วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ปชป.เล็งเสนอกฎหมายทวงคืน"สข." ให้ชาวกทม. "เทพไท"มอง"บิ๊กแดง"บรรยายดุจเติมเชื้อในกองเพลิงการเมือง




วันที่ 12 ตุลาคมม 2562  นายราเมศ รัตนะเชวง กล่าวถึงเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดูแล กทม. ได้มีการยื่นเสนอร่างแก้ไขกฎหมายระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครว่า เรื่องดังกล่าวนี้พรรคประชาธิปัตย์คือพรรคการเมืองเดียวที่ได้ขับเคลื่อนมาตั้งแต่เริ่มต้นเพราะเห็นว่าการยกเลิกไม่ให้มีการเลือกตั้ง สข. นั้นไม่มีเหตุผลที่จะรับฟังได้เลย ประชาชนเสียประโยชน์ ต้องยอมรับความจริงว่า บทบาทของ สข. ที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด ร่วมทุกข์ร่วมสุขในการแก้ไขปัญหา ให้มีผู้แทนของประชาชนในการร่วมพัฒนา ร่วมแก้ไข ร่วมตรวจสอบ มีส่วนร่วมในทุกเรื่อง ของเขตต่าง ๆ ใน กทม. ประโยชน์ก็จะเกิดกับประชาชน และประการสำคัญเมื่อมีผู้แทนประชาชนประจำเขตแล้วการทำงานร่วมกับ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สก. ก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นี่คือเหตุผลที่พรรคต้องทวงคืนการเลือกตั้ง สข. ให้กลับคืนมา เพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร เป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรค “พรรคจะกระจายอำนาจการดำเนินการในท้องถิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากความใกล้ชิดขององค์กรในท้องถิ่นมีมากกว่าส่วนกลาง” 

ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์โดยนายองอาจได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคเบอร์ 3 ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐม เขต 5 



"เทพไท"มอง"บิ๊กแดง"บรรยายดุจเติมเชื้อในกองเพลิงการเมือง

ทางด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ facebook live ที่สภากาแฟร้านป้าอี๊ด ม.5 ต.นาพรุ อ.พระพรหม ว่า จากการที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ได้บรรยายพิเศษเรื่อง แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง ว่า เป็นการบรรยายที่เพิ่มดีกรี ทำให้บรรยากาศทางการเมืองร้อนแรงขึ้น เพราะจะมีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มอำนาจใหม่ในปัจจุบัน กับกลุ่มอำนาจเก่าในอดีต เป็นการเปิดหน้าชนเต็มๆของ ผบ.ทบ.กับ กลุ่มระบอบทักษิณ กลุ่มนักวิชาการบางส่วน และกลุ่มการเมืองพรรคอนาคตใหม่ อาจจะต่อสู้ทางด้านความคิด และแย่งชิงมวลชนครั้งใหม่ ทำให้ย้อนรอยไปถึงการเมืองช่วงเดือนตุลาคม ปี 2519 เพียงแต่บริบทในการต่อสู้แตกต่างกัน ไปตามยุคตามสมัยนั้น 

ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะมีการขยายความขัดแย้งลุกลามออกไปมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาบ้านเมืองของเราบอบช้ำกับความขัดแย้งทางการเมืองมามากพอแล้ว จึงไม่อยากให้มีการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง

สำหรับการประกาศไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา1 ของผบ.ทบ.นั้น ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แต่ความเห็นของผมนั้น การห้ามแก้มาตรา1เพียงมาตราเดียวยังไม่เพียงพอ ต้องไม่แก้ในหมวด1ว่าด้วยบททั่วไป และหมวด2ว่าด้วยหมวดพระมหากษัตริย์ด้วย จึงจะทำให้สังคมหมดสิ้นความสงสัย หมดความหวาดระแวงไปด้วย ซึ่งเป็นการปิดโอกาสของกลุ่มคนบางฝ่ายที่จะหยิบยกเรื่องเหล่านี้มาปลุกระดม ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมาได้ 
ผมขอย้ำในจุดยืนเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ คือ แก้เพียงมาตราเดียวเท่านั้น คือมาตรา256 จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จะเป็นการขจัดความขัดแย้งในสังคมหมดไปในทันที

"ผมอยากให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น ไม่อยากให้เดือนตุลาคมนี้ เป็นเดือนตุลาอาถรรพ์ เหมือนเหตุการณ์เดือนตุลาที่ผ่านมาในปีก่อนๆ สถานการณ์การเมืองในตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ขอให้นำปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปถกเถียงกันในเวทีรัฐสภา เพราะบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้ว มีตัวแทนของประชาชนที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา มีปัญหาความขัดแย้งใดๆควรนำไปแก้ไขกันในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นสิ่งดีที่สุด"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความสัมพันธ์เชิงบูรณาการ ดร.นิยม เวชกามา พระอาจารย์สุธรรมเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด

วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงบูรณาการระหว่างดร.นิยม เวชกามา กับพระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม: มิติทางการเมือง ศาสนา และการพัฒนาสังคมในลุ่มน้ำโขง ความ...