เมื่อวันที่ 07 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 8.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานประชุมร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนไทยในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายหลังจากเดินทางถึงเมืองดูไบ ที่ห้องประชุม Al Ras โรงแรม InterContinental Duabi - Festival City วานนี้(6 ก.พ.66 เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี))
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ได้พบกับภาคเอกชนไทยที่มาประกอบธุรกิจในหลากหลายสาขาทั้ง บริษัท ปตท. สผ. จำกัด (มหาชน) บริษัท SCG International Middle East Trading LLC. บริษัท Vega Intertrade & Exhibition บริษัท Al Rabia Al Daim Food บริษัท Perfect Companion Trading LLC. บริษัท Thai Smile Foodstuff Trading LLC. ร้านอาหารไทย Little Bangkok ร้านอาหารไทย Siam Restaurant
ซูเปอร์มาร์เก็ตไทย 4 Mart ส่วนใหญ่ใช้ดูไบเป็นฐานนำเข้าสินค้าจากไทยกระจายต่อไปยังกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ 6 ประเทศหรือ GCC ประกอบด้วยซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน โดยดูไบถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญสำหรับการส่งออกของไทยเพราะจะเป็นประตูสู่ตะวันออกกลางและกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ 6 ประเทศเป็นหลัก มีการลงนามสัญญาซื้อขายจริงรวมยอด 1,330 ล้านบาท มีการจับคู่เซ็นสัญญา 5 คู่ อาหาร 2 คู่ 21 ล้านบาทสุขภัณฑ์ 1 คู่ 630 ล้านบาท ชิ้นส่วนยานยนต์ 1 คู่ 542 ล้านบาทและเมลามีน 140 ล้านบาทรวม 1,330 ล้านบาท และในวันพรุ่งจะมีการจัดตั้งสภาธุรกิจไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตการค้าการลงทุนไทยกับยูเออี เป็นการนับหนึ่งให้มีการจัดตั้งสภาความร่วมมือทางธุรกิจของ 2 ประเทศที่เป็นทางการและได้รับการรับรองจากรัฐบาล 2 ประเทศ จะสร้างเงินให้ประเทศสำหรับปี 66 เพิ่มขึ้นประมาณ 30,000 ล้านบาท
ยูเออีเป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นลำดับหนึ่งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางสำหรับประเทศไทย ปี 2565 ตัวเลขการค้าระหว่างไทยกับยูเออี 7.3 แสนล้านบาท โตถึง 74% ยอดการส่งออกไทยส่งออกมายูเออี 1.18 แสนล้านบาท โตขึ้น 22.19% ถือเป็นตลาดอันดับหนึ่งของไทยในตะวันออกกลาง
สินค้าที่ส่งออกมาลำดับต้น เช่น รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์ อัญมณี โทรสาร โทรศัพท์ ไม้ผลิตภัณฑ์จากไม้ ผลิตภัณฑ์ยางโดยเฉพาะยางรถยนต์ที่ผลิตจากยางพารา อาหารทะเลกระป๋องอาหารทะเลแปรรูป เป็นต้น
“ซึ่งทริปนี้คุ้มค่าในการสร้างเงินให้ประเทศโดยตนกับกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนเดินทางมาครั้งนี้จะสร้างเงินให้ประเทศเพิ่มขึ้นเฉพาะปี 66 ถึง 31,330 ล้านบาท ถือว่าเที่ยวนี้ประสบความสำเร็จ จะเป็นอนาคตสำหรับปีต่อไปในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยมายูเออี และใช้เป็นประตูไปสู่ตะวันออกกลางด้วย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น