วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2562

พระศรีอาริย์แห่งสยามประเทศ หลวงปูเนียน วัดโยธินประดิษฐ์ จ.สมุทรปราการ



พระศรีอารยเมตไตรย (พระ-สี-อา-ระ-ยะ-เมด-ไต) ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า พระศรีอารย์ (พระ-สี-อาน) ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ที่เชื่อกันว่าจะเป็นผู้มีบารมีสูง ที่จะเสด็จมาโปรดเวไนยสัตว์ ก่อนโลกจะแตกดับ โดยจะอุบัติขึ้นในภายหน้า หลังจากสิ้นศาสนาพระโคดมแล้ว หรือ พ.ศ.๕๐๐๐

อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่สิ้นศาสนาของพระโคดม แต่ปรากฏว่า มีผู้ให้ความเคารพนับถือพระศรีอารย์กันอย่างกว้างขวาง ชนิดที่เรียกว่า นับถือพระศรีอาริยเมตไตรยไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะอุบัติขึ้นด้วยซ้ำ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ ลัทธิโยเร



พระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายความหมายของคำว่า "พระศรีอาริย์" ไว้ว่า เป็นคำเรียกพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งจะเสด็จมาตรัสรู้ในภัทรกัปนี้ พระองค์ทรงมีพระนามว่า เมตไตรย ซึ่งมีพระนามเรียกเต็มว่า พระศรีอาริยเมตไตรย โดยจะเสด็จอุบัติขึ้นในโลกหลังจากสิ้นศาสนาของพระโคดม หรือ พระพุทธเจ้าในปัจจุบันนี้แล้ว นัยว่ายุคพระศรีอาริย์ ผู้คนจะมีอายุยืนถึง ๘๐,๐๐๐ ปี ทุกคนจะมีสุขภาพดี รูปร่างงดงาม มีของกินของใช้อุดทสมบูณร์ เพชรนิลจินดาจะมีมากมาย สมบัติทั้งหลายสามารถเก็บเอาได้จากต้นกัลปพฤษ์

ในภัทรกัปนี้จะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา ๕ พระองค์ หรือที่เรียกว่า พระเจ้า ๕ พระองค์ ทั้งนี้คำว่า "พระเจ้า" เป็นคำใช้เรียก พระพุทธเจ้า และพระภิกษุสงฆ์มาแต่โบราณ เช่น พระเจ้าพระสงฆ์  ส่วนพระเจ้า ๕ พระองค์ ที่มาตรัสรู้ในภัทรกัปนี้ ได้แก่

๑.พระกกุสันธะ

๒.พระโกนาคมนะ หรือ พระโกนาคมน์

๓.พระกัสสปะ หรือ พระกัสสป

๔.พระโคดม หรือ พระสิทธถะพระพุทธเจ้า และ

๕.พระเมตไตรย หรือ พระศรีอาริย์ และพระศรีอริยเมตไตรย

ส่วนคำว่า "กัป" และ "กัลป์" พระธรรมกิตติวงศ์ ได้อธิบายไว้ว่า กัป (อ่านว่า กับ) หมายถึงระยะกาล หรือ กำหนดกาลเวลาที่ยาวมาก หรืออาจจะใช้คำว่า กัลป์ (อ่านว่า กัน) ก็ได้

ตามตำนานว่า โลกพินาศครั้งหนึ่งเป็นอันสิ้นกัปหนึ่ง และกล่าวเปรียบเทียบไว้หลายอย่าง เช่น มีภูเขาหินล้วนลูกหนึ่ง ขนาดความ กว้าง ยาว สูง ด้านละหนึ่งโยชน์เท่ากัน
ทุกๆ ๑๐๐ ปี จะมีคนใช้ผ้าเนื้อละเอียดมาปัดภูเขานี้ครั้งหนึ่ง ทำเรื่อยไปจนภูเขาเรียบเสมอกับพื้นดิน ระยะเวลานี้เรียกว่า เป็นกัปหนึ่ง  นอกจากนี้ กัป ยังแบ่งแยกยอยออกไปอีก ๕ กัป ในแต่ละกัป จะมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติทุกกัป คือ

๑.สารกัป มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ ๑ องค์

๒. มัฌฑกัป มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ ๒ องค์

๓.สารมัณฑกัป มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ ๓ องค์

๔.วรกัป มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ ๔ องค์ และ

๕.ภัทรกัป หรือ กัปปัจจุบัน มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติ ๕ องค์

ขณะเดียวกัน ก็มีคนจำนวนไม่น้อย แอบอ้างว่าตนเองเป็นพระศรีอารย์ อย่างกับกรณีศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้หญิงคนหนึ่ง อ้างตนว่าเป็นพระศรีอารย์  ดร.มโน (เมตฺตานนฺโท ภิกฺขุ) ที่ปรึกษาเลขาธิการใหญ่องค์การสมัชชาศาสนาเพื่อสันติภาพโลก (ฝ่ายกิจการพระพุทธศาสนา) และอาจารย์พิเศษ คณะศาสนาวิชาศาสนาและปรัชญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า  พระศรีอารย์ ชื่อที่แท้จริงในภาษาสันสกฤตคือ “ไมเตฺรยะ” (Maitreya) หรือในบาลี คือ “เมตฺเตยฺย”

ความเชื่อในเรื่องพระไมตริยะ ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณในลักษณะนี้ มิใช่มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่มีปรากฏในศาสนาฮินดู เชน ยูดาย คริสต์ และอิสลาม
ในพระไตรปิฎก นั้น เป็นหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของโลก ว่าด้วยเรื่องพระไมตริยะ ดังปรากฏในพุทธพยากรณ์หลายแห่ง เช่น ในทีฆนิกาย จักกวัตติสีหนาทสูตร  แม้ใน คัมภีร์ไบเบิล ในส่วนของพระคัมภีร์พันธสัญญาเก่า (Old Testament) ทั้งของศาสนายูดายและคริสต์ศาสนา ก็ปรากฏชื่อของ Messiah ซึ่งจะเป็นศาสดาพยากรณ์คนสุดท้ายของโลก ที่พระผู้เป็นเจ้าจะส่งลงมาโปรดโลก ก่อนวันโลกแตก  ในคริสต์ศาสนาเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ คือ Messiah ผู้นั้น ส่วนในศาสนาอิสลามเชื่อว่า พระนะบี มูฮะหมัด คือ Messiah

ปัจจุบัน มีผู้ที่ตั้งตัวว่า เป็นพระไมตริยะ หรือเกี่ยวข้องกับพระไมตริยะ ในฐานะเป็นทูตสวรรค์บ้าง เป็นศาสดาที่มาโปรดชาวโลก ให้รอท่าพระไมตริยะบ้าง บางรายตั้งสำนักใหญ่โต มีสาขานับร้อย และลูกศิษย์นับหมื่น ในยุโรปและอเมริกาในขณะนี้ บางรายถึงกับประกาศตัวเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5หรือถึงขนาดว่า เก่งกว่าพระพุทธเจ้าเลยก็มี

นอกจากนี้แล้ว ยังมีสำนักพระไมตริยะระดับสากล เป็นศาสนาไฮเทค ซึ่งมีความพยายามที่จะรวบรวมความเชื่อของศาสนาต่างๆ เข้ามาด้วยกัน เพื่อหล่อหลอมเป็นศาสนาเดียวภายใต้พระไมตริยะ โดยจะอยู่ในฐานะของพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ของกัลป์ แต่กลายเป็นองค์อวตาร คือ เป็นพระผู้เป็นเจ้าตัวจริงอวตารลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เหมือนพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ เพื่อลงมาปราบยุคเข็ญ ปิดกลียุค ก่อนวันสิ้นโลก เป็นทั้งพระเยซูคริสต์ด้วย และเป็นทั้งพระ Messiah ด้วย ในตัวคนเดียว

"สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งทางอักษรศาสตร์ คือ หากนำคำว่า Maitreya ในภาษาสันสกฤตปริวัฏอักษรเป็นภาษาฮีบรู จะได้คำว่า Messiah ตรงตัว เรื่องนี้คงไม่ใช่เหตุบังเอิญที่จะมีคำพ้องทั้งเสียงและความหมาย ในศาสนาที่มีต้นกำเนิดห่างกันหลายพันไมล์ และสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ ระหว่างชาวยิวและชาวพุทธ คือศาสนิกชนของทั้งสองศาสนานั้น กำลังรอคอยการอุบัติขึ้นของ Maitreya หรือ Messiah ด้วยกันทั้งคู่



ศาสนาพระศรีอารย์ จึงมิได้มีอยู่เฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น และไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่มีมานานกว่าสองพันปีแล้ว และเป็นรากฐานของความเชื่อ ในศาสนาที่เกิดขึ้นในอินเดียทั้ง ๓ ศาสนาใหญ่ คือ ฮินดู พุทธ และเชน" ดร.มโน กล่าว

อ.ราม วัชรประดิษฐ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร บอกว่า  คติความเชื่อในการสร้างพระศรีอารยเมตไตรย(พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5) เริ่มเป็นที่แพร่หลายหลังกึ่งพุทธศตวรรษ หรือ พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการสร้างพระศรีอารยเมตไตรยอันเป็นที่เลื่องชื่อ อยู่ ๒ องค์ คือ

องค์แรก"พระศรีอาริยเมตไตรย"ประดิฐษฐาน ที่วัดไลย์ ต.เขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ที่มีผู้คนทั้งใกล้และไกลให้ความเคารพบูชา กราบไหว้มาแต่ครั้งโบราณกาล ทุกๆ ปีจะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมกันอย่างเนืองแน่น วัดจึงจัดสร้างเหรียญและรูปหล่อ แผ่นทองแดงปั๊มพระสี่เหลี่ยมเนื้อชิน ฯลฯ เพื่อสำหรับไว้แจกเป็นที่ระลึก และเป็นอนุสรณ์ในการที่ได้มาร่วมทำบุญกับวัดบ้าง



วัดโยธินประดิษฐ์ ตั้งอยู่ที่บ้านบางวัวไทย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราลลุ่มอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาณาเขตทิศเหนือ ติดต่อกับกรมสรรพาวุธทหารเรือ ทิศใต้ติดต่อกับที่เอกชน ทิศตะวันออก ติดต่อกับสำนักชีและบ้านเรือนราษฎร ทิศตะวันตกติดต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา

วัดโยธินประดิษฐ์ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๐๗ ตามคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่าวัดนี้ได้มีมาแต่เมื่อครั้งท้าวอู่ทอง หรือโรคระบาดมา แต่คงมีอยู่ในฐานะเป็นวัดเล็กๆ หรือเป็นที่พักสงฆ์อยู่เดิมที่นามว่า "วัดโคทอง" ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น "วัดบางวัวไทย"



ครั้นประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้เปลี่ยนเป็น "วัดโยธินประดิษฐ์" เพราะเจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือได้มาบูรณะพัฒนาวัดโยธินประดิษฐ์ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๑๗ การศึกษาทางวัดได้เปิดสอน พระปริยัติธรรม เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐

#พระศรีอาริย์ #วัดโยธินประดิษฐ์ #BuddhaMaitreya #Messiah

Cr.เพจพระองค์ครู ไตรเทพ ไกรงู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"โคกหนองนาโมเดล" จากจุดเริ่มต้นชุมชนแห่งความเอื้ออาทร ผ่านหลักธรรมแห่งการให้

โครงการ "โคกหนองนาโมเดล" เป็นตัวอย่างที่สำคัญในการพัฒนาชุมชนผ่านหลักธรรมและแนวคิดของการให้ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างความยั่งยืนในชุม...