วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559



"โลกทั้งผองคือพี่น้องกัน"ชาวมุสลิมอินเดียนิมนต์พระทำบุญ

ได้ตั้งคำถามว่า จะทำอย่างไรถึงจะทำให้ศาสนามีส่วนช่วยให้มนุษย์รอดจากภัยสงคราม ขณะเดียวกันศาสนาจะไม่ตกเป็นเครื่องมือของความรุนแรงและสงครามเสียเอง สิ่งที่ทำสำคัญคือผู้ที่ยกตัวเองว่าเป็นสาวกหรือผู้แทนศาสนานั้นจะต้องตั้งอยู่บนหลักของความจริ ไม่ควรมีนัยแอบแฝงโดยหวังผลประโยชน์เป็นสำคัญ

ได้เห็นข้อมูลดังที่จะระบุนี้แล้วชื่นใจ! เมื่อเฟซบุ๊ก Namaste Dhamma ซึ่งเป็นของพระธรรมทูตอินเดียและเนปาล ที่โพสต์ว่า "วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของคณะสงฆ์ไทย คณะพุทธบริษัทชาวไทย และชาวพุทธในประเทศอินเดีย พร้อมใจกันสร้างขึ้น ณ เมืองกุสินารา อันเป็นสังเวชนียสถานที่ดับขันธปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาคืนสู่มาตุภูมิ น้อมถวายเป็นพุทธบูชา ภายใต้การดูแลของพระเดชพระคุณ พระเทพโพธิวิเทศ (วีระยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล

ที่มุ่งเน้นไห้สืบสาน เผยแผ่ พระพุทธศาสนา ณ แดนพุทธภูมิ สงเคราะห์เกื้อกูล ค้ำจุนปวงประชาโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ชาติ ศาสนา โดยในหลายๆ โครงการ เช่น เปิดบริการรักษาฟรีสถานพยาบาลกุสินาราคลินิก มอบผ้าห่มกันหนาวแก่ผู้ยากไร้ มอบโค กระบือแก่เกษตรกร ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแก่โรงเรียน เป็นต้น จนทำให้ชาวจังหวัดกุศินาคาร์ทุกศาสนา ทุกชนชาติ อยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่สามัคคี มีสันติสงบสุข มีกิจกรรมงานต่างๆ ก็สงเคราะห์เกื้อกูลกัน โดยไม่แบ่งศาสนา ซึ่งในวันนี้ (๑๕ กันยายน ๒๕๕๙) เป็นเทศกาลบูชาของศาสนาอิสลาม ชาวมุสลิมได้นิมนต์พระสงฆ์ ๕ รูป จากวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ไปสวดมนต์ ฉันภัตตาหารเพลที่บ้าน โดยไม่ได้คิดว่าเป็นนักบวชในศาสนาอื่น แต่เพราะพระสงฆ์ไทยได้มีเมตตา ไม่มีเลือก ไม่มีแบ่งแยก เป็นความรักที่ไม่มีประมาณ ที่มีต่อชาวพุทธ ฮินดู และมุสลิม ในจังหวัดกุสินาคาร์ มาตลอดระยะเวลากว่า ๒๐ ปี


โดยก่อนเดินทางกลับ พระครูสมุห์สงกรานต์ กิตฺติวํโส พระธรรมทูตวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ได้กล่าวอนุโมทนามีใจความว่า ทุกศาสนานั้น ต่างมีศาสดาของตนที่สอนให้ทุกนั้นเป็นคนดี การเป็นดีนั้นไม่ใช่เพียงแต่ ทำดีเฉพาะศาสนิกในศาสนาของตนเองเท่านั้น แต่ความดีนั้นไม่มีประมาณไม่มีที่สุด เราอยู่ในสังคมเดี่ยวกันถึงแม้นับถือคนละศาสนา แต่เราก็มีหลักคำสอนที่เป็นโซ่ครองใจให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข นั้นก็คือการให้ เสียสละแบ่งปั่น เมตตาธรรมค้ำจุนโลก โลกไม่แห้งแล้งเพราะทุกคนมีน้ำใจซึ่งกันและกัน"


พร้อมกันนี้พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส   ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ  และผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มจร ได้เดินทางไปที่จังหวัดปัตตานี สนทนาธรรมกับโต๊ะอิหม่าม ณ มัสยิดกรือเซะ  ขณะเดียวกันเฟซบุ๊ก Sirisopa Kingkongshop ได้โพสต์และแชร์ภาพความ ว่า "พระครูพิพิธสุตาทร,ดร.(บุญช่วย สิรินฺธโร) และดร.พูนชัย ปันธิยะ อาจารย์ประจำ มจร เชียงใหม่ ได้ให้ความเมตตานำลูกศิษย์ พระนิสิต นิสิตปริญญาเอก มจร เชียงใหม่ เดินทางไป ทัศนศึกษาที่ จ.ภูเก็ต เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถามตอบซึ่งกันและกัน กับ อิหม่าม และครูบาอาจารย์ชาวมุสลิม หลังพิธีละหมาดในตอนบ่ายโดยมีนายสรธรรม จินดา ฝ่ายวิชาการ กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยและอาจารย์มาโนช พันธุ์ฉลาด กรรมการอิสลาม ประจำจังหวัดภูเก็ต ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"มจร"สีเขียวยุคAI! จัดกิจกรรม "รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม คืนขยะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน"

กิจกรรม “รักษ์ มจร รักษ์สิ่งแวดล้อม” เป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างจริยธรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน ด้วยหล...