องค์ใหญ่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดย นายกอุ๊ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างเมื่อกว่า 10 ปี ที่แล้ว จากวัดเล็ก ๆ ขยายเติบโตเป็นวัดขนาดใหญ่ ที่ประชาชนจากทั่วประเทศ เข้ามาสักการะไม่ขาดสาย สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ที่นำของมาจำหน่าย สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในชุมชน ส่วนที่วัดไชยวัฒนาราม ก็เป็นแลนด์มาร์กสำหรับแหล่งเช็คอินของชาวไทยและต่างประเทศ  สร้างรายได้ให้กับร้านค้า เช่าชุดไทย ที่นักท่องเที่ยวนิยมใส่ถ่ายรูปกันอย่างเนืองแน่นโดยเฉพาะเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และที่ อุทยาน หลวงปู่ทวด ซึ่งนายกอุ๊ ได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่ จากพื้นที่นาโล่ง ๆ  กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ที่สร้างรายได้ให้กับร้านค้าชุมชนในพื้นที่ต่อเดือนตั้งแต่ 100,000 – 350,000 บาท 

นางสาวยศยา หรือ นุ่น ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นผู้ที่ทำธุรกิจสายมู กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อและความศรัทธาในศาสตร์การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่คนไทยมาช้านานตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบันกาล การกราบไหว้และบูชาในศาสตร์ต่างๆเปรียบดั่งการยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมถึงปลุกขวัญและกำลังใจในการใช้ชีวิตทางโลกได้อย่างเสถียรภาพและมีคุณภาพ  มีบทวิจัยจากนักวิจัยหลายประเทศเป็นเครื่องยืนยันว่าศาสตร์ของการมูเตลูและการนั่งสมาธิสามารถเยียวยาจิตใจ รักษาโรคภัย และเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับมวลมนุษย์ได้

นางสาวยศยา กล่าวว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้าในการบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและศาสตร์การบูชาองค์เทพสายขาวทุกแขนง เริ่มต้นจากผู้ศรัทธากลายมาเป็นผู้บูชา จนมาถึงเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ one stop services เกี่ยวกับการมูเตลู นุ่นเป็นทั้งผู้ซื้อสินค้าและบริการ จนกลายมาเป็นผู้ให้บริการทางด้านสินค้าและบริการทางศาสตร์มูเตลู เป็นเครื่องยืนยันได้จากประสบการณ์จริงว่า ความศรัทธา สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเงิน และ ต่อยอดทางธุรกิจและเศรษฐกิจได้อย่างไม่รู้จบ 

“ยกตัวอย่างเช่น นุ่นศรัทธาองค์ท้าวเวสสุวรรณ นุ่นจึงตัดสินใจที่ไปทำบุญวัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงครามซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของท่าน ระหว่างทางนุ่นได้ซื้อดอกไม้และเครื่องสักการะต่างๆในการบูชา เพียงเท่านี้ก็สามารถกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการและชุมชนละแวกนั้น นี่ยังไม่นับรวมถึงการเช่าบูชางานพุทธศิลป์ที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่ผู้คนตัดสินใจเช่าบูชาเพราะความศรัทธา เม็ดเงินส่วนนี้ก็จะหลั่งไหลเข้าวัดเพื่อไปต่อยอดการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป  รวมไปถึงเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างความมั่นคงให้กับศิลปินช่างปั้นในประเทศไทยเราด้วย” นางสาวยศยา กล่าว 

นางสาวยศยา กล่าวอีกว่า เมื่อพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจเฉดสีขาวของพรรคชาติพัฒนากล้า หรือ เศรษฐกิจสายมู ที่เน้นสร้างรายได้กระจายสู่จังหวัดและชุมชนทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย โดยมีแรงผลักดันที่เรียกว่า ความศรัทธา และความเชื่อ นั่นเองที่จะนำพาความผาสุข และ ความอยู่ดีกินดีงานดีมีเงินของไม่แพง  ของคนไทยกลับมาสู่ประเทศอีกครั้ง ในอนาคตที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่านักท่องเที่ยวจะเปลี่ยนจุดมุ่งหมายของทริปทำบุญจากประเทศอื่นมาเป็นประเทศไทย การท่องเที่ยวสายบุญซึ่งมีความศรัทธาเป็นเข็มทิศ จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายวัฒนธรรม มารวมตัวกัน และ ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวอย่างสวยงามของระบบเศรษฐกิจในประเทศไทย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ธรรมะกับประชาธิปไตยไยห่วงใยสถาบันศาสนา

การวิเคราะห์ประชาธิปไตยในปริบทพุทธสันติวิธีชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในระบอบประชาธิปไตย เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างควา...