วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

'หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน'มรณภาพ! ปิดตำนาน 'ตะกรุดดอก(ไม้)ทอง' พระเกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองกรุงเก่า



 วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒  เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากทางคณะแพทย์ โรงพยาบาลมิชชั่น กรุงเทพมหานคร ที่ถวายการรักษา พระมงคลวุฒาจารย์ หรือ หลวงพ่อพูน เจ้าอาวาสวัดบ้านแพน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยา ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ จากโรคชรา สิริอายุ ๘๖ ปี ๖๖ พรรษา

ขณะนี้ ทางคณะกรรมการวัดและศิษย์ยานุศิษย์จะนำสังขารของหลวงพ่อพูน เตรียมดำเนินการนำสรีระสังขารของหลวงพ่อพูน กลับมาที่วัดบ้านเเพน ในวันที่ ๑๘ มกราคมนี้



โดยจะมีการประชุมกันในอีกครั้ง เพื่อหาความชัดเจนเกี่ยวกับวันเวลาเคลื่อนย้ายสรีระสังขารหลวงพ่อพูน และกำหนดการรูปแบบการบำเพ็ญกุศล โดยจะมีการแจ้งให้พุทธศาสนิกชนทราบเป็นระยะต่อไป

"ทองพูน สัญญะโสภี"

เป็นชื่อและสกุลเดิมของ พระครูสุวรรณศีลาธิคุณ หรือ หลวงพ่อพูน ฐิตสีโล เจ้าอาวาสวัดบ้านแพน เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๖ พ.ย. ๒๔๗๕ (แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีวอก) เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ปีมะโรง โดยมีพระครูปริยัติคุณูปการณ์ (วาสน์) วัดบ้านแพน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูเกษมคณาภิบาล (หลวงพ่อมี) วัดมารวิชัย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวิบูลย์ธรรมศาสน์ (หลวงพ่อสังวาลย์)วัดกระโดงทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์



ในด้านพระเวทย์วิทยาคมหลวงพ่อพูนท่านได้สนใจและได้ศึกษาในเรื่องพุทธเวทย์มหามนต์ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งพุทธมาตั้งแต่อายุ ๑๔ ปี โดยในเวลานั้นได้ติดตามหลวงปู่คำปัน พระธุดงค์ที่มาจากภาคเหนือขึ้นไปอาศัยอยู่ภาคเหนือเป็นเวลา ๑ ปี จึงได้กลับมาบ้านเกิดพร้อมทั้งตำราการดูดวงที่ถือได้ว่าแม่นยำอย่างหาใครเปรียบได้ยาก

ไม่เพียงแค่นั้นหลวงพ่อพูนท่านยังได้ฝึกเรียนกรรมฐานกับอาจารย์พริ้งฆราวาสจอมขมังเวทย์ในย่านบ้านแพน และได้รับการถ่ายทอดวิชาการทำน้ำมนต์มาจากอาจารย์พริ้งจนจบหลักสูตรวิชา จึงเป็นเหตุให้น้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงพ่อพูนทำขึ้นมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก สามารถใช้ขับไล่ภูตผี ปีศาจ เสนียดจัญไรได้อย่างชะงัด



นอกจากอาจารย์พริ้งแล้วหลวงพ่อพูนยังได้ร่ำเรียนวิชามาจากอาจารย์ลพ เกตุบุตร ซึ่งเป็นพี่ชายของหลวงพ่อวาสน์พระอุปัชฌาย์ของท่าน และเป็นศิษย์เอกของอาจารย์จาบแห่งตำบลสำเภาล่ม จ.พระนครศรีอยุธยา โดยหลวงพ่อพูนได้รับการถ่ายทอดวิชาการลงยันต์ตรีนิสิงเห ซึ่งเป็นยันต์ที่หลวงพ่อมักใช้จารลงในแผ่นยันต์หรือแหวนอยู่เสมอๆ

ส่วนมูลเหตุของการเรียนตะกรุดดอก(ไม้)ทองนั้น คงสืบเนื่องมาจากใน พ.ศ. ๒๔๙๙ หลวงพ่อท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระกรรมวาจาจารย์ คือ เป็นพระคู่สวดประจำวัดบ้านแพน ในวันหนึ่งมีพระในวัดที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ซึ่งกำลังจะลาสิกขาได้มากราบลาหลวงพ่อพร้อมกับเอ่ยปากขอของดีจากหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านจึงดุไปว่าตัวท่านเองนั้นไม่มีวิชาอะไรและจะเอาของดีที่ไหนมาให้

ต่อมาหลวงพ่อท่านทราบว่าที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง มีพระอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมทางด้านการทำตะกรุดดอกทอง นั่นก็คือหลวงพ่อสนั่น วัดเสาธงทอง ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเขียว ว่ากันว่าฉี่ของหลวงพ่อเขียวใครดื่มกินเข้าไปจะอยู่ยงคงกระพัน และเคยมีการทดลองนำปืนมายิงใส่ฉี่ของท่านปรากฏว่ายิงไม่ออกจริง ๆ



วันหนึ่งหลวงพ่อสนั่นท่านได้รับกิจนิมนต์ให้มาเทศน์ที่วัดบ้านแพน หลวงพ่อพูนก็เข้าไปกราบนมัสการท่านและก็เลยถือโอกาสขอเรียนวิชาการทำตะกรุดจากหลวงพ่อสนั่น ตอนแรกที่ขอเรียนวิชานั้นหลวงพ่อสนั่นท่านไม่ให้ แต่พอสนทนากับท่านนานเข้า หลวงพ่อสนั่นจึงหลุดปากบอกกับหลวงพ่อพูนว่า

"ถ้าอยากได้ให้ไปหาท่านที่วัดเสาธงทอง อยู่ต่อมาจนวันหนึ่งหลวงพ่อพูนท่านมีธุระต้องไปที่วัดเสาธงทอง ท่านจึงนึกได้ว่าเคยขอวิชาการทำตะกรุดจากหลวงพ่อสนั่นไว้ท่านจึงได้ไปร่ำเรียนวิชาการทำตะกรุดดอก(ไม้)ทองจากหลวงพ่อสนั่นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา"

ตะกรุดดอกทอง" ของหลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน ตะกรุดประสบการณ์เลื่องลือในด้านความรัก แต่เพื่อความไพเราะ ท่านจึงได้เปลี่ยนชื่อเรียกเป็น "ตะกรุดดอกไม้ทอง" ตะกรุดดอกไม้ทองเป็นตะกรุดที่มีพุทธคุณเด่นทางเสน่ห์ เมตตาอย่างเอกอุ

มีเรื่องเล่ากันว่า ในแถบบางบาลอยุธยามีลูกศิษย์ของท่านคนนึง ทำตะกรุดตกบนพื้นและหญิงสาวข้างบ้านก็ได้เก็บมาคืนชายหนุ่มผู้นี้



ตั้งแต่นั้นมาหญิงสาวก็เกิดหลงไหลชายหนุ่มอย่างมากมาย พ่อของฝ่ายหญิงเห็นอาการแล้วเหมือนคนโดนของ จึงพาไปหาหลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา อยุธยา ท่านมีชื่อเสียง ทางด้านการแก้คุณไสย แต่ท่านก็ยังแก้ไม่หาย จนทราบภายหลังว่า

สาเหตุเกิดจากตะกรุดดอกไม้ทองของหลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน หลวงพ่อเมี้ยนจึงได้ถามถึงวิธีการแก้กับหลวงพ่อพูน และหลังจาก แก้ได้แล้ว หญิงสาวคนนี้ก็ไม่มีอาการดังกล่าวอีกเลย

หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน ได้เรียนวิชาการทำตะกรุดดอกไม้ทองนี้ มาจากหลวงพ่อสนั่น วัดเสาธงทอง จ.อ่างทอง ซึ่งท่านบอกว่า ถ้าทำดีๆ ตะกรุดท่านสามารถอยู่ปืนได้



ประสบการณ์เรื่องยิงไม่ออก ก็มีให้เห็นกันมาแล้ว โดยเป็นเหตุการณ์ที่ลือลั่นที่อำเภอบางไทรมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่ากระเป๋ารถประจำทาง ถูกคนร้ายดักปล้นรถ

โดยนายคนนี้ ก็ฮึดสู้ เอากระบอกตั๋วตีแสกหน้าคนร้าย แตกหงายเก๋งไป คนร้ายอีกคน ก็กระหน่ำยิง โดยมาทราบภายหลังว่าเป็นปืนขนาด ๑๑ มม. ยิงไม่ออก!!

กระเป๋ารถก็หันกลับมาสู้ พร้อมด้วยคำด่าแม่ ปัง!! คราวนี้กระสุนโดนเข้าที่แขน คนร้ายตกใจวิ่งหนีไปกันหมด แต่ก็มีคนนึงโดนจับได้คาหนังคาเขา

เรื่องนี้เป็นข่าวที่โด่งดังมาก ที่สถานีตำรวจบางไทรในยุคนั้น ซึ่งกระเป๋ารถคนนี้ก็ใช้ตะกรุดดอกไม้ทองของหลวงพ่อพูน วัดบ้านแพนอยู่ เลยทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อพูนโด่งดังมากยิ่งขึ้น

ข้อห้ามในการใช้ของของท่านอยู่ด้วยหลักๆ คือ ห้ามด่าพ่อล่อแม่ และห้ามผิดลูกผิดเมีย

ดังนั้นถ้าใช้ของของอาจารย์ไหนก็แล้วแต่ ควรจะเคร่งครัดปฏิบัติตามกฏข้อห้ามที่อาจารย์ได้สั่งมาด้วยครับ ใครที่ไม่ปฏิบัติตามกฏข้อห้าม ของไม่เสื่อม แต่ของจะไม่คุ้มครอง

วิธีจีบหนุ่ม จีบสาว ตามที่ได้มา คือ "เมต ตา คุณ ณัง อะ ระ หัง เมต ตา"อาราธนา ๙ จบก่อนออกจากบ้าน เวลาใช้จีบสาว ท่านว่าให้ท่อง เมตตาคุณณังอะระหังเมตตา ๓ รอบ พอท่องถึงรอบที่ ๓ ลงคำว่า "ตา" ให้จับมือ

ประวัติตอนหนึ่งของหลวงพ่อพูนที่น่าสนใจ คือ หลังจากที่ท่านนบวชได้เพียง ๔ พรรษา คือ

พ.ศ. ๒๔๙๙ ก็ได้รับการมอบหมายจากหลวงพ่อวาสพระอุปัชฌาย์ของท่าน และเจ้าอาวาสวัดบ้านแพนในขณะนั้น ให้หลวงพ่อเป็นพระกรรมวาจาจารย์ คือ เป็นพระคู่สวดประจำวัดบ้านแพน นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สำคัญๆ ที่ได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อวาสน์ เจ้าอาวาสวัดบ้านแพน

พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน พ.ศ.๒๕๑๓ ได้รับการมอบหมายให้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๗

เนื่องจากหลวงพ่อ พระครูปริยัติคุณูปการณ์ (วาสน์) ท่านชราภาพมาก ท่านมีอายุถึง ๘๕ ปี ท่านจึงได้รับการยกฐานะเป็นเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลกิตติมศักดิ์ หลวงพ่อพูนท่านจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน ต่อจากหลวงพ่อวาสน์ มาจนกระทั่งมรณะภาพ

วัดบ้านแพน ตั้งอยู่เลขที่ ๑๒๕ หมู่ ๑ ต.สามกอ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เดิมชื่อ “วัดจันทรคูหาวาส” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา ราวปี ๒๒๘๐ หลวงพ่อพูน ได้ปกครองดูแลวัดและทำการก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดบ้านแพนให้เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด

ข้อคิดอย่างหนึ่งที่ได้จากการใช้วัตถุมงคลของท่านคือ ห้ามพูดคำหยาบ ด่าพ่อแม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัมมาวาจา หมายถึง การเจรจาชอบ ได้แก่ วจีสุจริต หรือการไม่พูดชั่ว ๔ ประการ คือ

"ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ และพูดในสิ่งที่เป็นจริง มีประโยชน์ ไพเราะอ่อนหวาน พูดมีสาระ และพูดถูกกาลเทสะ"

สำหรับเหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อพูน ฐิตสีโล  “นายคมเดช โฆษิตเกษมสุข” หรือที่รู้จักกันในฉายา “หมู เขมกร” เซียนพระหนุ่มรุ่นใหม่ ได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จนมีความชำนาญ รอบรู้เรื่องวัตถุมงคลหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง

หมู เขมกร บอกว่า เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อพูน มีสามเนื้อ คือ

๑.เนื้อเงินสร้าง ๕๖ เหรียญ ราคาอยู่ที่ ๔-๕ หมื่นบาท

๒.เนื้อนวะกะไหล่ทองสร้าง ๓๐๐ เหรียญ ราคาประมาณ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ และ

๓.เนื้อ ทองแดงสร้าง ๒,๑๗๔ เหรียญ ราคาประมาณ ๒,๐๐๐ บาท


#หลวงพ่อพูน 
#หลวงพ่อพูนวัดบ้านแพน
#วัดบ้านแพน
#มรณภาพ!
#ปิดตำนาน 
#ตะกรุดดอกไม้ทอง
#พระเกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองกรุงเก่า
Cr.เพจพระองค์ครู ไตรเทพ ไกรงู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แนวทางนำ "เครือข่าย ไอที การวิจัย" ช่วยยกระดับการศึกษาคณะสงฆ์ไทยยุค AI

การยกระดับการศึกษาคณะสงฆ์ไทยในยุค AI จำเป็นต้องใช้เครือข่าย ไอที และการวิจัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา แม้ว่าจะมีความท้าทาย แต่การวางแผนแ...